บทที่ 407 สิทธิเพิ่มขึ้น
ไม่มีใครคิดว่าราชายุทธ์ขั้นสองคนหนึ่งสามารถติดอันดับแต่งตั้งฉายาราชายุทธ์
หลิวซิวไม่รู้ว่าที่มู่จื่อซิวถาม เป็นเพราะเจตนารมณ์ของตนเองหรือเจตนารมณ์ของสมาคม
ไม่ว่าจะพิจารณาจากด้านไหน หลัวซิวก็ไม่มีทางยอมรับว่าตนเองคือคิงซิวหลัว ดังนั้นเขาจึงตอบกลับมู่จื่อซิวอย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโสล้อเล่นแล้ว ผลการฝึกตนของผู้น้อยต่ำมากขนาดนี้ สามารถเอาชีวิตรอดจากศึกแต่งตั้งราชาก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว จะใช่คิงหลัวซิวได้อย่างไร?”
หลังจากที่ข้อความถูกส่งออกไป ผ่านไปเนิ่นนาน ตั้งแต่เริ่มจนจบมู่จื่อซิวไม่ได้ตอบกลับ
หลังจากนั้น หลัวซิวพาเหยียนเยว่เอ๋อร์เดินทางไปองค์กรนักล่ายุทธ์ในเมือง อาศัยค่ายวาร์ป ถูกส่งตัวไปอีกเมืองหนึ่ง
บางสถานที่ที่ไม่สามารถใช้ค่ายกลวาร์ป ก็ต้องใช้วิธีบินในการเดินทาง
เวลาล่วงเลยผ่านไปทีละนิด เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว
หลิวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์เดินทางมาถึงเขตชายแดนของดินแดนเป่ยเซี๋ย อีกไม่นานก็จะเข้าสู่อาณาจักรใต้ ระยะทางอยู่ห่างจากประเทศเทียนหวูถึงว่าไม่ไกลแล้ว
“ระยะทางนี้ น่าจะสามารถติดต่อกับประเทศเทียนหวูได้แล้วมั้ง?” หลัวซิวคิดในใจ
การสื่อสารก็จำกัดระยะทางเช่นกัน หากระยะทางเกินขีดจำกัด ข้อความจะไม่สามารถส่งไปยังอุปกรณ์สื่อสารของอีกฝ่ายได้
การสื่อสารประเภทนี้เป็นการสื่อสารผ่านค่ายกล ระดับของค่ายกลยิ่งสูง ระยะที่จำกัดของการสื่อสารก็จะยิ่งไกลเท่านั้น
อย่างเช่นอยู่ในดินแดนเป่ยเซี๋ย หลัวซิวสามารถรับข้อความที่มู่จื่อซิวส่งมา และเมื่อไหร่ที่เขาออกจากดินแดนเป่ยเซี๋ยเข้าสู่อาณาจักรใต้ มู่จื่อซิวก็จะไม่สามารถติดต่อเขาอีก
คิดแล้วคิดอีก หลัวซิวส่งข้อความหาสวีจิงเหนียนบรรพบุรุษของตระกูลสวี ส่วนจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงเขาไม่ได้ติดต่อ เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว เขาเชื่อใจสวีจิงเหนียนมากกว่า
ผ่านไปไม่นาน กล่องส่งเสียงสั่น สวีจิงเหนียนส่งข้อความตอบกลับ
“ตำหนักจื่อ สำนักเสวียนหยาง! …… ”
หลังจากตรวจดูข้อความของสวีจิงเหนียน สีหน้าของหลัวซิวมืดมนลง ถูกปกคลุมด้วยเจตนาแห่งการฆ่า
“มีอะไรเหรอ?” เหยียนเยว่เอ๋อร์สัมผัสได้ถึงเจตนาแห่งการฆ่าที่ไม่สามารถควบคุมบนร่างกายของเขา จึงถามด้วยความเป็นห่วง
“พ่อแม่และพี่สาวของข้า รวมไปถึงคนของตระกูลหลิวแห่งเมืองชิงหยุน ถูกคนของตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยางจับตัวไปแล้ว” หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
ในช่วงสองปีนับตั้งแต่เขาจากไป โครงสร้างโดยรอบของประเทศเทียนหวูก็เปลี่ยนไปไม่น้อย
ก่อนอื่นเลยคือราชวงศ์ตระกูลฝาน โดยพื้นฐานถือว่าล่มสลายแล้ว ถึงแม้ฝานไท่เต๋ออาศัยตะเกียงวิญญาณรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่คิดจะฟื้นฟูผลการฝึกตนให้กลายเป็นจักรพรรดิยุทธ์เหมือนเมื่อก่อน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสิบกว่าปี
ราชวงศ์ตระกูลฝานไม่มีคนคุ้มครอง ย่อมไม่สามารถสยบกลุ่มอิทธิพลในประเทศหวู
ฝานไท่เต๋อหายตัวไป ราชวงศ์ตระกูลฝานถูกหลายตระกูลใหญ่ร่วมมือกัน ขับไล่ออกจากประเทศหวู
เมื่อก่อนประเทศหวูมีสิบตระกูลใหญ่ แต่หลังจากผ่านคีตโลกาถ้ำเทพสถิต มีอาจารย์ของหลายตระกูลถูกหลัวซิวสังหาร เหลือเพียงสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้น
ในบรรดาสี่ตระกูลใหญ่มีตระกูลสวี ตระกูลเหยียน ตระกูลโกว ตระกูลหวาง
ตระกูลโกวหันไปเข้ากับตำหนักจื่อ ตระกูลหวางหันไปเข้ากับสำนักเสวียนหยาง ตระกูลสวีและตระกูลเหยียนแทบจะไม่มีที่ยืน
นอกเหนือจากนี้ ยังเกิดเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คืออาจารย์มกุฏยุทธ์ของสำนักฉางเหอ ถูกอาจารย์ของตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยางร่วมมือกันลอบโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สำนักฉางเหอปิดประตูค่ายกลสำนัก ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือกจึงทำได้แต่ปิดผนึกภูเขา
เมื่อก่อนสามสำนักใหญ่ต่างฝ่ายต่างอยู่ ไม่เคยมีสองสำนักใหญ่ร่วมมือกันแบบนี้มาก่อน
หลัวซิวรู้ดีว่าทำไมตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยางจึงจับคนในครอบครัวของตนไป เพราะพวกเขาต้องการวิชาสืบทอดของคีตโลกาถ้ำเทพสถิตในมือเขา
เพื่อนสนิทมิตรสหาย สำหรับหลัวซิวเป็นสิ่งที่ล้ำเส้นไม่ได้ ในใจของเขา ตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยางกลายเป็นศัตรูที่เขาต้องทำลายล้างไปแล้ว
ตั้งแต่ได้รับช่องจิตปลอมจากหุบเขาจิตนภา ช่วงนี้เขาไม่เคยหยุดที่จะฝึกฝนตนเองมาก่อน
ช่องจิตปลอมมีพลังวิญญาณจำนวนมหาศาล ตัวสำนึกวิญญาณของเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนกว่า บรรลุถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์แล้ว!
หลังจากที่ตัวสำนึกทะลวงถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ ทำให้เขามีความสามารถกลั่นยาระดับเจ็ด ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถแสดงอานุภาพของค่ายกลขั้นหกออกมาอย่างเต็มกำลัง
แต่ทั้งหมดนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับมกุฏยุทธ์ ยังคงอ่อนหัดเกินไป
“อาศัยความแข็งแกร่งของข้าไม่สามารถรับมือมกุฏยุทธ์สองคน จำเป็นต้องยืมพลังจากภายนอก และต้องพึ่งพากำลังจะไปนอก!” หลัวซิวขมวดคิ้วแน่น
เหยียนเยว่เอ๋อร์นั่งอยู่ด้านข้าง มองเขาที่กำลังครุ่นคิดโดยไม่ได้รบกวน
หลังจากครุ่นคิด ในหัวของหลัวซิวมีเพียงสองวิธีที่สามารถทำได้ หนึ่งคืออาศัยที่ตนเองสามารถกลั่นยาเม็ดระดับเจ็ด โดยใช้ยาเม็ดเป็นค่าตอบแทน ตามหาผู้แข็งแกร่งระดับมกุฏยุทธ์หลายคนมาช่วยเหลือ
แต่ปัญหาคือผู้แข็งแกร่งระดับมกุฏยุทธ์ไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นด้านความเชื่อใจ ก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ด้วย
ยังมีอีกวิธีหนึ่งนั่นก็คือประกาศภารกิจจ้างคนในองค์กรนักล่ายุทธ์ เชิญผู้แข็งแกร่งระดับมกุฏยุทธ์ขององค์กรที่พึ่งพาได้มาช่วย
แต่สิทธิของเขาในองค์กรเป็นเพียงขั้นดำชั้นสูง อย่างมากก็สามารถเชิญแค่ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ หากต้องการมีคุณสมบัติในการจ้างผู้แข็งแกร่งมกุฏยุทธ์ จำเป็นต้องบรรลุสิทธิขั้นดิน
หลัวซิวปัดความคิดของวิธีแรกทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ทำข้อตกลงกับผู้แข็งแกร่งมกุฏยุทธ์ เท่ากับรนหาที่อย่างไม่ต้องสงสัย เขาไม่สามารถสยบผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ ถ้าหากทำแบบนั้นจริง มีความเสี่ยงสูงมาก
ส่วนวิธีที่สองสามารถทำได้ จำเป็นต้องเพิ่มสิทธิของตนเองในองค์กรให้สูงขึ้น
ในเขตชายแดนระหว่างดินแดนเป๋ยเซี๋ยและอาณาจักรใต้ หลัวซิวเดินทางมาถึงองค์กรนักล่ายุทธ์แห่งหนึ่ง
เหมือนกับเมืองโม่โหลว องค์กรนักล่ายุทธ์ที่นี่ก็มีส่งมอบภารกิจและประกาศจ้างภารกิจเช่นกัน
เขาวางตรานักล่าอสูรลงในร่อง ลําแสงของค่ายกลส่องไปทางกำแพงที่อยู่ด้านหน้า ปรากฏให้เห็นใบหน้าของมนุษย์ที่เลือนลาง
หลัวซิวรู้ นี่คือวิญญาณแห่งค่ายกล ควบคุมระบบภายในทั้งหมดขององค์กรนักล่ายุทธ์
“หลัวซิว สมาชิกอัจฉริยะระดับขั้นดำชั้นสูง ไม่มีภารกิจให้ส่งมอบ ต้องการรับภารกิจหรือประกาศภารกิจหรือไม่” วิญญาณแห่งค่ายกลพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์อ่อนไหวแม้แต่นิดเดียว
“ข้าต้องการประกาศจ้างผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ในองค์กร” หลัวซิวพูด
“สิทธิของเจ้าไม่ถึง”
“ข้าต้องการประเมินระดับสิทธิใหม่” หลัวซิวรีบพูดต่อ
บนใบหน้าที่เลือนลางราวกับมีดวงตา มองข้ามสิ่งกีดขวางที่ไร้ขีดจำกัดลงบนตัวของหลัวซิว
“หลัวซิว อายุสิบแปดปี ผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้นสาม เทพจิตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหนึ่ง สามารถเพิ่มสิทธิเป็นระดับดินชั้นกลาง” วิญญาณแห่งค่ายกลพูดอย่างเชื่องช้า
สำหรับเรื่องที่วิญญาณแห่งค่ายกลสามารถตรวจสอบผลการฝึกตนของตนเองอย่างง่ายดาย หลัวซิวไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแม้แต่นิดเดียว เพราะค่ายกลระดับเทพมีวิญญาณแห่งค่ายกลที่เหนือกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์
ระดับสิทธิขององค์กรนักล่ายุทธ์ ขั้นดำชั้นสูงสอดคล้องกับสิทธิของระดับจักรพรรดิยุทธ์ ขั้นดินชั้นล่างสอดคล้องกับสิทธิของมกุฎยุทธ์ ส่วนขั้นดินชั้นกลางสอดคล้องกับระดับมหายุทธ์!