“แกเป็นใคร ถือดีอะไรมาขวางฉัน”
เมื่อเห็นชายชุดดำปรากฏตัวออกมาขวางทางของเธอ ไข่ในหินประจำตระกูลเผยก็มีสีหน้าแข็งกระด้างขึ้นมาทันที และเริ่มวางเย่อหยิ่ง
“ผมมีเรื่องต้องคุยกับเผยหยวนชิว คุณช่วยนำทางผมไปหน่อย” หลิวซิวกล่าวอย่างราบเรียบ
“บังอาจ! พ่อของฉันเป็นเจ้าตระกูลเผย แล้วแกเป็นใคร ทำไมถึงกล้าเรียกชื่อพ่อฉันแบบนี้”
เผยหลัวเหลียนตวาดเสียงแข็ง ที่ผ่านมาเธอได้รับการเลี้ยงดูแบบตามใจจนเสียนิสัย เธอจึงดึงกระบี่นุ่ม ออกมาจากเอว เตรียมจะสั่งสอนชายชุดดำผู้นี้ให้รู้เรื่อง
ทว่าในตอนที่เธอเพิ่งดึงกระบี่นุ่มออกมานั้น เธอก็เห็นหนุ่มชุดดำยื่นมือออกมา ที่ปลายนิ้วมือของเขาปรากฏเปลวเพลิงสีดำ
ในฐานะที่เป็นไข่ในหินของตระกูลเผย การฝึกตนของเผยหลัวเหลียนจึงไม่สูงมากนัก ทว่ากระบี่นุ่มในมือของเธอกลับไม่ใช่ของธรรมดา แต่เป็นถึงระดับนักยุทธ์ขั้นดินล่าง
ทว่าในช่วงเวลานี้ กระบี่ยุทธ์ระดับขั้นดินล่างนี้ด้ามนี้กลับถูกหนุ่มชุดดำที่อยู่ตรงกันข้ามคว้าเอาไว้ ไม่ว่าเธอจะพยายามกระตุ้นพลังจิตแท้อย่างไร ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนมันได้อีก
ส่วนกระบี่ยุทธ์ระดับนักยุทธ์ขั้นดินล่างภายใต้การแผดเผาของเปลวไฟสีดำนั้นก็ค่อยๆ อ่อนตัวลงเรื่อยๆ ราวกับกำลังจะละลาย
บริเวณนี้อยู่ไม่ไกลจากตำหนักตระกูลเผยมากนัก เมื่อทางนี้เกิดความเคลื่อนไหว ไม่นานนักแขกที่อยู่ในตำหนักใหญ่ก็จะเริ่มรับรู้ได้
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
มีคนคนหนึ่งตะโกนร้องพลางพุ่งทะยานเข้ามาด้วยความเร็วจี๋
แกร๊ก!
มือของหลัวซิวออกแรงบีบ บริเวณปลายกระบี่นุ่มระดับขั้นดินล่างถูกบีบจนแหลกละเอียด จากนั้นเขาจึงยื่นมือเปล่าออกไปกลางอากาศ พลังดึงดูดมหาศาลได้ลากตัวของเผยหลัวเหลียนเข้ามา สุดท้ายลำคอขาวสะอาดของเธอก็ได้เข้ามาอยู่ในฝ่ามือของเขา
“สหาย หากคุณหนูของพวกเราทำอะไรผิดไป ก็ขอได้โปรดเห็นแก่หน้าของพวกเราตระกูลเผยบ้าง อย่าไปถือสาอะไรเธอเลย”
ผู้ที่ตามมาในตอนหลังนี้ คือชายสวมใส่ชุดผ้าฝ้ายหรูหรา เขาเห็นแล้วว่าในมือของหลัวซิวปรากฏเปลวไฟสีดำ แววตาของเขาจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แม้แต่กระบี่ยุทธ์ระดับขั้นดินล่างยังไม่อาจรับมือกับเปลวไฟดำนี้ได้ ชัดเจนว่าอานุภาพของเปลวไฟดำนี้น่าหวาดผวาขนาดไหน
“ทำไมฉันต้องไว้หน้าตระกูลเผยด้วย” หลัวซิวทำสีหน้าดูถูก
ได้ยินเช่นนั้น ชายวัยกลางคนก็เริ่มทำหน้าไม่ถูก แม้ว่าในใจของเขาจะไม่พอใจมาก แต่กลับพยายามซ่อนความโกรธนั้นเอาไว้ ก่อนจะกล่าวตอบไปอย่างยิ้มแย้ม “เช่นนั้นแล้วสหายต้องการให้พวกเราทำอย่างไรถึงจะยอมปล่อยคุณหนูของพวกเรา”
ชายวัยกลางคนผู้นี้รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่สามารถรับมือกับอีกฝ่ายที่มีเปลวเพลิงอันน่าหวาดกลัวถึงขั้นที่สามารถเผากระบี่นักยุทธ์ระดับนักยุทธ์ดินล่างได้ เขาจึงได้แต่ถ่วงเวลาอยู่ตรงนี้เพื่อรอให้ผู้ที่มีฝีมือดีของตระกูลเผยมาจัดการคนผู้นี้แทน
“ฉันต้องการพบเผยหยวนซิว” หลัวซิวกล่าวออกไปตามตรง
“พบเจ้าตระกูล?” สีหน้าของชายวันกลางคนชะงักไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายบีบคอของเผยหลัวเหลียนเอาไว้ก็รีบกล่าวว่า “ขอแค่แกไม่ทำร้ายคุณหนูของพวกเรา ฉันจะพาแกไปพบเจ้าตระกูล”
ระหว่างที่ชายวัยกลางคนกำลังพูด ในใจของเขาก็กำลังหัวเราะเยาะไปพร้อมๆ กัน เพราะว่าเจ้าตระกูลของเขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้น 9 หมอนี่กล้าใช้กำลังกับคุณหนูแถมยังทำตัวโอหังกับเจ้าตระกูล มันคงจะสะกดคำว่าตายไม่เป็นเสียแล้ว
ในตอนนั้นเอง ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้างหลัวซิวอย่างไร้เงาและไร้สุ้มเสียง ร่างทั้งร่างของเขาถูกลำแสงสีเขียวปกคลุมเอาไว้ทั่วตัว
เมื่อเห็นเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาอีกอย่างไม่คาดฝันเช่นนี้ ชายวัยกลางคนจึงชะงักไป ชายคนนี้ยังมีพวกมาด้วยอีกคนงั้นหรือ
“รีบพาไปสิ” หลัวซิวกล่าวเสียงแข็ง
แขกจำนวนมากที่อยู่ด้านหน้าตำหนักใหญ่ต่างมีสีหน้าแปลกใจ ทุกคนต่างพากันสับสนว่าสองคนนี้เป็นใครมาจากไหน ถึงขั้นกล้ามาก่อกวนที่ตระกูลเผย แถมยังจับตัวเผยลูกสาวคนเล็กผู้ที่เผยหยวนชิวโปรดปรานที่สุดเอาไว้ด้วย
คนจำนวนมากในที่นั้นต่างสบตากัน ราวกับเห็นว่าผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้น 9 อย่างเผยหยวนชิวได้ระเบิดอารมณ์โกรธออกมาแล้ว
ในตำหนักของตระกูลเผย แขกที่มาร่วมอวยพรในงานได้นั่งรออยู่ในห้องโถงกันแล้ว โดยมีสตรีหน้าตาสะสวยคอยเดินบริการอาหารและเครื่องดื่มอยู่ทั่วบริเวณ
สิบตระกูลใหญ่ที่มีราชวงศ์ตระกูลฝานเป็นผู้นำ ก็ได้ส่งผู้ส่งสารมาร่วมอวยพรด้วยเช่นกัน เพราะอีกไม่กี่วันเผยชิ่งเฟยจะต้องไปอยู่ที่สำนักเสวียนหยางแล้ว ผู้ที่รับเขาเป็นลูกศิษย์คือผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์ผู้หนึ่งของสำนักเสวียนหยาง อนาคตของเขาจะต้องประสบความสำเร็จรุ่งเรืองอย่างแน่นอน
อีกอย่างหากได้รับการสนับสนุนอย่างๆ ลับจากสำนักเสวียนหยางแล้ว การที่ตระกูลเผยจะถูกจัดลำดับเข้าไปอยู่ในสิบตระกูลใหญ่ก็ถือเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงบุคคลใหญ่โตของสำนักเสวียนหยาง ดังนั้นคนที่ทุกฝ่ายส่งมาร่วมอวยพรจึงมีฐานะไม่ธรรมดา คนที่สิบตระกูลใหญ่ส่งมาล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ รองลงมาก็จะเป็นพวกเจ้าสำนักต่างๆ และเจ้าตระกูลบางตระกูลก็ยังมาร่วมงานด้วยตนเอง
บรรยากาศภายในห้องโถงเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความรื่นรมย์
ทว่าในตอนนั้นเอง สีหน้าของเจ้าตระกูลเผยอย่างเผยหยวนชิวที่นั่งอยู่ในระดับสูงตรงตำแหน่งประธานก็แข็งกระด้างขึ้นมา ไอสังหารที่เข้มข้นได้แพร่ออกมาจากตัวเขาอย่างเข้มข้นกระจายไปทั่วบริเวณ
ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นเอง ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างเงียบเสียงลง ทุกสายตาต่างจดจ้องไปอยู่ที่เจ้าตระกูลเผยผู้นี้ด้วยสีหน้าสงสัย เพราะไม่แน่ใจนักว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้เจ้าตระกูลเผยโมโหมากจนถึงขั้นปล่อยไอสังหารของตนออกมา
แววตาของเผยหยวนชิวที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น มองไปยังประตูทางออกของห้องโถง
สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างมองไปยังจุดเดียวกัน จึงเห็นว่าหนุ่มชุดดำคนหนึ่งจับคอของสตรีหน้าตางดงามคนหนึ่งเอาไว้กำลังสืบเท้าเข้ามายังห้องโถง
“นั่นมันลูกสาวของเจ้าตระกูลเผย!”
“หนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่ ถึงขั้นกล้าจับตัวไข่ในหินของตระกูลเผย”
ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ต่างมีสีหน้าชะงักงันไป ทันใดนั้นเองพวกเขาต่างรู้สึกได้ว่าเหตุการณ์รุนแรงกำลังจะเกิดขึ้น
“พ่อ!”
พอเผยหลัวเหลียนเห็นพ่อของตัวเองก็ร้องออกไปด้วยความตระหนก
บรรยากาศในห้องโถงเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายที่ดังเข้ามาจากด้านนอก นั่นก็คือบรรดาผู้แข็งแกร่งของตระกูลเผยที่ได้ยินว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจึงรีบร้อนมุ่งหน้ากันมาที่นี่แล้วมาล้อมพื้นที่บริเวณนี้เอาไว้
“แกเป็นใคร ทำไมต้องจับตัวลูกสาวของฉันไปด้วย” เผยหยวนชิวขมวดคิ้วพลางจ้องมองไปที่หนุ่มชุดดำด้วยสายตาเย็นยะเยือก และเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“ฉันมาตามหาคนคนหนึ่ง เพื่อแลกกับลูกสาวของแก” เปลวไฟดำบดบังใบหน้าของเขาเอาไว้ ทุกคนได้ยินเพียงเสียงของเขาแต่มองไม่เห็นท่าทางของเขา
“หาคน?” เผยหยวนชิวหน้าตายังคงแข็งกระด้าง “ฉันไม่เข้าใจความหมายของแก ตระกูลเผยไม่มีใครที่แกต้องการหรอก แกปล่อยตัวลูกสาวของฉันก่อน ไม่อย่างนั้น……”
ระหว่างที่พูด รอบกายของเผยหยวนชิวก็ปรากฏเปลวไฟร้อนแรง น้ำเสียงหมองหม่นของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“ไม่อย่างนั้นแล้วแกจะทำไม”
อาจารย์ตระกูลสวีที่อยู่ด้านหลังหลัวซิวสืบเท้าก้าวออกมา น้ำเสียงนิ่งสงบของเขาราวกับไม่เห็นเผยหยวนชิวอยู่ในสายตา
“แกจะตายไงเล่า ถ้าแกแตะต้องลูกสาวของข้าแม้แต่ปลายผม ข้าจะประหารแกพันมีดหมื่นแร่”
เผยหยวนชิวตวาดเสียงเข้ม พลังอันแข็งแกร่งระเบิดออกมาจากภายในร่างกายของเขา เสื้อผ้าของเขาขยับแม้ไร้ลม โต๊ะเก้าอี้โดยรอบบริเวณโดนแรงนี้บีบอัดจนแตกกระจายเป็นเสี่ยง
“พลังแข็งแกร่งมาก นี่คือผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้น 9 ใช่หรือไม่”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความน่าพรั่นพรึงในห้องโถง แขกในงานต่างมีสีหน้าชะงักงัน