ทุกคนต่างรู้ดี ในสี่อาณาจักรโลกแสงดาว แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดแห่งอาณาจักรตะวันตก ฝึกตนเกี่ยวกับการเข่นฆ่า คนที่ออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด เป็นมารที่ฆ่าคนอย่างไม่กะพริบตา
แต่ตัวเองกลับมาพูดเหตุผลกับพวกที่ฆ่าคนอย่างไม่กะพริบตา จะไปมีประโยชน์อะไรกันล่ะ
ในโลกแสงดาว แค่มีอำนาจของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ดำรงตำแหน่งอยู่ ล้วนถูกเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์
แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีการแบ่งแยกระดับสูงต่ำ แบ่งออกเป็น แดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง แดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง แดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง และแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์
มีมหาจักรพรรดิยุทธ์ดำรงตำแหน่ง 1-3 คน คือแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง
แดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง ต้องมีผู้แข็งแกร่งที่มีผลการฝึกตนถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปลายขึ้นไป ดำรงตำแหน่งอยู่หนึ่งคน และมีจำนวนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระหว่าง 4-6 คน คือแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง
ส่วนแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ต้องมีฉายามหาจักรพรรดิยุทธ์ดำรงตำแหน่งหนึ่งคน หรือไม่ก็ต้องมีผู้แข็งแกร่งที่มีระดับเกินกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ บรรลุถึงแดนนิรันดร์ดำรงตำแหน่ง อีกทั้งจำนวนมหาจักรพรรดิยุทธ์ต้องถึงสิบคน
สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ว่ากันว่าต้องมีผู้แข็งแกร่งอันเป็นนิรันดร์สามคนขึ้นไป ต้องมีจำนวนมหาจักรพรรดิยุทธ์เกินสิบคน
อย่างหลู่สุ่ยชิงเกิดในแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน ในสำนักมีเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นต้น ดำรงตำแหน่งอยู่เพียงคนเดียว เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำที่สุด
แต่แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดแห่งอาณาจักรตะวันตก มีมหาจักรพรรดิยุทธ์ดำรงตำแหน่งอยู่สามคน ถึงไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง แต่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง นับว่าอยู่อันดับต้นๆ แล้ว
เช่น สี่แดนศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมเป่ยเซี๋ย แดนศักดิ์สิทธิ์กระบี่สุดขั้วกับเมืองฝูถู ล้วนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่างทั่วไป ราชายุทธ์ที่มาเข้าร่วมการต่อสู้แต่งตั้งราชา ผลการฝึกตนสูงสุดคือขั้น8 เท่านั้น
แต่แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด สามารถส่งราชายุทธ์ขั้น9 มาทีเดียวถึงสามคน นี่เป็นความแตกต่างของพละกำลังกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน
พรวด!
เพียงพริบตา ไม่ต้องให้คนที่เป็นราชายุทธ์ขั้น9 สามคนนั้นลงมือ หลู่สุ่ยชิงโดนฆ่าตายตรงนั้นทันที และผู้หญิงคนนั้นโดนคุมตัวขณะที่กำลังส่งเสียงร้องอย่างตกใจ โดนระงับผลการฝึกตนเอาไว้ทันที
“ศิษย์พี่ทั้งสาม……”
คนของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ไม่ผลีผลาม แต่หันไปมองหัวหน้าที่เป็นราชายุทธ์ขั้น9 ทั้งสามคน
“ผู้หญิงคนนี้หน้าตาใช้ได้ แต่ฉันไม่สนใจ” ผู้ชายที่เป็นราชายุทธ์ขั้น9 คนหนึ่ง หัวเราะเสียงดัง แล้วพูดออกมา
“พวกนายเอาไปเล่นเถอะ ฉันได้ยินว่าสมาคมเป่ยเซี๋ยเมืองฝูถู มีพวกผู้หญิงที่มีเสน่ห์เย้ายวนตั้งแต่เกิด เรียกได้ว่าหน้าตาพิชิตใจจนนำมาซึ่งภัยพิบัติ”
ราชายุทธ์ขั้น9 อีกสองคนก็ไม่สนใจ เหมือนกับสายตาจะสูงส่ง
“หึหึ ไม่เข้าตาศิษย์พี่ทั้งสาม งั้นพวกศิษย์น้องปลดปล่อยไฟร้อนก่อนละกัน”
กลุ่มคนที่เหลือต่างยิ้มอย่างชั่วร้าย จากนั้นกลุ่มคน 3-5 คน เริ่มเป่ายิ้งฉุบ ว่าใครจะเริ่มก่อน
หญิงสาวหน้าตาไม่เลว สีหน้าซีดเผือด ผลการฝึกตนโดนระงับเอาไว้ ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย โดนคนของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดใช้เล่ห์เหลี่ยมใส่ ทั้งอายและโมโหจนอยากตาย แต่ไม่สามารถทำได้ ฟันขบริมฝีปากแดงจนเลือดออก
……
หลังผลการฝึกตนถึงราชายุทธ์ขั้น2 ทรัพยากรที่ใช้ฝึกตนในมือหลัวซิวหมดชั่วคราว ผังกฎดั้งเดิมรูปที่สาม ลึกลับจนยากจะเข้าใจ ตอนนี้เข้าใจเพียงผิวเผินเท่านั้น ยากมากที่จะมีความคืบหน้า
เมื่อไม่มีทรัพยากรที่ใช้ฝึกตน ฝึกต่อไปก็ไม่มีค่าอะไร สำหรับความก้าวหน้าในการฝึกตนของตัวเอง อันที่จริง หลัวซิวก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร
เขาประเมินว่าตัวเองอยากมีพละกำลังต้านทานตาเฒ่าประหลาดมกุฏยุทธ์ อย่างน้อยตัวเองต้องมีผลการฝึกตนถึงระดับประมาณจักรพรรดิยุทธ์ขั้นกลาง
แต่ทว่าตอนนี้แค่ราชายุทธ์ขั้นกลางยังไปไม่ถึง จะยกระดับไปถึงจักรพรรดิยุทธ์ขั้นกลาง ต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก เขาเดาว่าถึงเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมาแต่โบราณ ก็ไม่น่าจะเลี้ยงตัวเองได้
อีกทั้งถึงจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ก็ไม่มีอำนาจไหนยอมเสียทรัพยากรให้เขา เพราะทรัพยากรที่จะบ่มเพาะให้เขาถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ เพียงพอที่จะบ่มเพาะมกุฏยุทธ์ได้หลายคน
หลัวซิวเดินออกจากบ้านไม้ สะบัดมือแยกค่ายกลบริเวณรอบๆ ให้กระจายหายไป ช่วงเวลาที่เขาฝึกตนปิดขังเดือนกว่าๆ ไม่มีใครมารบกวน
“ไม่รู้ว่ามีคนพบวิธีได้ฉายาในแดนลึกลับแล้วหรือยัง”
ระหว่างกำลังคิด หลิวซิวเด้งตัวขึ้นกลางอากาศ กลายเป็นเงามังกรเขียว ลอยอยู่ระหว่างเมฆหมอก
อสูรกายในแดนแต่งตั้งราชาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นบนพื้นดินหรือในอากาศ จากพละกำลังของหลัวซิวในตอนนี้ ตัดอสูรกายที่ทัดเทียมกับจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 6 ออกไป อสูรกายทั่วไป ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้
กระแสสัมผัสพลังชีวิตแผ่ซ่านออกมา เมื่อพบร่องรอยของอสูรกายขั้น6 หลัวซิวจะหลีกเลี่ยงทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ การเหาะในอากาศ จึงปลอดภัยหายห่วง
ตรงหัวสะพานที่พาดผ่านแม่น้ำใหญ่ คนเมืองฝูถูสิบกว่าคน โดนกลุ่มคนของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดล้อมเอาไว้
“ฮ่าๆ พยายามหาแทบตายไม่เจอ พอเลิกหาเลิกสนใจ กลับได้มาง่ายๆ แบบคาดไม่ถึงเสียอย่างนั้น!”
ในสามราชายุทธ์ขั้น 9 ของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด คนที่อยากได้ฮู๋ชิงชิงมานานแล้ว หัวเราะเสียงดังออกมา
ไม่ไกลจากหัวสะพาน มีศพผู้หญิงนอนอยู่ เสื้อผ้าโดนถอดจนหมด เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผล ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโต เต็มไปด้วยความหวาดผวา โมโห ไม่เต็มใจ และเคียดแค้น……
อีกด้านหนึ่ง คนของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดสามคน กำลังข่มเหงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คนสุดท้ายจัดการเสร็จ ดึงกางเกงขึ้นพลางง้างมือสะบัดมีด ฟันคอผู้หญิงคนนั้น
คนเมืองฝูถูเห็นภาพตรงหน้า ต่างรู้สึกขนหัวลุก คนที่จิตใจไม่มั่นคง รู้สึกขาสั่นขึ้นมาทันที
“ให้ตายเถอะ ทำไมถึงมาเจอพวกแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด โรคจิตบ้าคลั่งฆ่าคน……”
ฝ่ายเมืองฝูถู กู้เผิงที่มีผลการฝึกตนสูงสุด สูดหายใจลึก คำพูดพวกนี้ เขาทำได้เพียงคิดในใจเท่านั้น ไม่กล้าพูดออกมา
“สหายทุกท่าน เราเป็นศิษย์ของสมาคมเป่ยเซี๋ย เมืองฝูถู เจ้าเมืองกับเทพศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดรู้จักกันมานาน ได้โปรดเห็นแก่หน้าเจ้าเมืองของเราด้วยเถอะ ให้เราข้ามไปได้ไหม”
กู้เผิงรู้ดีว่าพละกำลังของพวกแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดแข็งแกร่งมาก คนฝั่งตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้แน่นอน ด้วยความจองหองที่เป็นทายาทแดนศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องไม่ผลีผลาม และทำได้เพียงพูดดีด้วย
“เลิกพูดอะไรที่ไร้ประโยชน์ ไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดในแดนแต่งตั้งราชา ข้าเหอหวู่เจียง จัดการพวกนายจนหมด พวกเมืองฝูถูก็พูดอะไรไม่ได้”
ฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ราชายุทธ์ขั้น9 ที่ชื่อเหอหวู่เจียงเอ่ยขึ้น แล้วยิ้มเย็นชา
เมื่อกู้เผิงได้ยิน จิตตกทันที รอยยิ้มประจบบนใบหน้าหุบลง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “งั้นทุกท่านต้องการอย่างไร ถึงจะปล่อยให้เราข้ามไป ถึงพวกท่านมีราชายุทธ์ขั้น9 สามคน แต่ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ ศิษย์ของเมืองฝูถูก็ไม่ด้อยความสามารถหรอกนะ”
เมื่อเหอหวู่เจียงได้ยิน สีหน้าดูไม่สบอารมณ์ “ศิษย์เมืองฝูถูอย่างพวกนาย มีสมบัติแกร่งกล้าข้างกาย คิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดอย่างเราไม่มีงั้นหรือ ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติของเมืองฝูถู เทียบไม่ได้กับแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดของเรา เชื่อไหมว่าถึงพวกนายเอาไพ่ใบสุดท้ายออกมา ก็หนีไม่รอดเหมือนเดิม”
เมื่อเหอหวู่เจียงพูดออกมาเช่นนี้ ศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ที่ล้อมอยู่รอบๆ ปล่อยความอาฆาตอันทรงพลังออกมา ทำให้อากาศรอบๆ ปะปนไปด้วยสีเลือด
แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด เป็นสำนักที่ฝึกตนด้านการเข่นฆ่า เชื้อสายของพวกเขา ยิ่งฆ่าเยอะเท่าไร พละกำลังก็ยิ่งแข็งแกร่ง ตอนนั้นหลัวซิวทะลุไปถึงระดับราชายุทธ์ ได้รับการมอบของขวัญเป็นผังกฎดั้งเดิม ในนั้นมีวิชาพรากชีวีสำเร็จจักรพรรดิ ทักษะยุทธ์วิชายิ่งเลิศ เป็นวิชายิ่งเลิศของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด!
แต่วิชายิ่งเลิศชนิดนี้ เป็นการสืบทอดให้เชื้อสายเท่านั้น คนทั่วไปมีสิทธิ์ฝึกตนได้ยาก พวกศิษย์ที่มีผลการฝึกตนราชายุทธ์พวกนี้ ถึงแม้จะเรียนไม่ถึงวิชายิ่งเลิศ แต่วิชายุทธ์ที่ฝึกตนในแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ล้วนเป็นวิชาลับเข่นฆ่าอันดับต้นๆ ทั้งนั้น
คนที่ฝึกตนด้านการฆ่า พละกำลังด้านการต่อสู้ เป็นที่โดดเด่นในแดนเดียวกัน อีกอย่างฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ยังมีราชายุทธ์ขั้น9 สามคน มีอำนาจเหนือกว่า ได้เปรียบเป็นอย่างมาก