Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1010 อานุภาพไร้ขอบเขต

ตอนที่ 1010 อานุภาพไร้ขอบเขต

น้ำเสียงเยียบเย็น เจือความเหน็บแนมและไอสังหารเข้มข้น

หลินสวินเองก็รู้ว่าเคล็ดวิชามหาไร้รูปที่ตนสำแดง เดิมก็ไม่อาจปิดบังเนตรธรรมของฉู่เป่ยไห่ได้จึงเผยร่างเดิมทันที

ผู้ฝึกปราณละแวกใกล้เคียงจึงรู้ว่า กองกำลังที่มีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันมากมายขบวนนี้ มาตามจับเด็กหนุ่มนี่โดยเฉพาะ!

นี่เห็นชัดว่าน่าเหลือเชื่อ แค่เด็กหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง มีค่าอะไรถึงต้องทำขนาดนี้ด้วย

อีกทั้งพวกสายตาเฉียบแหลมส่วนหนึ่งยังดูจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายออก ว่าพวกฉู่เป่ยไห่คือผู้แข็งแกร่งที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์!

นี่เป็นถึงสำนักโบราณของแคว้นกู่ชาง อิทธิพลยิ่งใหญ่ มีชื่อเสียงทั่วแดนชัยบูรพา

เวลานี้เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันอย่างเฉิงไหวคง เสวียนเหวยต่างกำลังพิเคราะห์หลินสวิน นี่น่ะหรือเทพมารหลิน

ดูแล้วก็ไม่เท่าไหร่!

“ส่งตัวพวกเสวี่ยเชียนเหินคืนมา ข้าอาจให้เจ้าตายอย่างสมเกียรติบ้าง” ฉู่เป่ยไห่แววตาเยียบเย็น สีหน้าอำมหิตไร้ปรานี

ความจริงการตามล่าตลอดเส้นทางนี้ทำให้เขาสะสมเพลิงโทสะสุมอกนานแล้ว

เริ่มจากถูกหลินสวินหลอก คว้าน้ำเหลวที่เมืองวายุทราย จากนั้นก็ตามไล่ล่าจากแคว้นกู่ชางถึงเมืองเสียงวารีแคว้นคลื่นครามนี่ กระทั่งหากช้าเพียงก้าวก็จะปล่อยเป้าหมายหลุดไปได้

ต่อให้ฉู่เป่ยไห่ความคิดอ่านล้ำลึกมากกว่านี้ ก็ไม่อาจระงับโทสะภายในใจได้

“พวกเจ้าถอยไปและส่งยันต์ผนึกต้องห้ามมาก่อน แล้วข้าจะปล่อยพวกเขา” เห็นได้ว่าหลินสวินเยือกเย็นยิ่ง กล่าวราบเรียบ

“ไอ้เด็กเดรัจฉาน เจ้ายังกล้าต่อรองอีกรึ” เสวียนเหวยตวาดกร้าว อานุภาพดั่งทวยเทพสยบทั่วลาน ทำเอาจิตวิญญาณผู้คนต่างรู้สึกกดดันหาใดเปรียบ

ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งเห็นสถานการณ์ไม่เข้าทีจึงถอยหนีห่างไปไกลนานแล้ว เกรงแต่จะถูกลูกหลง

เมื่อราชันเดือดดาล โลหิตหลั่งดั่งสายธาร น่าพรั่นพรึงยิ่ง!

แม้แต่หลินสวินก็ถูกเสียงตวาดนี่กระเทือนจนเลือดลมทั่วร่างพลิกม้วน ในใจไม่อาจไม่ยอมรับว่าเมื่อตนเทียบกับราชันที่แท้จริงแล้ว สุดท้ายก็ยังต่างกันมาก

ทว่าเขากลับไม่หวั่นเกรง กล่าวเย็นชา “ไอ้แก่เดรัจฉาน เสียแรงที่เจ้ามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ฐานะสูงส่งอิทธิพลล้นฟ้า ทำไมพูดจาขยะเช่นนั้น”

“เจ้ารนหาที่ตาย!” เสวียนเหวยสีหน้าขรึมลง ในดวงตาดั่งมีวังวนสายฟ้าคะนองชวนประหวั่นหมุนเวียน น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ

เมื่อไหร่กันที่กล้ามีคนด่าเขาว่าไอ้แก่เดรัจฉาน

ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ!

ตูม!

แรงกดดันมหาศาลไร้รูปหนึ่งสายแผ่กระจายจากร่างเสวียนเหวย บีบอัดไปทางหลินสวินอย่างหนักหน่วง

“อ๊าก…” เสียงโหยหวนหนึ่งดังจากร่างหลินสวิน แต่กลับไม่ใช่เสียงหลินสวิน

“ศิษย์น้องจางเจิง!” ฉู่เป่ยไห่สีหน้าอึมครึมกล่าวเดือดดาล “หลินสวิน เจ้าทำอะไรศิษย์น้องจางเจิง”

“ไม่มีอะไร แค่เอาชีวิตเขาไปครึ่งหนึ่ง หากท่าทีพวกเจ้ายังหยิ่งผยองเช่นนี้ เช่นนั้นเขาอาจไม่มีชีวิตรอด” หลินสวินผ่อนคลายสบายใจ

แม้แรงกดดันของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันจะแข็งแกร่ง แต่ไม่ถึงขั้นทำให้เขาสั่นสะเทือน

“เจ้า!” ฉู่เป่ยไห่และเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างสีหน้าอึมครึม ไอสังหารห้อมล้อม พลานุภาพชวนประหวั่นนั่นทำท้องฟ้าทั้งเมืองเสียงวารีต่างปกคลุมด้วยไอสังหารชั้นหนึ่ง พาให้ทั้งเมืองต่างตื่นตระหนก

“ส่งมอบยันต์ผนึกต้องห้ามมา ไม่เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้พวกเจ้าอย่าหวังจะได้เห็นพวกจางเจิงอีก!” หลินสวินไม่กล่าวมากความแม้แต่น้อย ดวงตาเยียบเย็นจ้องมองพวกเขา แข็งกร้าวเหลือประมาณ

นี่ทำให้พวกฉู่เป่ยไห่โกรธจนแทบคลั่ง

ไล่ตามศัตรูอย่างยากลำบากกลับถูกอีกฝ่ายข่มขู่เช่นนี้ รสชาตินี้ทำเอาพวกเขาต่างรู้สึกเดือดดาลและอัดอั้นเหลือคณนา

“ได้!”

เหนือความคาดหมาย เฉิงไหวคงที่เงียบมาตลอดขานรับฉะฉานยิ่ง สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ซัดยันต์ผนึกต้องห้ามที่เก็บมาก่อนหน้าแหวกอากาศพุ่งไปทางหลินสวิน

แต่เกือบเวลาเดียวกัน นัยน์ตาหลินสวินพลันหดรัด

เพราะที่มาพร้อมยันต์ผนึกต้องห้ามยังมีมือใหญ่ปิดคลุมฟ้าดินข้างหนึ่ง ดั่งกรงเล็บมังกรที่เอื้อมผ่านอากาศฉับพลัน แสงมรรคเปล่งประกายทันใด ก่อให้เกิดพลานุภาพอัศจรรย์ชวนประหวั่นไร้ขอบเขตไม่อาจต้านทาน!

พริบตานั้นหลินสวินก็ถูกกรงเล็บกระชากไปง่ายดายราวเด็ดบุปผาปลิดใบหญ้า

นี่ก็คือพลังราชันอมตะเคราะห์ขั้นหนึ่ง ทรงพลังไร้ขอบเขต จัดการผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติอย่างหลินสวินได้เหมือนก้มมองปลวกมด ไม่จำเป็นต้องใส่ใจแต่แรก

พวกฉู่เป่ยไห่ต่างเป่าปากโล่งอกทันที แม้แต่พวกเขาล้วนไม่อาจไม่ชื่นชม การโจมตีนี้ของเฉิงไหวคงช่างเรียกได้ว่าเฉียบขาดไม่อาจต้านทาน!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หลินสวินนั่นต้องถูกคุมตัวแน่ ไม่อาจมีโอกาสสังหารพวกเสวี่ยเชียนเหินอีก

ทว่าเหนือความคาดหมายทุกคน ในกระบวนการนี้หลินสวินไม่ต่อต้านกลับให้ความร่วมมือยิ่ง ถือโอกาสพุ่งเข้าหา

ขวดหยกมันแพะขนาดไม่กี่ชุ่นปรากฏกลางอากาศอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง และถูกหลินสวินกระทุ้งโดยตรง

ตูม!

เสียงกัมปนาทราวภูเขาถล่มทะเลคำรามดังขึ้น คลื่นกระบวนผนึกบาดตาไร้สิ้นสุดสาดแสง อุบัติราวดวงตะวันเจิดจ้ารุนแรง จากนั้นก็เหมือนระเบิดออก

ชั่วพริบตาบริเวณนี้งามแปลกตา แสงศักดิ์สิทธิ์งามตระการทะลวงห้วงอากาศ ประหนึ่งเปิดประตูแห่งความพินาศ รอยผนึกมรรคราชันแน่นหนาโหมกระหน่ำปกคลุมฟ้าดินนี้

นี่คือพลังน่าหวาดกลัวที่ไม่อาจอธิบาย สะเทือนใต้หล้ายิ่ง!

‘แย่แล้ว!’

เฉิงไหวคงที่เดิมสีหน้าเยียบเย็นมาดมั่น บัดนี้กลับหน้าเปลี่ยนสีครั้งใหญ่ ฝ่ามือที่เขาคว้าจับถูกป่นเป็นจุณชั่วพริบตา

อีกทั้งยังไม่ทันหลีกหลบก็ถูกคลื่นผนึกต้องห้ามไร้สิ้นสุดฝังกลบ ทันใดนั้นเขาเปล่งเสียงทุรนทุราย ทั่วร่างเผาไหม้ดิ้นรนไม่หยุด

ขณะเดียวกันสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนอื่นอย่างเสวียนเหวยเห็นสถานการณ์ไม่เข้าที เดิมคิดหลบหนีแต่กลับไม่ทันการ ถูกปกคลุมไปตามๆ กัน

หาใช่พวกเขาไม่ได้เรื่อง แต่ภายในขวดมหามรรคไร้ขอบเขตรวบรวมอานุภาพแกร่งสุดของกระบวนผนึกจตุลักษณ์ราชันยามโคจรเต็มกำลังไว้ หลังผ่านการเพิ่มพลังจากขวดมหามรรคไร้ขอบเขต อานุภาพยิ่งพุ่งทะยานเท่าทวีเต็มกำลัง!

กล่าวได้ว่าสิ่งที่พวกเขาเผชิญตอนนี้ก็คือกระบวนผนึกมรรคราชันที่พลานุภาพเพิ่มเป็นเท่าตัว มีหรือจะเป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถต้านทานได้

อีกทั้งสถานการณ์กะทันหัน แม้พวกเขาผ่าสมองออกมาก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าในมือหลินสวินจะมีสมบัติมหัศจรรย์คาดไม่ถึงเช่นนี้ จึงประสบอันตรายอย่างไม่คาดฝันโดยสิ้นเชิง

น่าเศร้าที่เฉิงไหวคงเป็นถึงราชันที่ก้าวสู่อมตะเคราะห์ขั้นหนึ่ง ยังไม่สำแดงอานุภาพก็ถูกพลังกระบวนผนึกชวนประหวั่นปกคลุม ผู้ทรงพลังอย่างเขายังส่งเสียงร้องโหยหวนหาใดเปรียบ

ทั่วร่างเขาราวลุกเป็นไฟ ทุกอณูผิวไหม้เกรียม เนื้อหนังต่างถูกเผาไหม้

พวกเสวียนเหวยเองก็ไม่ต่างกัน เงาร่างถูกกลบอยู่ในคลื่นผนึกต้องห้ามน่าหวาดกลัว ไม่ว่าดิ้นรนอย่างไรล้วนยากหลบหนี กลับถูกซัดกระจุยจนผิวปริเนื้อแตกอเนจอนาถหาใดเปรียบ

ที่ไกลออกไป ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนหวาดหวั่นพรั่นพรึง นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว ชั่วพริบตาสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันหลายคนประสบเคราะห์โดยพร้อมเพรียง นี่ทำให้ผู้คนต่างไม่อาจเชื่อ

ขณะเดียวกันพวกเขาตกตะลึงหาใดเปรียบ ไม่อาจจินตนาการว่าเด็กหนุ่มตัวคนเดียวที่มีปราณเพียงระดับกระบวนแปรจุติ กลับมีพลังโจมตีราชันหลายคนจนบาดเจ็บหนัก นี่หากแพร่ออกไปต้องสะเทือนใต้หล้าแน่

ที่เหนือความคาดหมายคือฉู่เป่ยไห่กลับหลบได้

หนึ่งคือหลินสวินเพ่งเล็งสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นโดยเฉพาะ เห็นว่าภัยคุกคามของฉู่เป่ยไห่ไม่ได้มาก

สองคือในช่วงเวลาสำคัญฉู่เป่ยไห่เรียกถ้วยหินสีดำประหลาดใบหนึ่งออกมา เปล่งแสงสีเงินต้านการโจมตีทั้งปวง พาร่างเขาไปจากตำแหน่งเดิมปรากฏตัวนอกระยะหลายร้อยจั้งทันที ไม่ต่างอะไรกับเคลื่อนย้ายพริบตา!

ไม่จำเป็นต้องสงสัย ถ้วยหินสีดำประหลาดนี่คือสมบัติน่าเหลือเชื่อชิ้นหนึ่ง

ต่อให้เป็นเช่นนั้นฉู่เป่ยไห่ก็ยังตกใจจนเหงื่อแตกทั้งตัว ถ้วยหินสีดำคือสิ่งที่เขาได้รับจากศิลาอุกกาบาตอัศจรรย์ในงานประเมินหิน คือสมบัติหายากลึกลับเกินคาดเดานาม ‘ถ้วยแปรนภา’

ครั้งนี้หากไม่ใช่สมบัตินี่ เขาคงถูกกำจัดทิ้งชั่วพริบตาแน่!

ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นถึงพลังผนึกต้องห้ามมรรคราชัน แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันล้วนต้านไม่อยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้กล้ารุ่นเยาว์อย่างเขาเลย

“น่าชังนัก!” ฉู่เป่ยไห่สีหน้าคล้ำเขียว โกรธจนดวงตาแทบถลน

เดิมพวกเขารู้ดีว่าในมือหลินสวินมีสมบัติอริยะเป็นเจดีย์สมบัติชิ้นหนึ่ง แต่ไม่น่าหวาดกลัวอะไรนัก เพราะพวกเขาเชื่อว่า ด้วยพลังหลินสวินคงไม่อาจสำแดงอานุภาพทั้งหมดของสมบัติอริยะออกมาทั้งหมด

ขอแค่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันออกมือก็เพียงพอกำราบเขาได้

ใครเล่าจะคาดคิด ไม่ทันเห็นสมบัติอริยะนี่ อีกฝ่ายก็เรียกพลังกระบวนผนึกมรรคราชันชวนประหวั่นยากอธิบายออกมาในชั่วพริบตา!

เพียงชั่วขณะก็ซัดจนพวกเขารับมือไม่ทันสักอย่าง

เวลานี้แม้ฉู่เป่ยไห่เดือดดาลหาใดเปรียบ แต่เขากลับไม่กล้าเข้ามา การโจมตีนั่นน่าหวาดกลัวเกินไป มืดฟ้ามัวดิน สัมผัสมันต้องตายแน่

หลินสวินแทบไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านี้ กระตุ้นขวดมหามรรคไร้ขอบเขตอย่างบ้าคลั่ง โจมตีใส่พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันอย่างเฉิงไหวคงทั้งหมด

“บังอาจ! ใครมันกล้าหาเรื่องสำนักกระบี่ตะวันแดงของข้า”

เหนือนภาเมืองเสียงวารีก้องเสียงตวาดดั่งฟ้าคะนอง เป็นเจ้าสำนักสำนักกระบี่ตะวันแดงถูกรบกวนตื่น นี่คือผู้ดำรงระดับราชันคนหนึ่งเช่นกัน

หลินสวินนัยน์ตาพลันหรี่ลง เหลือบมองในลานวูบหนึ่ง มีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนหนึ่งถูกสังหาร ร่างถูกจู่โจมกลายเป็นสามท่อนเหมือนถ่านหินหมดควันที่แตกหัก พลังจิตวิญญาณล้วนดับมอด

พวกเฉิงไหวคงต่างดูไม่จืด ถึงแม้รอดชีวิตก็ต้องบาดเจ็บสาหัส ได้รับบาดเจ็บหนักอย่างยากจินตนา

หาได้ลังเลไม่ เงาร่างหลินสวินวูบไหวโผเข้าหาค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ นำยันต์ผนึกต้องห้ามที่คว้าได้ฝังลงบนแท่นบูชาค่ายกลโบราณ

วู้ม!

ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณหมุนโคจรแผ่คลื่นทะลวงเมฆา

เงาร่างหลินสวินหายไปชั่วพริบตา

“หลินสวิน ไม่ว่าเจ้าหนีไปไหน ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ แน่นอน!!” ฉู่เป่ยไห่โกรธจนผมตั้ง แหงนมองฟ้าแผดตะโกน โกรธจนแทบวิกลจริต

“ไอ้เด็กเดรัจฉาน! ข้ากับเจ้าไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน!” เฉิงไหวคงเองคำรามพิโรธ

เขาและผู้แข็งแกร่งระดับราชันสามคนโชคดีรอดมาได้ แต่ล้วนอเนจอนาถหาใดเปรียบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่าทางเศร้าหมองเกือบสิ้นชีวาวาย

ไกลออกไป ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนใจสั่นต่างมีลางสังหรณ์เด่นชัด นี่ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ จะต้องสั่นสะเทือนแคว้นกู่ชาง แพร่กระจายไปทั่วใต้หล้า

ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ แค่ไม่ถึงหนึ่งวันข่าวก็แพร่กลับไปในเขตแคว้นกู่ชางด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ ก่อให้เกิดคลื่นลมล้นฟ้า

เวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งเดือน แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่ตามล่าหลินสวินก็สูญเสียผู้สืบทอดมากมาย ราชันหลายคนออกจู่โจมก็ได้รับบาดเจ็บหนัก กระทั่งยังมีราชันผู้หนึ่งล้มตาย!

นี่ใครจะกล้าเชื่อ

แต่เทพมารหลินซึ่งก่อเรื่องทุกอย่าง ท้ายที่สุดกลับหนีไปได้อย่างปลอดภัย อาศัยค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณลาจาก ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนลูกตาแทบถลน สั่นสะเทือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เห็นหัวหลินสวิน คิดว่าเขาล่วงเกินแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แม้ครองพลังพลิกฟ้าก็หนีความตายไม่พ้น

แต่ความจริงกลับตีแสกหน้าพวกเขาโดยไม่ต้องสงสัย!

…………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท