“ฮ่าๆ ชายหนุ่มเจ้าฉลาดมาก ข้าต้องการทำข้อตกลงกับเจ้า”จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูดด้วยรอยยิ้ม
“ทำข้อตกลง? ผู้น้อยไม่เข้าใจ”หลัวซิวเผยให้เห็นความสงสัย ในใจระแวดระวังอย่างยิ่ง ถ้าอีกฝ่ายครองวิญญาณของตัวเองจริงๆ เขายอมที่จะต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย
“ชายหนุ่ม เจ้าต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นหรือเปล่า? พูดตามตรง ถ้าหากไม่ใช่ว่าอาศัยลูกแก้วเสวียนดำสามารถที่จะควบคุมพลังวิชาห้ามค่ายกลโบราณได้ เจ้าคงจะตายอยู่ในมือของจักรพรรดิยุทธ์บางคนแล้ว”
จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำยิ้มเล็กน้อย “แต่ว่า ถ้าหากมีความช่วยเหลือของข้า นับประสาแค่เพียงจักรพรรดิยุทธ์ ต่อให้เขาเอาชนะมกุฏยุทธ์ พรีเมี่ยมยุทธ์ หรือแม้แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์ ก็ไม่แน่จะว่าจะเป็นไปไม่ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวเลิกคิ้วขึ้น“ผู้น้อยไม่มีความทะเยอทะยาน รู้ว่าคุณสมบัติความสามารถของตัวเองมีจำกัด ก็ไม่คาดหวังว่าผู้อาวุโสจะช่วยเหลือ”
ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ หลัวซิวไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใจดีขนาดนั้นจริงๆ
“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าเด็กน้อยเจ้ายังจะระแวงข้าเป็นอย่างมากนะ”
จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า: “แม้ว่าข้าจะเหลือเพียงวิญญาณอ่อนกำลังดวงหนึ่ง แต่ก็สามารถที่จะมองออกว่า อายุของเจ้าไม่มากนัก อายุสิบกว่าปีฝึกตนเป็นราชายุทธ์ ความสามารถนี้ค่อนข้างแตกต่างโดยทั่วไปแล้ว”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าสัมผัสการอยู่ร่วมกันของพลังสองระดับความเป็นตายได้จากตัวของเจ้า สิ่งนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ปรากฏอยู่บนตัวของเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จในอนาคตของเจ้า จะต้องไม่มีวันสิ้นสุด!”
“ในการต่อสู้ครั้งหนึ่งในโบราณ ข้าน่าจะเสียชีวิตร่างสลายไป ถึงแม้ว่ามีตะเกียงวิญญาณรักษาชีวิต ก็ควรจะเป็นคนตาย รอดมาได้จนถึงตอนนี้ เหลือเพียงวิญญาณดวงหนึ่ง ถ้าหากไม่มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า ก็จะสลายหายไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวถึงได้สังเกตว่า ออร่าวิญญาณที่เปล่งออกมาจากตะเกียงวิญญาณนั้นอ่อนแอมาก ตราบใดที่ตัวเองใช้การโจมตีวิญญาณอย่างสบายๆ ก็สามารถซัดจนพินาศได้
เหตุผลที่เขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ก็เป็นเพราะอุปาทานว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่ระดับจักรพรรดิยุทธ์ แต่มีหวาดกลัว และคิดไปเองว่าสู้ไม่ได้
“ตอนนี้เจ้าเชื่อว่าข้าไม่สามารถครองวิญญาณเจ้าได้แล้วใช่ไหม?”จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำจ้องมองไปที่หลัวซิวแล้วพูด
“ถ้าหากเจ้ายินยอม ข้าสามารถทำข้อตกลงกับเจ้าได้ ก่อนหน้าที่ข้ายังไม่เสียชีวิตไป เคยเป็นผู้อาวุโสของสำนักไท่เสวียนมาก่อน คนแรกของค่ายกล!”
“มีคำแนะนำของข้า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่พูดถึงวิชาค่ายกลตำราหนึ่ง ก็ทำให้เจ้าได้รับประโยชน์อย่างไม่รู้จบ!”
“ยิ่งกว่านั้นข้าก็มีประสบการณ์ฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์และหลักการประสบการณ์ ก็สามารถถ่ายทอดวิชาให้ทั้งหมดได้!”
ทันทีที่จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำเอ่ยปาก ก็สัญญาว่าจะให้ประโยชน์มากมายกับหลัวซิว
แต่หลัวซิวไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ยิ่งอีกฝ่ายให้ผลประโยชน์มากเท่าไร ความต้องการที่พูดออกมาก็จะยิ่งสูงขึ้นเป็นธรรมดา และถ้าหากไม่มีความต้องการอะไร นั่นถึงบ้าเข้าไปใหญ่
“ผู้อาวุโสต้องการให้ผู้น้อยอย่างข้าทำอะไรหรือ?”หลัวซิวถาม
“ใช้ร่างของเจ้าเป็นพาหะ รักษาวิญญาณของข้าให้เป็นอมตะ!”น้ำเสียงที่อ่อนแอของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ดูเหมือนจะดังก้องกลายเป็นทรงพลังในทันใด
อย่างไรก็ตามหลัวซิวกลับไม่ได้เคลื่อนไหว ขมวดคิ้ว และพูดว่า: “เงื่อนไขนี้ ผู้น้อยเกรงว่าจะไม่สามารถรับปากได้”
ความหมายของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ เขาเข้าใจแล้วว่า ก็คือให้วิญญาณของตัวเองอยู่ในร่างกายของเขา เรื่องแบบนี้ หลัวซิวจะรับปากได้อย่างไร?
ถ้าเกิดอีกฝ่ายมีวิธีอะไรครองวิญญาณ ตัวเองถึงเป็นเนื้อเข้าปากเสือ
“ข้าสามารถสาบานต่อมารในใจได้ ไม่มีทางครองวิญญาณเจ้าหรือว่าทำอะไรไม่ดี ไม่อย่างนั้นก็ให้วิญญาณหลากสลาย ไม่ได้เกิดชั่วนิรันดร์!”
จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากหลัวซิว ก็ได้สาบานต่อมารในใจในทันที
เมื่อมีการสาบานต่อปีศาจในใจ ถ้าผิดคำสาบาน ก็จะเกิดขึ้นจริงๆ ได้รับการลงโทษจากกฎธรรมฟ้าดิน
เมื่อเห็นจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำสาบานต่อมารในใจอย่างสบายเรียบง่ายขนาดนี้ กลับทำให้หลัวซิวค่อนข้างแปลกใจ เพราะว่าไม่สามารถผิดคำสาบานได้ ถ้าเกิดสาบาน ก็จำเป็นต้องทำให้ได้
ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ ไม่มีใครที่ผิดคำสาบานต่อมารในใจแล้วยังสามารถที่จะมีชีวิตที่ดีได้ จุดจบของทุกคนก็น่าสังเวชอย่างยิ่ง
หลัวซิวสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกฝ่ายก็ให้คำสาบานต่อมารในใจ ซึ่งทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก
แน่นอนว่า ถ้าตอนนี้ไว้วางใจจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำอย่างสมบูรณ์ นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้อย่างแน่นอน
แต่ว่าโอกาสของแบบนี้ ในตัวของมันเองก็มีความเสี่ยงโดยเนื้อแท้ ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่มีประสบการณ์มากมายถ่ายทอดวิชาทั้งหมดได้ โอกาสแบบนี้ หลัวซิวก็ไม่อยากพลาดไป
“เปรี้ยง!”
เปลวไฟอ่อนกำลังแกว่งไหวไปมาบนตะเกียงวิญญาณค่อยๆลอยขึ้น ราวกับหิ่งห้อยตัวหนึ่ง และตกลงบนฝ่ามือของหลัวซิว
ต่อจากนั้น หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงลมปราณวิญญาณที่เข้ามาในฝ่ามือของตัวเอง เพียงแต่ว่าลมปราณนี้อ่อนแอมาก และไม่สามารถที่จะเป็นภัยคุกคามอะไรกับเขาได้
ในชั่วพริบตา ดวงวิญญาณของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำนี้ ก็รวมเข้ากับฝ่ามือของหลัวซิว
หลัวซิวยกมือของตัวเองมองดูเป็นเวลานาน และไม่พบว่ามีผิดปกติตรงไหน
“ผู้อาวุโส ข้าต้องทำอะไรต่อ?”หลัวซิวสื่อสารกับจิตวิญญาณของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำในมือซ้าย
“ในการต่อสู้ครั้งแรกของสมัยโบราณ ข้าพังทลายไปทั้งหมด เหลือเพียงคีตโลกาถ้ำเทพสถิตผุพังแห่งนี้ ไม่มีอะไรที่อาลัยอาวรณ์นำไปด้วย”
“งั้นลูกแก้วเสวียนดำ ตำหนักเสวียนดำ ยังมีเขาทองดำไท่เสวียนล่ะ?”หลัวซิวถาม ของสามอย่างนี้อย่างน้อยก็เป็นสมบัติระดับสมบัติวิเศษโบราณ
“ของสามอย่างนี้ก็ย่อมต้องนำไปด้วย แต่ว่าด้วยความแข็งแกร่งของเจ้ายังไม่สามารถควบคุมได้ เดี๋ยวข้าจะสอนวิธีรวบรวมสมบัติทั้งสามให้กับเจ้า”จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูด
ในกระท่อมมุงจาก ตะเกียงวิญญาณบนโต๊ะได้ดับลง วิญญาณที่เหลืออยู่ของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ได้รวมเข้ากับฝ่ามือซ้ายของหลัวซิว
นอกจากนั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่นในกระท่อมมุงจาก
เมื่อหลัวซิวออกมาจากกระท่อมหญ้ามุงจาก สายตาของจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงและคนอื่นๆ ก็มองมาอย่างกระตือรือร้น
“ผู้อาวุโสทุกท่าน คีตโลกาถ้ำเทพสถิตแห่งนี้กำลังจะพังทลายแล้ว พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ”หลัวซิวพูดแบบนี้
สำหรับว่าตัวเองได้อะไรในกระท่อมมุงจาก เขาไม่ได้อธิบาย
จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงและคนอื่นๆอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา มีใจถามไถ่ แต่กลับไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากอย่างไร
“ผู้น้อยหลัวซิว ไม่ทราบว่าเจ้าจากในกระท่อมมุงจาก ได้สมบัติอะไรหรือเปล่า?”
ต่างจากคนอื่นๆ เหว้ยห้าวหรานถามอย่างตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม ดวงตาชราคู่หนึ่ง เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“ฮ่าๆ นั่นนะสิ พวกข้าจักรพรรดิยุทธ์ทุกคนตามหาสถานที่นี้เพื่อล่าสมบัติอย่างลำบากตรากตรำ ในกระท่อมมุงจากนี้เจ้าเข้าไปได้ ข้ารอจนอยากจะรู้มากจริงๆ”
“นอกจากว่าหลัวซิวเจ้าอยากจะครอบครองสมบัติของที่นี่ไว้แต่เพียงผู้เดียว พวกข้าก็มาเสียเที่ยวไม่ใช่หรอกเหรอ ไม่ค่อยดีเลยนะ”
มีเหว้ยห้าวหรานเปิดประเด็น ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์คนอื่นๆ ก็ค่อนข้างยับยั้งไว้ไม่ได้
“โอกาสสมบัติขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง ทุกคนเข้าไปกระท่อมไม่ได้ สำหรับข้าหลัวซิวได้ของอะไรจากข้างใน ทำไมต้องบอกพวกเจ้าด้วย?”หลัวซิวเผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
“หรือว่าหลัวซิวเจ้าไม่เคยคิดมาก่อนว่า เจ้าฆ่าจักรพรรดิยุทธ์หลายคนที่นี่ เรื่องนี้ก็ปล่อยข้ามผ่านไปแบบนี้เหรอ?”
เจ้าสำนักเสวียนหยางสวมหน้ากากค่อยๆเอ่ยปากพูดว่า: “บางทีหลังจากที่เจ้าออกจากที่นี่ โลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก จะไปที่ไหนก็ได้ แต่ครอบครัวของเจ้าล่ะ?”
“เท่าที่ข้ารู้ เจ้ามีพ่อแม่และพี่สาวอยู่ในประเทศเทียนหวู แม้ว่าจะได้รับการคุ้มครองจากองค์กรนักล่ายุทธ์ แต่เจ้าคิดว่า องค์กรนักล่ายุทธ์ในสถานที่เล็กอย่างเมืองชิงหยุนแบบนั้น สามารถที่จะรักษาความปลอดภัยของคนในครอบครัวเจ้าได้เหรอ?”
คำพูดของเจ้าสำนักเสวียนหยาง เรียกได้พูดได้ตรงจี้จุดอ่อนของหลัวซิว