ทันใดนั้น หลัวซิวพ่นลมหายใจ เลือดไหลออกมาจากรูจมูกของเขา เพราะวิญญาณที่โจมตีตัวหยั่งรู้ ถึงแดนราชายุทธ์ขั้น 8 แล้ว
ภายใต้การลอบจู่โจมอย่างกะทันหัน เขาไม่สามารถป้องกันมันได้ และประสบความสูญเสียเล็กน้อย
แสงห้าสีแวบผ่านระหว่างคิ้วของเขา เปิดใช้งานพลังแห่งกฎเบญจธาตุทั้ง5ในตัวหยั่งรู้ และเปลี่ยนแนวโน้มในทันที จับวิญญาณบริสุทธิ์ของราชายุทธ์ขั้น 8 ที่แสดงออกเป็นสีเงิน
ตอนนี้ หลัวซิวจับวิญญาณบริสุทธิ์ได้สี่ดวง ซึ่งสองดวงนั้นอยู่ในราชายุทธ์ขั้น 4 อีกหนึ่งอยู่ราชายุทธ์ขั้น 6 และอีกหนึ่งอยู่ที่ราชายุทธ์ขั้น 8
หากกลั่นวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งสี่ดวงนี้ทั้งหมด หลัวซิวเชื่อว่าพลังแห่งตัวสำนึกของเขาสามารถทะลุผ่านราชายุทธ์ขั้น 8 ไปได้
ตัวสำนึกจะทะลุผ่านแดนๆหนึ่งเป็นเรื่องยากมาก หลัวซิวมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าหุบเขาจิตนภานี้เป็นโอกาสที่ใหญ่สำหรับเขา ถ้าเขาสามารถจับโอกาสนี้ได้ พลังแห่งตัวสำนึกของเขาก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลง
พวกเขาได้เข้าไปในส่วนลึกของหุบเขากว้างใหญ่นี้อย่างไม่รู้ตัว ข้างหน้าพวกเขามีหุบเขาชั้นในก็ปรากฏขึ้น ข้างในมีหมอกหนา ทางเข้ามีแผ่นหินแตกพร้อมจารึกว่า ‘หุบเขาจิตนภา’ ตัวใหญ่
มีบรรยากาศโบราณหมุนเวียนอยู่บนแผ่นหินที่แตกหักนี้ ซึ่งทำให้หลัวซิวรู้สึกว่ามันเก่าแก่กว่าตอนที่เขาเข้าสู่ถ้ำโลกใบเล็กของจักรพรรด์ยุทธ์เสวียนดำ ออร่าที่รู้สึกถึง ยังเก่าแก่กว่า
และระหว่างทางที่มา หลัวซิวก็เห็นซากศพมากมาย มีทั้งอสูรกาย และมนุษย์ เห็นได้ชัดว่า ในเวลาที่ผ่านมา มีคนเคยพบสถานที่นี้ พวกเขาทั้งหมดได้เสียชีวิตที่นี่อย่างไม่มีข้อยกเว้น
สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองโม่โหลว เกือบล้านไมล์ ตั้งอยู่ในส่วนลึกของสมาคมเป่ยเซี๋ย ขาดแคลนทรัพยากรและมีพลังฟ้าดินจิตน้อยมาก โดยปกติ มีนักยุทธ์เพียงไม่กี่คนที่มาที่นี่
แต่ใครจะไปคิดว่าในสถานที่ที่ขาดแคลนทรัพยากรเช่นนี้ จะมีสถานที่มหัศจรรย์อย่างเช่นหุบเขาจิตนภานี้อยู่
“เราเข้าไปกันเถอะ สิ่งที่ข้าอยากเตือนทุกคนคือวิญญาณโจมตีที่เราได้รับภายนอกนั้นเป็นเพียงระดับราชายุทธ์ แต่ในหุบเขาจิตนภา เราจะพบกับสิ่งมีชีวิตวิญญาณระดับจักรพรรดิยุทธ์ รูปร่างก็เหมือนกับผนึกรวมของผู้แข็งแกรงระดับ จักรพรรดิยุทธ์ เมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนต้องร่วมมือกันถึงจะต่อต้านได้” ลู่เจิ้งเซี๋ยงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
หลัวซิวรู้ว่าสิ่งมีชีวิตวิญญาณระดับจักรพรรดิยุทธ์ที่เขาพูดถึงนั้น จริงๆแล้วเป็นวิญญาณเทพจิตจริง ๆ จักรพรรด์ยุทธ์เสวียนดำยังกล่าวอีกว่าวิญญาณได้เปลี่ยนเป็นระดับเทพจิต สามารถผนึกรวมออกมาใกล้เคียงกับร่างที่แท้จริง เหมือนเทพจิตของนักยุทธ์
เป็นเพียงว่าวิญญาณไม่สามารถครองวิญญาณได้ ได้แต่วิวัฒนาการโดยการกลืนกินพลังวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอื่นเท่านั้น
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ พลังชีวิตที่มหัศจรรย์นี้ไม่มีจิตวิญญาณใด ๆ รู้แต่วิธีโจมตีและกลืนกินโดยสัญชาตญาณเท่านั้น
มิฉะนั้น วิญญาณสามารถกลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกนี้อย่างแน่นอน
ลู่เจิ้งเซี๋ยงเดินไปข้างหน้าก่อน ไป๋หลิงเซวียนตาม เหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่ได้ขยับ แต่หันสายตามองไปที่หลัวซิว
นางยังคงกังวลหลัวซิวเล็กน้อย เพราะวินาทีที่พบอันตราย นางอาจจะไม่สามารถไปช่วยเขาได้ทัน
“อย่างนี้ไหม เจ้าอยู่นอกหุบเขาเถอะ” เหยียนเยว่เอ๋อร์กล่าว
“หึหึ เชื่อใจข้าไม่ได้เหรอ? อย่าลืมว่าข้าเป็นผู้ที่ได้ฉายาราชายุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาแดนราชายุทธ์ คิงซิวหลัว!” หลัวซิวพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาได้บอกเหยียนเยว่เอ๋อร์เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้ทำในปีที่ผ่านมานี้แล้ว
“เอาล่ะ เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าแข็งแกร่งที่สุด ได้ไหม?” เหยียนเย่วเอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มและกลอกตาขาวให้เขา
“เราตามไปด้วยกันเถอะ” หลัวซิวยิ้มเล็กน้อย จับมือขาวของนางแล้วเดินไปข้างหน้าด้วยกัน
ในไม่ช้า ทั้งสี่คนมาถึงทางเข้าหุบเขาชั้นใน ภายในมีหมอกหนาทึบ ไม่สามารถตรวจสอบผ่านตัวสำนึกได้ มีพลังวิญญาณพลานุภาพแทรกซึมอยู่ในหุบเขา ระงับการสำรวจด้วยตัวสำนึก
ทันทีที่ทั้งสี่เข้าไปในหุบเขา ออร่าวิญญาณพลานุภาพก็พุ่งเข้ามาและกวาดไปทั่วร่างพวกเขาทั้งสี่อย่างไม่ยอมปล่อย
ฮึ่ม! ฮึ่ม! ฮึ่ม! …
ในเวลาเดียวกัน ทั้งสี่คนรู้สึกถึงพลังวิญญาณพลานุภาพพุ่งเข้าหาพวกเขา
พลังจิตแท้ถูกปล่อยออกสู่ร่างกายของทุกคน แม้ว่าพลังจิตแท้ปกป้องร่างกายจะไม่มีผลมากในการป้องกันวิญญาณ แต่ก็ยังมีผลบางอย่างอยู่
ความผันผวนที่รุนแรงของพลังจิตแท้ป้องร่างกายได้ถูกแทรกซึมอย่างรวดเร็วโดยพลังวิญญาณ ราวกับหนวดที่แหลมคม เจาะเข้าไปในตัวหยั่งรู้
“แหลกวิญญาณ!”
หลัวซิวใช้วิชาลับในการโจมตีด้วยวิญญาณ ผนึกรวมรูปดาบด้วยตัวสำนึกกลายให้เป็นพายุ กลับแตกเป็นเสี่ยงๆในทันที ทำให้ตัวหยั่งรู้ของเขาเจ็บปวด
หลัวซิวจึงได้แต่ใช้พลังแห่งกฎอีกครั้งอย่างจนปัญญา แสงจิตห้าสีก็ปรากฏขึ้นในตัวหยั่งรู้
บูม! บูม! บูม!
กฎเบญจธาตุทั้งห้าและการโจมตีวิญญาณปะทะกันในตัวหยั่งรู้ ตัวสำนึกของหลัวซิวผนึกรวมเป็นรูปดาบและซ่อนอยู่หลังลูกแก้วความเป็นตาย
ผลที่ตามมาจากการระเบิดของพลัง ทั่วทั้งตัวหยั่งรู้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้หลัวซิวรู้สึกเหมือนสมองของเขาถูกต้ม ปวดหัวมาก
จักรพรรดิยุทธ์ขั้น 4 !
เขาตัดสินอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับระดับของการโจมตีวิญญาณนี้
ขณะที่เขาต่อต้านการโจมตีวิญญาณระดับนี้ หลัวซิวมองไปที่เหยียนเยว่เอ๋อร์ข้างๆเขา พบว่าสีหน้าของนางปกติและนางไม่ได้รับบาดเจ็บ
แม้ว่าระดับการฝึกฝนของนางจะเป็นจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 3 แต่นางก็ฝึกฝนพลังก่อรวมวิญญาณมายาวนานกว่าเขามากและระดับตัวสำนึกถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5
ไม่ไกลนัก ในหมอกที่พร่ามัว เงาร่างของแสงสีเงินริบหรี่ค่อยๆ ปรากฏขึ้น เสียงร้องที่แหลมคมออกมาจากปาก มันเป็นผู้ที่ปล่อยการโจมตีวิญญาณเมื่อครู่นี้
ร่างนี้ส่องแสงสีเงินไปทั่วร่างกายของมัน ไร้ใบหน้า รอบกายเต็มไปด้วยพลังวิญญาณบริสุทธิ์
“ทุกคนท่จับมันด้วยกัน” ลู่เจิ้งเซี๋ยงตะโกน และลงมือเป็นนำ เขาเป็นจักรพรรดิยุทธ์ที่ฝึกฝนวรยุทธ์อัสนี พลังจิตแท้กลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ลอยไปกคลุมวิญญาณเทพจิต
ไป๋หลิงเซวียนก็ลงมือพร้อมกัน พลังเย็นเฉียบแผ่ออกจากร่างกายของนาง ปิดกั้นการหลบหนีของวิญญาณเทพจิต
ลู่เจิ้งเซี๋ยงและไป๋หลิงเซวียน คนหนึ่งคือจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 6 และอีกคนคือ จักรพรรดิยุทธ์ขั้น 4 สองคนนี้แข็งแกร่งมาก
และวิญญาณเทพจิตนั้นเป็นเพียงจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 4เท่านั้น
แต่พลังโจมตีวิญญาณ มีพลังมากกว่าการโจมตีพลังจิตแท้ วิญญาณเทพจิตลอยขึ้น เร็วมาก สองมือสองข้างยื่นออก มีเสียงฉีกขาด ก็ฉีกตาข่ายอัสนีเป็นรู
แสงอัสนีแสงสั่นสะเทือนอยู่บนร่างของมัน ทำให้วิญญาณ เทพจิตส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
หลังจากที่มันฉีกตาข่ายอัสนี มันก็บินหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับอุกกาบาต
“จับมัน มันได้รับบาดเจ็บแล้ว!” ลู่เจิ้งเซี๋ยงตะโกนเสียงดัง
ในขณะนี้ แสงดาบที่ควบแน่นด้วยพลังเย็นยะเยือกก็พุ่งออกมา มีเสียงของมีคมแทงเข้าไปในร่าง แทงทะลุเข้าไปในร่างของวิญญาณเทพจิต ทำให้มันส่งเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดออกมาอีกครั้ง
ดูเหมือนจะรู้ว่ามันไม่มีทางหนีอีกต่อไป วิญญาณเทพจิตก็เร่งความเร็ว พุ่งไปที่ไป๋หลิงเซวียน
“ระวัง อย่าให้สิ่งนี้โดนร่างกาย” ลู่เจิ้งเซี๋ยงตะโกนเสียงดัง