บทที่ 409 รวมตัว
สายตาของเขาหันไปมองเหยียนเยว่เอ๋อร์ก่อน เพราะผลการฝึกตนของผู้หญิงคนนี้เป็นจักรพรรดิยุทธ์ ดังนั้นหนิงเหอโจวจึงคิดว่านางน่าจะเป็นคนประกาศภารกิจ
ส่วนเด็กหนุ่มที่เป็นเพียงราชายุทธ์ขั้นสามคนนั้น ถูกหนิงเหอโจวมองข้ามโดยตรง
“ท่านน่าจะเป็นผู้อาวุโสหนิงใช่หรือเปล่า ข้าเป็นคนประกาศภารกิจเอง” หลัวซิวลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นคำนับยิ้มแล้วพูด
“เจ้า? ……” หยิงเหอโจวเบิกตากว้าง หันความสนใจมาทางเด็กหนุ่มที่เป็นเพียงราชายุทธ์ขั้นสาม
“ผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้นสาม ถ้าข้าจำไม่ผิด การประกาศจ้างวานมกุฎยุทธ์อย่างน้อยก็ต้องเป็นอัจฉริยะขั้นดินชั้นล่าง ราชายุทธ์ขั้นสามถึงขั้นคิดอยากได้การประเมินอัจฉริยะขั้นดินชั้นล่าง เจ้าเพิ่งอายุสิบกว่าปีเองมั้ง?”
หนิงเหอโจวกวาดสายตามองหลัวซิวตั้งแต่หัวจรดเท้า ในแววตาปรากฏให้เห็นความประหลาดใจ
ในองค์กรนักล่ายุทธ์มีมกุฎยุทธ์ไม่น้อย แต่การประเมินอัจฉริยะที่สามารถบรรลุขั้นดินกลับมีน้อยมาก
โดยเฉพาะคนที่สามารถบรรลุราชายุทธ์ในตอนอายุเพียงสิบกว่าปี มีเวลาอีกเป็นพันปีในการฝึกทะลวงระดับดินแดนที่สูงกว่า ตราบใดที่ไม่ยอมแพ้ ความสำเร็จในอนาคตไร้ขีดจำกัด
หลัวซิวพยักหน้า ไม่ได้อธิบายเรื่องอายุของตนเองอย่างละเอียด และไม่ได้พูดถึงเรื่องการประเมินระดับขั้นดินชั้นกลางของตนเอง ระดับสิทธิในองค์กรของเขา สูงยิ่งกว่าหนิงเหอโจวที่เป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์คนนี้เสียอีก
“เหอะเหอะ เดิมทีข้าตั้งใจไปตามหาหญ้าวิญญาณในสถานรกร้างโลหิตมาร หลังจากนั้นค่อยไปตามหาปรมาจารย์กลั่นยาระดับเจ็ดมาช่วยข้ากลั่นยา แต่บังเอิญเห็นการประกาศภารกิจจ้างวานของเจ้า ดวงของข้าถือว่าไม่เลว”
หนิงเหอโจวหัวเราะเหอะเหอะ สถานรกร้างโลหิตมารที่เขาเอ่ยถึงอยู่ห่างจากเมืองห้าวซานไม่ได้ถือว่าไกลมากนัก เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างอันตราย มีอสูรระดับหกที่แข็งแกร่งมากมายอาศัยอยู่ไม่น้อย
แต่หลัวซิวกลับเข้าใจคำพูดของหนิงเหอโจวไปอีกแบบหนึ่ง นั่นก็คือค่าตอบแทนของภารกิจ
หลัวซิวก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร การรับภารกิจของผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ ไม่ใช่ญาติมิตรสหายของเขา เดิมทีก็มาเพื่อค่าตอบแทนอยู่แล้ว เมื่อไม่มีมิตรภาพต่อกัน มันย่อมหมายถึงเรื่องของผลประโยชน์
หลัวซิวพลิกมือเรียกขวดหยกสองขวดออกมาวางลงบนโต๊ะ ยิ้มแล้วพูด “นี่คือยาระดับเจ็ดเป็นค่าตอบแทนของภารกิจครั้งนี้ ผู้อาวุโสหนิงเชิญดูก่อน”
หนิงเหอโจวพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม หลังจากนั้นยื่นมือออกไปหยิบขวดหยกทั้งสองขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ ดึงฝาออก ยื่นจมูกเข้าไปดม หลังจากนั้นเทยาทั้งสองเม็ดออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด
“อืม เป็นยาสลายร่างหลงหยางและยาวาตะทองน้้ำค้างหยก จริง” หลังจากที่หนิงเหอโจวมั่นใจ จึงนำยาใส่กลับเข้าไปในขวดหยก หลังจากนั้นวางคืนลงบนโต๊ะ
ก่อนที่ภารกิจจะเสร็จสิ้น ย่อมไม่มีกฎที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนล่วงหน้า สิ่งที่เขาทำเมื่อกี้เป็นเพียงการตรวจสอบค่าตอบแทนใช่ของจริงหรือไม่ จะได้หลีกเลี่ยงถึงเวลาตนเองไม่ต้องเหนื่อยเปล่า
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้ารู้สึกสงสัยมาก ด้วยผลการฝึกตนราชายุทธ์ของเจ้า เจ้าไปได้ยาระดับเจ็ดมาจากไหน?” หนิงเหอโจวถามอย่างกะทันหัน “ถ้าหากบนตัวเจ้ายังมียาสองชนิดนี้มากกว่านี้ ข้าสามารถใช้หินพลังจิตและของวิเศษแลกกับเจ้า”
การที่หนิงเหอโจวพูดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะผลการฝึกตนของเด็กหนุ่มในชุดกี่เพ้าดำคนนี้ไม่ได้สูงมาก มียาระดับเจ็ดแบบนี้อยู่ในมือก็ไม่ได้ใช้ ไม่สู้ขายเป็นของที่สามารถใช้เพิ่มพูนผลการฝึกตนของตนเองดีกว่า
“เหอะเหอะ ผู้อาวุโสหนิงเข้าใจผิดแล้ว ผู้น้อยเป็นเพียงผู้ฝึกตนราชายุทธ์ ย่อมไม่มีทางมียาระดับเจ็ดมากกว่านี้ ยาทั้งสี่เม็ดที่ประกาศจ้างวาน ผู้น้อยได้มาจากอาจารย์ของข้า” หลัวซิวยิ้มพูดอธิบาย
“ฮืม? อาจารย์ของเจ้าเป็นใคร?” หนิงเหอโจวถาม
“ผู้อาวุโสหนิงโปรดให้อภัย อาจารย์เคยบอกไว้ หากท่านไม่ยินยอม ห้ามเอ่ยชื่อเสียงเรียงนามของท่านกับคนอื่นเด็ดขาด”
สำหรับเรื่องนี้ หนิงเหอโจวเพียงแค่หัวเราะเหอะเหอะ ไม่ได้ถามอะไรมากอีก มันก็จริงที่มีผู้แข็งแกร่งละทิ้งทางโลกไม่ชอบเรื่องวุ่นวายมากมาย
ผ่านไปอีกสองวัน มู่จื่อซิวก็เดินทางมาถึงเมืองห้าวซานเช่นกัน
“คือเจ้า?”
ทันทีที่มู่จื่อซิวเห็นผู้ประกาศจ้างวานคือเด็กหนุ่มที่เคยเข้าร่วมศึกแต่งตั้งราชาที่เขาจัดขึ้นในตอนนั้น ในแววตาปรากฏให้เห็นความประหลาดใจ
“ฮืม? พี่มู่รู้จักน้องชายคนนี้?” หนิงเหอโจวที่อยู่ด้านข้างยิ้มแล้วพูด
มู่จื่อซิวพยักหน้า “ศึกแต่งตั้งราชาเมื่อหนึ่งปีก่อน ข้าเป็นคนแนะนำสหายน้อยซิวหลัวคนนี้”
เห็นได้ชัด ความสัมพันธ์ระหว่างมู่จื่อซิวและหนิงเหอโจวรู้จักกัน
“ศึกแต่งตั้งราชา?” หนิงเหอโจวรู้สึกอึ้งเล็กน้อย หันไปมองหลัวซิว “น้องชายทำให้ข้าต้องประหลาดใจอีกแล้ว เข้าร่วมศึกแต่งตั้งราชาด้วยผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้นสาม ตั้งแต่ในอดีตไม่เคยมีมาก่อน!”
ทุกคนรู้ดี คนที่เข้าร่วมศึกแต่งตั้งราชา อย่างน้อยก็เป็นถึงยอดฝีมือราชายุทธ์ขั้นเจ็ด
ทันใดนั้น แววตาของหนิงเหอโจวหยุดชะงัก “เดี๋ยวก่อน…เจ้าชื่อซิวหลัว? หรือว่ากับคิงหลัวซิวคนนั้น……”
หลัวซิวได้ยินคำพูดประโยคนี้ ส่ายหัวยิ้มอย่างขมขื่นทันที “ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ผู้น้อยไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคิงซิวหลัวคนนั้นแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสมู่ก็เคยถามข้าแล้ว”
“มันก็จริง คิงซิวหลัวเป็นถึงอันดับหนึ่งของฉายาราชายุทธ์ ส่วนเจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนราชายุทธ์ขั้นสาม” หนิงเหอโจวก็ส่ายหัวเช่นกัน รู้สึกว่าความคิดของตนเองเลอะเลือนเกินไป
“เหอะเหอะ พี่หนิงไม่รู้อะไร ตอนที่สหายน้อยซิวหลังเข้าร่วมศึกแต่งตั้งราชา ผลการฝึกตนเพิ่งเป็นราชายุทธ์ขั้นสอง”
มู่จื่อซิวยิ้มเล็กน้อย สายตาหันไปมองทางหลัวซิวโดยทั้งเจตนาและไม่ตั้งใจพร้อมกับความหมายที่ลึกซึ้ง
ถึงแม้ด้วยผลการฝึกตนของเขา แทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะเป็นคิงหลัวซิวคนนั้น แต่มู่จื่อซิวมักจะรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา
เขาเคยใช้สถานะของผู้ลาดตระเวนตรวจสอบที่ไปที่มาของซิวหลัว พบว่าชื่อจริงของเขาคือหลัวซิว ปีนี้เพิ่งจะอายุสิบแปด สิ่งที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นคือ ตอนเขาอายุสิบสองยังเป็นแค่ผลการฝึกตนกลั่นร่าง ในเวลาเพียงห้าหกปีกลับสามารถบรรลุถึงระดับราชายุทธ์!
มกุฎยุทธ์สองคนจากการจ้างวานมาถึงแล้ว คนทั้งกลุ่มออกเดินทางไปอาณาจักรใต้ของประเทศเทียนหวูโดยตรง
ในระหว่างการเดินทาง สถานที่ส่วนใหญ่ไม่สามารถอาศัยค่ายกลวาร์ปในการเดินทาง คนทั้งสี่จึงขึ้นเรือรบของมู่จื่อซิว เพื่อไปดินแดนของประเทศเทียนหวูต่อ ต้องใช้เวลาประมาณสองเดือนกว่า
ในระหว่างนี้ หลัวซิวใช้เวลาส่วนใหญ่ฝึกฝนอยู่ในห้องลับของเรือลำนี้ เมื่อเทียบกับผลการฝึกตนที่ยิ่งอยู่ยิ่งก้าวหน้าช้า ตัวสำนึกวิญญาณของเขากลับก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเนื่องจากการมีอยู่ของช่องจิตปลอม
ก่อนหน้านี้สามารถบรรลุถึงดินแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหนึ่ง หลายวันต่อมาทะลวงถึงดินแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสอง หลังหนึ่งเดือน ถึงขั้นบรรลุดินแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่
ยิ่งไปกว่านั้นหลัวซิวยังแบ่งพลังวิญญาณบริสุทธิ์ส่วนหนึ่งไปที่ฝ่ามือ ปล่อยให้จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำที่อยู่ในสภาวะจำศีลได้ดูดซับ อย่างไรก็ตาม การที่เขาได้ช่องจิตปลอมดวงนี้มาครอบครอง มันหนีไม่พ้นความดีความชอบของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ
แต่หลัวซิวก็ยังคงหวาดระแวงเช่นกัน เขาไม่ได้สนับสนุนพลังวิญญาณให้จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้หลังจากที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ยุคบรรพกาลคนนี้ฟื้นฟูพลังกลับมาแล้วเป็นภัยคุกคามต่อตนเอง
หลังจากดูดซับพลังวิญญาณที่หลัวซิวสนับสนุน จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำปลดปล่อยกลิ่นอายวิญญาณที่ผันผวนสายหนึ่งออกมา ดวงวิญญาณที่อ่อนแอก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย