“นี่ล้ำค่าเกินไป ฉันรับเอาไว้ไม่ได้” ฮู๋ชิงชิงรีบส่ายหน้า แล้วพูดออกมา “เฮียซิวหลัวช่วยฉันสองครั้ง มีบุญคุณกับฉันเหมือนได้เกิดใหม่ ฉันได้ติดตามข้างกายคุณก็เพียงพอแล้ว จะเอาสมบัติอีกได้ยังไง อีกทั้งคุณให้ยาระดับ5 กับฉันไม่น้อย คุณเก็บสมบัติชิ้นนี้เอาไว้ใช้เองเถอะ”
ไม่ว่าหลัวซิวจะพูดอย่างไร ฮู๋ชิงชิงก็ไม่ยอมรับแท่นบัวทิพย์ห้าสีเอาไว้ หลัวซิวเหนื่อยใจ และทำได้เพียงเก็บกลับมา
เขามองออกว่าฮู๋ชิงชิงไม่ต้องการแท่นบัวทิพย์ห้าสี ไม่ใช่เพราะคิดว่าสมบัติชิ้นนี้ไม่ดี หรือเกรงใจเขา แต่เธอรู้ว่ามูลค่าของสมบัติชิ้นนี้สูงมาก มีประโยชน์สำหรับเขาด้วย ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่สามารถรับไว้ได้
สำหรับฮู๋ชิงชิง แค่เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับหลัวซิว ตัวเองไม่สามารถรับไว้ได้เด็ดขาด
เหมือนในใจของเธอ ประโยชน์ของหลัวซิว เหนือกว่าประโยชน์ของตนเองมาก
สำหรับความคิดในใจฮู๋ชิงชิง หลัวซิวไม่ได้คิดลึกอะไรขนาดนั้น รู้สึกเพียงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้รู้จักบุญคุณมาก หลัวซิวชื่นชมคนที่รู้จักบุญคุณมาโดยตลอด จึงมีความคิดว่า ถ้าตัวเองสามารถหาชิ้นส่วนกฎได้เยอะกว่านี้ ส่วนใดที่ไม่สามารถใช้ได้ จะให้ฮู๋ชิงชิง ให้เธอได้กลายเป็นฉายาราชายุทธ์เหมือนกัน
พลังแห่งกฎ ใช่ว่ายิ่งเยอะยิ่งดี มีเพียงกฎที่เหมาะสมกับตัวเอง ถึงจะสามารถใช้เพื่อตัวเองได้อย่างแท้จริง
อย่างเช่นในเบญจธาตุทั้ง5 ทองข่มไม้ ไม้ข่มดิน ดินข่มน้ำ น้ำข่มไฟ ไฟข่มทอง
กฎเบญจธาตุทั้ง5 มีทั้งการสร้างและข่มกัน กฎที่ข่มกัน ไม่สามารถหลอมรวมกันได้ มีเพียงกฎที่เสริมสร้างกัน ถึงจะสามารถหลอมรวมกันได้ กลายเป็นกฎการหลอมรวม
อย่างเช่น ดินสร้างไม้ หลอมรวมกฎไม้ดิน ก็จะแข็งแกร่งกว่ากฎเพียงอย่างเดียว
อีกทั้งยังมีกฎลมไฟ กฎอัสนีวายุ
ในบรรดากฎทั้ง 7 ชนิดในแดนแต่งตั้งราชา กฎที่สามารถหลอมรวมแล้วแข็งแกร่งที่สุด ก็คือกฎเบญจธาตุทั้ง5กับกฎการผสมรวม
กฎเบญจธาตุทั้ง5 สามารถฝึกพลังอมตะได้หนึ่งอย่าง เรียกว่าแสงจิตห้าสี ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือป้องกัน ล้วนแข็งแกร่งมาก
ว่ากันว่ากฎการผสมรวม มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมด้านกลั่นร่าง สามารถฝึกจนกลายเป็นร่างยุทธ์ผสมรวม
ทางที่หลัวซิวคิดจะเดินไป คือเส้นทางของกฎหลอมรวมเบญจธาตุทั้ง5 เพราะวรยุทธ์วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่เขาฝึกตน เกิดเป็นวิชากลั่นร่างแล้ว ขัดแย้งกับร่างยุทธ์ผสมรวม
หลังจากมีความคิดในใจ หลัวซิวพาฮู๋ชิงชิงเดินทางต่อไป ตามสัมผัสของลมปราณกฎ ผ่านไปตามอากาศในแดนแต่งตั้งราชา
ถ้าเป็นราชายุทธ์ทั่วไป ไม่มีทางเหาะเหินกลางอากาศ อย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ เพราะมีอสูรกายเจ้าถิ่นครองพื้นที่อยู่ในอากาศ ถึงเป็นราชายุทธ์ขั้น9 ถ้าโดนฝูงอสูรกายขั้น5 สูงสุด ล้อมโจมตี ก็ต้องยอมเก็บงำความแค้นเอาไว้
แต่หลัวซิวมีปีกทิพย์ไร้มลทิน ได้เปรียบด้านความเร็วเป็นพิเศษ อสูรกายเหาะเหินขั้น6 ไม่สามารถไล่ตามเขาทัน จึงไม่กลัวการขัดขวางของอสูรกายกลางอากาศ
หลังใช้เวลาประมาณสองชั่วยาม จู่ๆ หลัวซิวหยุดกลางอากาศ เก็บปีกทิพย์ไร้มลทินที่กางอยู่ด้านหลัง ทั้งสองลอยลงมาจากอากาศ
นี่เป็นที่รกร้างแห่งหนึ่ง มีเขาหินเตี้ยๆ สองสามลูก พลังฟ้าดินจิตเบาบางมาก อีกทั้งยังไม่มีตรงไหนดูแปลกประหลาดเป็นพิเศษ
แต่เมื่อหลัวซิวมาถึงบริเวณรอบๆ กลับสัมผัสได้ถึงลมปราณของกฎ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถยืนยันได้ว่า บริเวณรอบๆ น่าจะมีชิ้นส่วนกฎอยู่ชิ้นหนึ่ง
“เฮียซิวหลัว ที่นี่เหมือนไม่มีอะไรเลย” ฮู๋ชิงชิงมองไปรอบๆ ตัวสำนึกแผ่กระจายสำรวจ ไม่พบอะไรสักอย่าง
ที่นี่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไรแล้ว
“เหอะๆ เธอไม่เข้าใจค่ายกล จึงมองความพิเศษของที่นี่ไม่ออก อันที่จริงสิ่งที่เธอเห็น ไม่ใช่สภาพแท้จริงของที่นี่ แต่โดนค่ายกลซ่อนงำเอาไว้”
หลัวซิวยิ้มบางๆ ยื่นมือไปทางฮู๋ชิงชิง แล้วพูดว่า “เอามือเธอมาให้ฉัน ที่นี่มีค่ายกลพรสวรรค์อยู่แห่งหนึ่ง ถ้าเดินพลาดเพียงก้าวเดียว ก็จะเข้าไปไม่ได้”
ฮู๋ชิงชิงพยักหน้า และวางมือเล็กๆ ลงบนมือหลัวซิว นี่เป็นมือที่นุ่มเหมือนไร้กระดูกจริงๆ ช่วงที่ทั้งสองจับมือกัน ร่างบางของฮู๋ชิงชิงสั่นเล็กน้อย อย่างเห็นได้ชัด
หลัวซิวกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย ตัวสำนึกของเขาแผ่กระจาย จับร่องรอยค่ายกลไม่แน่ชัดได้บางส่วน
ค่ายกลที่สร้างขึ้นจากพรสวรรค์ ไม่สามารถทำลายได้ ทำได้เพียงศึกษาหลักการของค่ายกลนั้น ถึงจะสามารถเข้าออกได้อย่างไร้อุปสรรค
มีจักรพรรดิ์ยุทธ์เสวียนดำ ปรมาจารย์ค่ายกลโบราณ คอยให้คำปรึกษาอยู่ข้างกาย ระยะนี้ระดับค่ายกลของหลัวซิว เรียกได้ว่าก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องให้จักรพรรดิ์ยุทธ์เสวียนดำแนะนำ ก็สามารถจับทางหลักการของค่ายกลพรสวรรค์แห่งนี้ได้แล้ว
เขาจับมือฮู๋ชิงชิง ยืนหลับตานิ่งอยู่ที่เดิม เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป ทันใดนั้นเขาลืมตาขึ้น เริ่มเดินไปมา
เห็นเขาเดินเพียงสามสิบกว่าก้าว จากนั้นเดินวนหนึ่งรอบ และกลับมาที่เดิม
แต่เมื่อก้าวสุดท้ายเหยียบลงไป ภาพด้านหน้าแปรเปลี่ยนเป็นภาพลวงตา ปรากฏเป็นทางคดเคี้ยวเล็กๆ ด้านหน้า ทอดผ่านไปไกล
“เธอตามฉันมา” หลัวซิวพูดกับฮู๋ชิงชิง เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าในค่ายกลพรสวรรค์ มีอันตรายอะไรหรือเปล่า
“อืม” เสียงของฮู๋ชิงชิงเหมือนยุง เบาจนไม่ได้ยิน เธอรู้สึกถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือตัวเอง ทำให้จิตใจล่องลอย
โดนชายคนหนึ่งจับมือ ผจญภัยไปด้วยกัน เป็นประสบการณ์ที่เมื่อก่อนเธอไม่เคยคิดเลย ตอนนี้ฮู๋ชิงชิงอยู่ในสภาวะเหม่อลอย โดนหลัวซิวดึงไป ไม่รู้ว่าเดินไปที่ไหน
“ไม่ว่าจะไปที่ไหน แค่ได้จับมือเฮียซิวหลัวแบบนี้ ก็รู้สึกมีความสุขมากแล้วล่ะ……” ฮู๋ชิงชิงรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว ความรักที่งอกงามแทบจะครองใจหญิงสาวไปแล้ว
เธอคิดว่าถ้าไม่มีผ้าคลุมหน้า แก้มของตัวเองต้องแดงมากสินะ
……
เดินไปตามทางเล็กๆ ซึ่งไปยังพลังจิต ตัวสำนึกของหลัวซิว ยังอยู่ในสภาวะที่ปล่อยอยู่ข้างนอก ติดตามความเคลื่อนไหวรอบๆ อย่างใกล้ชิด
ถนนเล็กๆ สายนี้ยาวมาก หลังเดินได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม ภาพด้านหน้าเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
เห็นไกลออกไปประมาณร้อยเมตรด้านหน้า มียอดเขาตระหง่านติดต่อกัน ยอดเขามีทั้งหมดเก้ายอดเขา มีแปดยอดเขาที่เตี้ยเล็กน้อย ล้อมรอบยอดเขาหนึ่งที่สูงสุดเอาไว้ตรงกลาง
ลมปราณอันแกร่งกล้าและเฉียบคมโถมเข้ามา รู้สึกว่าสายลมเหมือนกระบี่ ทำให้รู้สึกเจ็บผิว
“คมสุด ชิ้นส่วนกฎที่นี่ น่าจะเป็นชิ้นส่วนกฎธาตุทอง ที่มีพลังโจมตีแข็งแกร่งสุดในเบญจธาตุทั้ง5” หลัวซิวแอบคาดเดาเอาไว้
ชิ้นส่วนกฎไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ ชิ้นส่วนกฎธาตุน้ำที่หลัวซิวได้มา ดูเหมือนจะง่าย แต่ในความเป็นจริง ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น อาจไม่สามารถรอดออกมาจากเขี้ยวเล็บของมังกรเขาเกล็ดดำได้
ดังนั้นคนที่เอาชิ้นส่วนกฎมาได้ มีพละกำลังแข็งแกร่งอยู่แล้ว เมื่อได้ชิ้นส่วนกฎ ยิ่งเหมือนเสือติดปีก เพราะฉะนั้นถ้าอยากชิงชิ้นส่วนกฎมาจากคนเหล่านั้น เป็นเรื่องยากอย่างไม่ต้องสงสัย
หลัวซิวเดาว่าคนที่พบชิ้นส่วนกฎ ไม่น่าจะมีแค่ตัวเอง บางทีอาจมีคนอื่นที่ได้ชิ้นส่วนกฎเหมือนตัวเองแล้ว สิ่งที่เขาสามารถทำได้ตอนนี้ คือหาชิ้นส่วนกฎให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ข้างหน้าอาจมีอันตราย เธอรอฉันอยู่ตรงนี้” หลัวซิวพูดกับฮู๋ชิงชิงที่อยู่ข้างๆ ขณะเดียวกันก็ปล่อยมือเธอ
เมื่อรู้สึกว่าความอบอุ่นบนมือหายไป สีหน้าฮู๋ชิงชิงฉายแววเศร้า