ในความเป็นจริงที่นางติดตามหลัวซิว ลูกแก้วดำเป็นเพียงเหตุผลเล็ก ๆ เหตุผลหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญคือ นางกังวลว่าหลัวซิวจะพบเจอกับอันตรายที่นี่ หากมีนางที่เป็นถึงจักรพรรดิยุทธ์อยู่เคียงข้าง ก็จะมั่นใจในความปลอดภัยยิ่งขึ้น
หลัวซิวเข้าใจความกังวลของนางเป็นอย่างดี เขายิ้มและจับมือเรียวงามที่ซีดขาวของนางไว้ “เราแค่ต้องเดินไปในทิศทางที่ลูกแก้วดำสัมผัสได้ก็พอแล้ว”
เหยียนเยว่เอ๋อร์ยิ้มแหละพยักหน้า ทั้งสองจับมือกันและเดินไปข้างหน้า
เพราะคีตโลกาแห่งนี้ คือสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์สร้างขึ้นมา ดังนั้นจึงมีข้อห้ามพิเศษบางประการคงอยู่
หนึ่งในข้อห้าม คือไม่สามารถบินบนท้องฟ้าที่นี่ได้ อย่างที่สองคือท่ามกลางคีตโลกา ไม่มีพลังฟ้าดินจิตแม้สักเสี้ยวเดียว
นอกจากนี้ยังหมายถึง ถ้าพลังจิตแท้ถูกใช้ที่นี่ ไม่สามารถฟื้นฟูได้โดยการดูดซับพลังฟ้าดิน หินพลังจิตและยาวิเศษที่ใช้ฟื้นฟูพลังจิตแท้ ในที่แห่งนี้นั้นมันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ทุ่งหญ้านี้ไม่มีที่สิ้นสุดและหญ้าก็สูงมาก ยาวเกือบสองเมตรเหมือนป่า เมื่อเจ้าไม่สามารถบินได้ มันง่ายที่จะหลงทางและไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน
โชคดีที่การที่มีลูกแก้วดำคอยชี้นำทาง หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น
พืชพรรณในหญ้านั้นเขียวชอุ่มและแข็งแกร่ง ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฟันด้วยดาบเพื่อตัดมันออก
ในโลกนี้ที่ไม่มีพลังฟ้าดินจิตแม้แต่น้อย พืชพันธ์ที่ได้รับการกลายพันธ์เช่นนี้ มีความแตกต่างที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
“ปัง!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกระทบกันจากกอหญ้าทางซ้ายมือ ตัวสำนึกของหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์กวาดไปทางนั้นในเวลาเดียวกัน สัมผัสได้ถึงเงาดำที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและพุ่งตรงไปที่เหยียนเยว่เอ๋อร์
เหยียนเยว่เอ๋อร์ส่งเสียงหึอย่างเย็นชา เปลวเพลิงหอกรบปรากฏขึ้นในมือ หอกแทงแหวกอากาศออกไป เกิดเสียงดังพับขึ้น จากนั้นก็เจาะเข้ากับหัวของอสูรเสือที่มีขนสีดำแข็งทั่วตัว
อสูรกายเสือดำตัวนี้ส่งเสียงครวญคราง ทันใดนั้นมันก็ล้มลงกับพื้นและตายในทันที
“ที่นี่ยังมีอสูรกายอยู่หรือ?”
หลัวซิวเดินขึ้นไปข้างหน้า พบว่ามีร่างของอสูรเสือตัวหนึ่งที่มีร่างกายแข็งแกร่ง ร่างยุทธ์สูงสุดที่งดงามมาก แต่ไม่มีการผันผวนของพลังจิตในการลอบโจมตี
อสูรกายเหมือนกับมนุษย์ อาศัยการหมุนเวียนของพลังฟ้าดินจิตเพื่อฝึกตน เมื่อบรรลุถึงขั้นสี่จะสามารถหลอมรวมให้เป็นพลังจิตแท้ได้
แต่สำหรับในคีตโลกาแห่งนี้ไม่เหมือนกัน มันไม่มีพลังฟ้าดินจิตอยู่แม้แต่น้อย อสูรกายที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่มีทางที่จะฝึกตนได้เลย
สำหรับสถานที่ที่มีปัจจัยสิ่งแวดล้อมแบบพิเศษเช่นนี้ อสูรกายที่มีชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ ทุกตัวต่างก็มีร่างเนื้อที่แข็งแกร่ง ไม่ต่างอะไรกับนักยุทธ์ที่ยังมีชีวิตอยู่
ไม่มีคลื่นพลังจิต อสูรกายที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าก็ยากที่จะถูกพบได้ นอกเสียจากว่าจะแพร่ตัวสำนึกไว้ตลอดเวลา เพื่อจับตาดูการเคลทื่อนไหวของทั้งสี่ทิศ แต่หากเป็นเช่นนั้น ตัวสำนึกก็จะถูกลดทอนลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าจะรู้สึกอ่อนล้าอย่างรุนแรง
เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็คิดได้เช่นนี้ เมื่อตัวสำนึกกำลังจะแพร่กระจายออกไปในนาทีนั้น เพื่อป้องกันการลอบโจมตี
“หากแพร่ตัวสำนึกอยู่ตลอดเช่นนี้มันสิ้นเปลืองเกินไป ให้ข้าจัดการเถอะ” หลัวซิวดึงมือของนางพลางเอ่ยปากบอก
“ผลการฝึกตนของข้าสูงกว่าเจ้าอยู่บ้าง ยังไงก็ให้ข้าจัดการแล้วกัน” เหยียนเยว่เอ๋อร์พูดพลางส่งยิ้มหวาน แม้ว่าจะเป็นเพียงการใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยก็ตาม แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น
สำหรับผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนนี้ นางยินยอมที่จะทำทุก ๆ อย่างเพื่อเขาอยู่แล้ว กับแค่การสิ้นเปลืองพลังเล็กน้อยมันเทียบอะไรไม่ได้เลย
หลัวซิวยิ้มและบีบแก้มของนางเบา ๆ “ในความจริงข้าไม่จำเป็นต้องแพร่ตัวสำนึกออกมา ก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของอสูรกายที่หลบซ่อนอยู่”
ได้ยินเช่นนั้น เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็มุ่ยปากทันที “คำพูดเช่นนี้ เจ้าไปหลอกเด็กสาวคนอื่นน่ะถึงจะได้”
แม้ว่าจอมยุทธ์จะมีการตอบสนองทางวิญญาณที่เฉียบแหลมต่ออันตราย แต่สัญชาตญาณแบบนี้ไม่ได้น่าเชื่อถือมากนัก ถ้าเจออสูรกายตัวที่หลบซ่อนเก่ง หากไม่ได้ตอบสนองอย่างทันท่วงที เจ้าอาจถูกโจมตีและบาดเจ็บ
“ไม่เชื่อหรือ?” หลัวซิวเลิกคิ้วแล้วที่ไปมทางด้านซ้าย “ห่างออกไปสามร้อยเมตร มีอสูรกายซ่อนอยู่หนึ่งตัว”
เหยียนเยว่เอ๋อร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ตัวสำนึกระดับจักรพรรดิยุทธ์แพร่กระจายออกมา และพุ่งไปทางที่หลัวซิวชี้เพื่อสำรวจ
จริงเสียด้วย ห่างไปมากกว่า 300 เมตร มีอสูรกายตัวหนึ่งหลบซ่อนอยู่ เหมือนกับอสูรกายที่โดนนางแทงจนตายเมื่อครู่ ไม่มีคลื่นพลังจิตแม้แต่น้อย
และนางสามารถมั่นใจได้ว่า หลัวซิวไม่ได้ปล่อยตัวสำนึกเพื่ออกไปสำรวจเลย
“เจ้าทำได้อย่างไร?” เหยียนเยว่เอ๋อร์มองหลัวซิวด้วยสีหน้าประหลาดใจ เพราะต่อให้นางที่เป็นจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง หากไม่ใช้ตัวสำนึกในการสำรวจ ก็ทำได้แค่ค้นพบอสูรกายที่ไม่มีคลื่นพลังจิตซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่เกิน 300 เมตรเท่านั้น
อสูรกายจำพวกนี้ มีเพียงแค่เวลาที่แพร่ตัวสำนึกออกไปเท่านั้น ถึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตบนตัวของมัน
แต่หลัวซิวมีความสามารถในการรับรู้ชีวิต ไม่ใช้ตัวสำนึกก็สามารถเจาะลึกทุกพลังชีวิตในขอบเขตที่กำหนด
เหยียนเยว่เอ๋อร์พบว่า ยิ่งเข้าใกล้ชายผู้นี้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งพบว่าเขาเต็มไปด้วยความลึกลับ
ผู้คนมักมีสัญชาตญาณที่จะมองสิ่งที่ไม่รู้จักด้วยความเกรงขาม
แต่เหยียนเยว่เอ๋อร์กลับรู้สึกว่า เจ้าสมบัติลึกลับนี้ในตัวหลัวซิว มันน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปค้นหา แทบรอไม่ไหวที่จะได้รู้จักและใกล้ชิดกับเขา
มีกระแสสัมผัสพลังชีวิตของหลัวซิวเป็นมาตรการป้องกัน โดยทั่วไป ตราบใดที่มีอสูรกายปรากฏขึ้นภายในระยะหลายร้อยเมตร จะถูกเขาค้นพบได้ในทันที
สิ่งที่ทำให้หลัวซิวประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ท่ามกลางคีตโลกาที่ไม่มีพลังฟ้าดินจิตแม้สักนิด แต่ยาวิเศษกลับสามรถเติบโตได้?
หญ้าใบเล็กๆ ที่มีใบสีเหลืองสามใบไหวตามลม และแต่ละใบก็สะดุดตาราวกับสีของทองคำ
นี่คือหญ้าทองเป็นหนึ่งในยาวิเศษที่หายาก และยาวิเศษชนิดนี้มีผลที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมสำหรับการกลั่นร่าง
หญ้าทองไม่จำเป็นต้องใช้เพื่อกลั่นยา บดเสร็จแล้วคั้นออกมา สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างเนื้อนักยุทธ์ได้อย่างมาก
เพียงแต่การใช้หญ้าทองเพื่อช่วยในการฝึกร่างเนื้อ ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส ราวกับมดหมื่นตัวที่กัดกินร่างกาย ลูกศรหมื่นลูกที่แทงทะลุหัวใจ
แม้ว่ากระบวนการจะเจ็บปวดมาก แต่ผลของหญ้าทองนั้นดีอย่างน่าประหลาดใจ ในสมัยโบราณ หญ้าทองแต่ละเม็ดนั้นราคาสูงเสียดฟ้า เนื่องจากไม่มีระดับที่แน่นอนของยาวิเศษ ไม่ว่าจะเป็นนักยุทธ์ระดับใด ก็จะมีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพในการ
ประสิทธิภาพของหญ้าทอง คือทำให้นักยุทธ์แดนร่างเนื้อ ยกระดับเล็กน้อย
ตัวอย่างเช่น หลัวซิวในตอนนี้คือร่างยุทธ์ระดับราชาขั้นปฐมภูมิ เมื่อใช้หญ้าทองแล้ว ก็จะสามารถบรรลุร่างยุทธ์ระดับราชาช่วงกลางได้
ถ้าหากว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีร่างยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ ถ้าหากใช้หญ้าทองแล้ว ก็จะสามารถบรรลุขึ้นไปอีกหนึ่งแดนเล็ก
ซึ่งนี่ก็คือจุดเด่นที่ทำให้ยาวิเศษอย่างหญ้าทองชนิดนี้มีค่ามหาศาล
ชั่วครู่หนึ่ง หลัวซิวมีอาการวิงเวียนศีรษะราวกับว่าจะเป็นลมให้ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าโชคของเขาจะดีขนาดนี้ ที่สามารถพบหญ้าวิญญาณที่หายากและมีค่าเช่นนี้ได้
เหยียนเยว่เอ๋อร์เมื่อสังเกตเห็นท่าทางตื่นเต้นของหลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “นั่นคือยาวิญญาณอะไรหรือ?”
“สมบัติล้ำค่าชนิดหนึ่ง!”
ขณะพูด หลัวซิวก็หยิบกระบี่อาถรรพ์ฟันเสือที่อยู่ด้านหลังออกมา เพราะพื้นที่ใกล้ ๆ กับแหล่งที่หญ้าทองเติบโตนั้น มีหมาป่าสีเงินที่มีดวงตาหนึ่งดวงเป็นแนวตั้งอยู่ระหว่างคิ้ว ร่างกายโค้งงอ ความชั่วร้ายที่รุนแรงนั้นแพร่กระจายออกมา