Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1012 เหนือฟ้านครหยกขาว สิบสองหอห้าเมือง

ตอนที่ 1012 เหนือฟ้านครหยกขาว สิบสองหอห้าเมือง

ตอนที่ 1012 เหนือฟ้านครหยกขาว สิบสองหอห้าเมือง
เหนือฟ้านครหยกขาว สิบสองหอห้าเมือง

เซียนโอบเหนือศีรษะ ผูกเกศารับอมร

แคว้นนี้แต่โบราณมามีตำนานปกรณัมน่าเหลือเชื่อนับไม่ถ้วน ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดเคยให้กำเนิดผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนานมากมาย

เรื่องเล่าขานที่ดังที่สุดในนั้นเป็นของบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้า นี่ก็คือบุคคลในตำนานคนหนึ่ง

บรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้าถูกเรียกขานอย่างยกย่องว่า ‘บรรพจารย์กระบี่เทียมฟ้า’ ครั้งเยาว์วัยเดิมเป็นเด็กเลี้ยงสัตว์คนหนึ่ง พบเจอวาสนาและก้าวสู่หนทางบำเพ็ญกระบี่

จากนั้นเขาผ่านการกรำศึกสามพันปี พิฆาตล้านศัตรูทั่วทิศ กระบี่เทียมฟ้าหนึ่งเล่ม บุกขึ้นสังหารเก้าสวรรค์ เฉือนผ่าลงขุมนรก ประหนึ่งเซียนกระบี่เยือนแดนโลกีย์ ชื่อเสียงสะเทือนโลกบรรพกาล

ต่อมาบรรพจารย์กระบี่เทียมฟ้าเบื่อหน่ายการฆ่าฟัน ปลูกเรือนพำนักในนครหยกขาว หยั่งรู้ความลับแห่งจักรวาล สุดท้ายจึงแจ้งมรรค และก่อตั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้าแห่งนี้ขึ้น!

จนทุกวันนี้ สำนักกระบี่เทียมฟ้าเป็นสำนักโบราณแห่งหนึ่งที่ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแดนชัยบูรพามาเนิ่นนาน รากฐานมั่นคงหาใดเปรียบ

มีคำเล่าลือว่ายามบรรพจารย์กระบี่เทียมฟ้าตั้งสำนักที่นี่ เดิมนครหยกขาวก็เป็นแดนมงคลบำเพ็ญมรรคที่ชื่อเสียงโด่งดัง ซ่อนมหาศุภโชคอยู่แล้ว

และเพราะที่นี่มีวาสนาชั้นยอด จึงทำให้บรรพจารย์กระบี่เทียมฟ้าหยั่งถึงรู้แจ้ง บรรลุจุดสูงสุดแห่งมหามรรคในคราเดียว!

แต่ไม่ว่าอย่างไรตำนานนับไม่ถ้วนนี้ก็เพิ่มสีสันความเร้นลับให้นครหยกขาวขึ้นมากมายโดยปริยาย

ปัจจุบันในแคว้นเรือนหมื่นของแดนชัยบูรพา นครหยกขาวเรียกได้ว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์บำเพ็ญมรรคซึ่งสามารถจัดอยู่ในสิบอันดับแรก

นครหยกขาว สิบสองหอห้าเมือง

เมืองแสงทองคือหนึ่งใน ‘ห้าเมือง’ ขนาดใหญ่โตกว่าเมืองที่หลินสวินเคยเห็นช่วงหลายวันมานี้

บนท้องถนนรถม้ารถลากสวนกันขวักไขว่ ผู้คนสัญจรคราคร่ำ เจริญรุ่งเรืองอึกทึกครึกโครม

เวลานี้หลินสวินแปลงเป็นชายหนุ่มชุดเทาคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาธรรมดา หาได้สะดุดตาไม่

‘น่าสนใจทีเดียว’ เขาสังเกตเห็นว่าผู้ฝึกปราณที่พบตลอดทาง ไม่ว่าชายหรือหญิง ส่วนใหญ่ต่างพาดกระบี่ยาวไว้ที่หลัง แต่งกายอย่างผู้ฝึกกระบี่

“คอยดูการโจมตีแทงดาราของข้า!”

“หึ กระบวนท่าแสงเคลื่อนเถ้าเหินของข้าล้วนสามารถสังหารเจ้า!”

บนท้องถนนเด็กแก่นกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นสนุก ต่างฝ่ายต่างถือกระบี่ไม้ทำท่าวาดกระบี่ง่ายๆ วิ่งไล่จับกัน

“สะพายกระบี่ศึก นี่คือการกระทำอันเป็นกิจวัตรของอวิ๋นชิ่งไป๋ เมื่อใดที่กรำศึกเขาจะพาดกระบี่เดินทาง หาได้ห้อยกระบี่ไว้ที่เอว” ชายชราด้านข้างคนหนึ่งเอ่ยรำพึง

“อาจารย์ สิ่งนี้ต่างกันอย่างไร” เด็กสาวคนหนึ่งข้างชายชรากล่าวอย่างใคร่รู้

“ก็ไม่ถึงขั้นแตกต่าง เล่าลือกันว่าอวิ๋นชิ่งไป๋มองกระบี่เป็นดั่งชีวิตเลือดเนื้อตัวเอง ใช้กระดูกสันหลังแบกสะพายแสดงถึงความศรัทธาต่อวิถีกระบี่ หากนำกระบี่ศึกพาดเอวกลับถูกมองว่าเป็นการดูหมิ่นวิถีกระบี่”

ชายชรากล่าวเนิบช้า “แน่นอน นี่เป็นเพียงความเห็นของอวิ๋นชิ่งไป๋ต่อวิถีกระบี่เท่านั้น”

“ถ้าเช่นนั้น เหล่าผู้ฝึกปราณที่สะพายกระบี่ซึ่งเราเห็นตลอดทางล้วนกำลังเลียนแบบอวิ๋นชิ่งไป๋หรือ อิทธิพลของเขาช่างยิ่งใหญ่เสียจริง!” เด็กสาวอัศจรรย์ใจ

“ไม่ใช่แค่เมืองแสงทองนี่ ทั่วทั้งนครหยกขาวอวิ๋นชิ่งไป๋คือผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนานคนหนึ่ง ถูกคนรุ่นเยาว์ยกย่องสรรเสริญ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาล้วนถูกเลียนแบบ”

ชายชราทอดถอนใจ “นี่สิถึงเป็นผู้กล้าฟ้าประทานที่แท้จริง ทุกการกระทำนำกระแสนิยมสู่แดนดินฟากหนึ่ง เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัว”

ชายชราและเด็กสาวค่อยๆ เดินห่างออกไป แต่หลินสวินกลับตะลึงงันอยู่บ้าง

สำหรับข่าวลือของอวิ๋นชิ่งไป๋ เขาเคยได้ยินมาหลายครั้ง ผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งดินแดนรกร้างโบราณเอย อันดับหนึ่งของผู้อยู่ใต้ระดับราชันเอย… มากมายเหลือเกิน

แต่มีเพียงตอนนี้ที่ทำให้หลินสวินรับรู้ว่าอิทธิพลของอวิ๋นชิ่งไป๋ยิ่งใหญ่ระดับใด!

แค่การกระทำหนึ่งของเขาก็ถูกผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนเลียนแบบ แม้แต่เด็กน้อยยังรู้จักมักคุ้นกระบวนท่ากระบี่ นี่เห็นได้ว่าน่าอัศจรรย์ยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย

หลินสินหยุดยืนใคร่ครวญครู่หนึ่งค่อยมุ่งหน้าต่อ

อยากรู้จักคนผู้หนึ่ง ฟังเพียงข่าวลือยังไม่พอ ต้องไปที่พักอาศัยของเขา สัมผัสเรียนรู้ด้วยตัวเองถึงจะสามารถรู้นิสัย ความเคยชิน สิ่งที่ชอบของคนผู้นี้

เยือนนครหยกขาวคราวนี้หลินสวินไม่ได้มาแก้แค้น เขาแค่อยากลองดูว่าอวิ๋นชิ่งไป๋นี่ก้าวไปถึงขั้นไหนแล้วกันแน่!

วันแรกที่มาถึงเมืองแสงทองทำให้หลินสวินได้เข้าใจ ตั้งแต่เกิดอวิ๋นชิ่งไป๋ก็เผยลักษณ์ประหลาดต่างจากคนอื่น มีกระดูกกระบี่โดยกำเนิด ถูกเจ้าสำนักสำนักกระบี่เทียมฟ้ารับเข้าเป็นศิษย์ของสำนักด้วยตัวเอง

ยามเขาห้าขวบก็ก้าวสู่ระดับกำลังภายในขั้นเก้า ครองครองนัยเร้นลับวิชากระบี่สิบเก้าวิชา สร้างความตกตะลึงทั่วสำนักกระบี่เทียมฟ้า ถูกขนานนามว่าเด็กอัจฉริยะวิถีกระบี่ซึ่งยากพบเห็นในรอบหมื่นปี

ยามอายุเก้าปี ก้าวสู่ระดับจิตผสานวิญญาณในคราเดียว เข้าสู่การฝึกปราณสายนอกของสำนักกระบี่เทียมฟ้าเป็นกรณีพิเศษ

ปีนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋กลายเป็นศิษย์สายนอกที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักกระบี่เทียมฟ้า ไม่มีใครเทียม!

เมื่ออายุสิบสาม อวิ๋นชิ่งไป๋ทะลวงระดับมหาสมุทรวิญญาณ ครอบครองนัยเร้นลับวิชากระบี่สามสิบเจ็ดวิชา เอาชนะศิษย์สายนอกสำนักกระบี่เทียมฟ้า เข้าสู่การฝึกปราณสายใน

เมื่ออายุสิบหก ศิษย์สายในไร้คู่ต่อกรอวิ๋นชิ่งไป๋!

ปีนั้นเขาก้าวสู่ระดับหยั่งสัจจะ ชักนำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดจากฟากฟ้า ‘ประชันหมื่นกระบี่’ สร้างความฮือฮาทั่วนครหยกขาว

เมื่ออายุสิบเจ็ด อวิ๋นชิ่งไป๋ก้าวสู่ระดับกระบวนแปรจุติ กลายเป็นผู้นำคนรุ่นเยาว์ของสำนักกระบี่เทียมฟ้า ฝากตนเป็นศิษย์ของ ‘เหิงหยาจื่อ’ เจ้าสำนักสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ยามอายุสิบเก้า อวิ๋นชิ่งไป๋กลับเงียบหายไปกะทันหัน…

และนับจากปีนั้นข่าวเกี่ยวกับอวิ๋นชิ่งไป๋แทบว่างเปล่า ใครต่างไม่รู้ว่าเขาไปไหน

เมื่อเขาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีกครั้งก็ผ่านไปแล้วสิบปี

ตัวเขาหลังผ่านไปสิบปียังคงมีปราณระดับกระบวนแปรจุติ นำมาซึ่งเสียงกระทู้ถามไม่น้อย คิดว่าเขามีโอกาสสูงที่จะหมดความสามารถ

แต่ในปีเดียวกันนั้น อวิ๋นชิ่งไป๋หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ฟันสังหารผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชันมากกว่าร้อยคน นำมาซึ่งความตกตะลึงทั้งใต้หล้า

เวลานั้นเคยมีอริยะทอดถอนใจ ‘อวิ๋นชิ่งไป๋เจ้าเด็กนี่ เปี่ยมท่วงท่าสง่างามอย่างบรรพจารย์กระบี่เทียมฟ้าในปีนั้น’!

นับแต่นั้นมาผู้คนจึงพบว่า อวิ๋นชิ่งไป๋ได้ครองศักยภาพแห่งอันดับหนึ่งของผู้อยู่ใต้ระดับราชันอย่างไม่อาจโต้แย้ง!

เพียงแต่ยามผู้คนต่างคาดเดาว่าอวิ๋นชิ่งไป๋จะก้าวสู่ระดับราชันเมื่อใดกันแน่ เขากลับหายตัวไปอีกครั้ง

ก่อนหายไปเขาเคยกล่าวว่า ‘วิถีกระบี่แห่งข้า ยามเสาะหาหนทางหลุดพ้นถึงขีดสุดจะกำราบนิรันดร์กาล อยู่เหนือปวงสวรรค์ แต่ตอนนี้วาสนายังไม่พอ!’

จากนั้นเขาก็เริ่มปิดด่าน

กระทั่งปัจจุบันล้วนผ่านไปเกือบสิบปีแล้ว

บนโลกนี้ไม่มีคนพบอวิ๋นชิ่งไป๋อีก แต่โลกนี้กลับมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับอวิ๋นชิ่งไป๋มาตลอด

หลังทราบข่าวพวกนี้ หลินสวินร่ำสุราในโรงเตี๊ยมตามลำพังหนึ่งวัน

คนทั่วไปรู้แค่ว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ตอนอายุสิบเก้าเงียบหายไปจากโลกกะทันหัน

แต่มีเพียงหลินสวินที่รู้ชัดว่า อวิ๋นชิ่งไป๋ตอนอายุสิบเก้ามาเยือนโลกชั้นล่าง ฆ่าฟันคนตระกูลหลินสายตรงแห่งภูเขาชำระจิตทั้งหมด

และชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดจากร่างเด็กทารกที่เพิ่งเกิดมาบนโลกได้ไม่นาน!

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลินสวินออกจากเมืองแสงทอง

หลายวันต่อมาร่องรอยของเขาปรากฏขึ้นต่างเมืองในนครหยกขาว ได้รับฟังข่าวเกี่ยวกับอวิ๋นชิ่งไป๋มากขึ้นเรื่อยๆ

ตัดส่วนที่โอ้อวดเกินจริงออก ก็ทำให้หลินสวินค่อยๆ เข้าใจตัวอวิ๋นชิ่งไป๋มากขึ้น

อุปนิสัยเขาดุจกระบี่ ตัวคนเองก็ดั่งกระบี่ สิ่งที่ตามหาคือมรรคาสมบูรณ์สูงสุด

ในสายตาคนทั่วไป อวิ๋นชิ่งไป๋คือผู้กล้าแห่งสวรรค์ที่จวนสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง เจิดจรัสดั่งสุริยันโชติช่วงบนนภา สาดส่องฟ้าดิน

บางทีนี่อาจดูกล่าวเกินจริง แต่อย่างน้อยก็สามารถพิสูจน์ว่ามหามรรคที่เขาเสาะหามีเงื่อนไขที่ละเอียดลออยิ่ง!

‘ประมาณสิบปีก่อนคนผู้นี้ปิดด่านเก็บตัว ไม่รู้ว่าปัจจุบันพลังต่อสู้ของเขาจะบรรลุถึงขั้นไหนกันแน่…’

เมืองนภาม่วง บนท้องถนนที่คึกคักรุ่งเรือง หลินสวินย่างก้าวไปเบื้องหน้า

ยิ่งเข้าใจมากก็ยิ่งทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า อวิ๋นชิ่งไป๋เป็นศัตรูที่ไม่อาจคาดเดาได้คนหนึ่งอย่างแน่นอน รากฐานพลังของเขาเรียกได้ว่าลึกล้ำยากหยั่งถึง

กระทั่งอาศัยเพียงข่าวคราวที่รับรู้ก็ไม่อาจประเมินได้!

ไม่นานนักหลินสวินมาถึงหน้าหอเก่าแก่สูงราวพันจั้ง ลักษณะคล้ายกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่ง

หอนี้คือหนึ่งใน ‘สิบสองหอ’ ที่เลื่องชื่อลือนามของนครหยกขาว หอลองกระบี่!

หอสูงพันจั้งตรงดิ่งทะลวงเมฆา รูปร่างคล้ายกระบี่เทพ แผ่ปราณเก่าแก่ไพศาล ภายใต้แสงอาทิตย์กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์แผ่อวลชั้นหนึ่ง

หน้าหอลองกระบี่คึกคักยิ่ง ห้อมล้อมด้วยผู้ฝึกปราณมากมาย เป็นคนรุ่นเยาว์เสียส่วนใหญ่ ล้วนมองหอลองกระบี่เก่าแก่ที่สูงเด่นตระหง่านนั่นด้วยความมุ่งมาดปรารถนา

“สิบปีก่อน หรือก็คือก่อนอวิ๋นชิ่งไป๋จะปิดด่าน เคยเข้าสู่หอลองกระบี่ครั้งหนึ่ง ภายในหนึ่งเค่อก็ทะลวงสู่ยอดชั้นเก้า สถิตินี้ตราบปัจจุบันยังไม่เคยมีใครทำลาย!”

ผู้ฝึกปราณคนหนึ่งทอดถอนใจ

หลินสวินยืนอยู่กลางฝูงชน เงยหน้ามองหอลองกระบี่นั่น สีหน้านิ่งสงบ

ก่อนมาที่นี่เขาก็รู้แล้วว่า สำนักกระบี่เทียมฟ้าจะเปิดประตูรับศิษย์สืบทอดสายในในอีกสิบวันข้างหน้า

เกณฑ์การรับศิษย์สืบทอดนั้นง่ายมาก แต่ก็ยิบย่อยยิ่งเช่นกัน

อันดับแรก อายุต้องไม่เกินสามสิบ

อันดับสอง ภายในหนึ่งก้านธูปต้องทะลวงผ่านชั้นที่หกของหอลองกระบี่

ด้วยเหตุนี้หลายวันมานี้ แต่ละวันจะมีผู้ฝึกปราณรุ่นเยาว์นับไม่ถ้วนจากทั่วสารทิศมาทะลวงด่านหอลองกระบี่

สำนักกระบี่เทียมฟ้าเป็นถึงสำนักโบราณอันดับหนึ่งของแดนชัยบูรพา สามารถกราบเข้าเป็นศิษย์ฝึกตนในนั้นคือเรื่องที่ผู้ฝึกปราณทุกคนถวิลหาแม้ยามฝัน

ทว่าที่สำนักกระบี่เทียมฟ้ารับสมัครคราวนี้หาใช่ศิษย์สายนอกและไม่ใช่ศิษย์สายในทั่วไป แต่เป็นศิษย์สืบทอด

ประกอบกับเกณฑ์การรับสมัครครั้งนี้พิถีพิถันยิ่ง ผู้ฝึกปราณที่มาทะลวงด่านหอลองกระบี่แม้จะมาก แต่ที่สามารถทำสำเร็จกลับน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

ถึงอย่างไรศิษย์สืบทอดก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นกันง่ายๆ โดยเฉพาะสำนักกระบี่เทียมฟ้ายิ่งไม่ใช่สำนักโบราณทั่วไป

“เฮ้อ คิดทะลวงด่านชั้นที่หกในหนึ่งก้านธูป เกรงว่าต้องมีพลังชั้นยอดระดับหยั่งสัจจะถึงทำได้ อีกทั้งอายุยังต้องต่ำกว่าสามสิบ หากมีคุณสมบัติเช่นนี้คงฝากตัวเป็นศิษย์ฝึกตนในสำนักโบราณนานแล้ว ไหนเลยยังต้องรอจนป่านนี้”

มีคนทอดถอนใจ รู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง

“นั่นสิ จากที่ข้าดูคงมีเพียงผู้กล้าแห่งยุคระดับหยั่งสัจจะที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ผู้ฝึกปราณอื่นอย่าได้เพ้อพกเลย”

คนอื่นๆ ล้วนเห็นด้วย

แต่บางคนก็ไม่เลิกล้ม ยังรอทะลวงด่านหอลองกระบี่ เผื่อว่า… จะสามารถทำสำเร็จ

หลินสวินฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์พวกนี้แค่ผ่านหู เขาตัดสินใจแล้วว่าจะลองทะลวงหอลองกระบี่นี่ เพียงแต่ไม่ได้ต้องการเข้าฝึกตนในสำนักกระบี่เทียมฟ้า

แต่คิดฉวยโอกาสนี้เทียบกับอวิ๋นชิ่งไป๋เมื่อสิบปีก่อน อาศัยสิ่งนี้มาคาดเดาพลังต่อสู้ที่อวิ๋นชิ่งไป๋มีในปัจจุบัน!

……………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน