มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 419 ข้อพิพาทเรื่องที่นั่ง

บทที่ 419 ข้อพิพาทเรื่องที่นั่ง

บทที่ 419 ข้อพิพาทเรื่องที่นั่ง
ในงานวันเกิด แขกที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศเดินทางขึ้นเขาของสำนักเสวียนหยาง ตรงตีนเขาของเขาเสวียนหยาง บันไดหินสีฟ้าทอดยาวไปจนถึงยอดเขา ตรงไหล่เขาถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก นกกระเรียนและลิงส่งเสียงดังกังวาน ราวกับดินแดนแห่งเซียน

หลัวซิว เหยียนเยว่เอ๋อร์และมู่จื่อซิวกับหนิงเหอโจวมกุฎยุทธ์ทั้งสองคน ตามสวีจิงเหนียนเดินทางมาถึงเขาเสวียนหยางด้วยสถานะของคนตระกูลสวี

ยอดเขา เป็นจัตุรัสลานกว้างขนาดใหญ่ ถูกเรียงรายไปด้วยโต๊ะนับร้อย ตอนที่หลัวซิวและคนอื่นเดินทางมาถึง มีผู้คนไม่น้อยที่นั่งอยู่บนโต๊ะแล้ว

คนที่มีสิทธิ์นั่งที่นี่ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีผลการฝึกยุทธ์ระดับราชายุทธ์ขึ้นไป

“เจ้าหอ สำนักเสวียนหยางทำเกินไปแล้ว พวกเรานำดอกไห่ถังดาวตกที่ล้ำค่ามามอบให้พวกเขา แต่กลับไม่คิดจะจัดที่นั่งให้พวกเราเลยด้วยซ้ำ”

คนของหอหย่งชางไม่มีราชายุทธ์ ย่อมไม่มีสิทธิ์นั่งในจัตุรัส หญิงสาวที่อยู่ข้างกายของเย่เจียเอ๋อร์ทำหน้าไม่พอใจ

“ฮ่วนหยุน เงียบเดี๋ยวนี้!” เย่เจียเอ๋อร์เขม่นใส่นาง “บรรดาผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ล้วนแต่เป็นราชายุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ เจ้ามาพูดจาเหลวไหลที่นี่จะสร้างปัญหาให้พวกเรา”

หญิงสาวที่ชื่อฮ่วนหยุนโดนตำหนิ แต่กลับทำปากจู๋แสดงความไม่พอใจ

“น่าขำสิ้นดี แค่มอบดอกไห่ถังดาวตกดอกเดียวก็คิดจะนั่งที่นี่แล้ว?”

“ใช่ สำนักเสวียนหยางจะใส่ใจยาทิพย์ระดับหกดอกเดียวเหรอ? พวกบ้านนอกพวกนี้มาจากไหน”

มีผู้คนไม่น้อยที่อยู่โดยรอบได้ยินคำพูดบ่นของฮ่วนหยุน ทันใดนั้นมีเสียงพูดดูถูกดังเข้ามาในหูของ เย่เจียเอ๋อร์และคนอื่นทันที

หญิงสาวที่ชื่อฮ่วนหยุนข้างกายของนางแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมาทันที แต่กลับโดนเย่เจียเอ๋อร์ใช้สายตาเตือน เพราะในบรรดาคนที่พูดจาเสียดสีเยาะเย้ย ล้วนแต่เป็นฝึกจิตขั้นแปดและขั้นเก้า

ในเขตปกครองโตว้ไห่ บางทีปรมาจารย์โลกยุทธ์ผู้ฝึกจิตขั้นเก้าคนหนึ่งอาจจะมีสถานะสูงส่ง

แต่ที่นี่คือสำนักเสวียนหยาง ถึงเป็นผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ก็ต้องถ่อมตน ส่วนปรมาจารย์ฝึกจิตเพื่ออยู่ที่นี่เป็นได้เพียงผู้น้อย

บนจัตุรัส ในพื้นที่รอบนอกสุดล้วนแต่เป็นที่นั่งของราชายุทธ์ ตรงกลางเป็นที่นั่งของผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้นเจ็ดขึ้นไป และจักรพรรดิยุทธ์

ส่วนโดยรอบของจัตุรัสส่วนใหญ่เป็นปรมาจารย์ฝึกจิต ทำได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น

ด้านหน้าสุดของจัตุรัสเป็นตำหนักสีทองอารามที่สวยสง่างาม เจ้าสำนักเสวียนหยางสวมหน้ากากสีทองครึ่งหน้าเดินไปทักทายแขกอย่างยิ้มแย้ม

ตรงหน้าประตูตำหนักมีโต๊ะที่สวยงามประณีตถูกตั้งอยู่ตรงนั้นหนึ่งโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นที่นั่งของอาจารย์เสวียนหยาง เพียงแต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์คนนี้ก็ยังไม่เคยปรากฏตัว

สวี่จิงเหนียนในฐานะที่เป็นจักรพรรดิยุทธ์ ในละแวกของประเทศเทียนหวูก็ถือเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีสถานะคนหนึ่ง โซนตรงกลางย่อมมีที่นั่งของเขา

หลัวซิวคนทั้งสี่ไม่ได้เข้าไปนั่งในจัตุรัส พวกเขากดผลการฝึกตนของตนเองให้ต่ำลง ปะปนอยู่ในโซนโดยรอบที่มีปรมาจารย์ฝึกจิตมากกว่า

“ลงมือเมื่อไหร่?” หนิงเหอโจวมองไปทางหลัวซิวแล้วถาม

“ตอนนี้ไม่ได้” หลัวซิวส่ายหัว พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ที่นี่แตกต่างจากแดนตำหนักจื่อ สำนักเสวียนหยางมีค่ายกลพิทักษ์เขา ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นค่ายกลระดับเจ็ด”

หลังจากได้ยินคำพูดประโยคนี้ หนิงเหอโจวและมู่จื่อซิวแสดงสีหน้าที่หนักใจออกมา

ทุกคนรู้ดี ค่ายกลพิทักษ์เขาเมื่อเทียบกับค่ายกลที่อยู่ในระดับเดียวกัน พลังทำลายล้างสูงที่สุด เมื่อไหร่ที่ค่ายกลพิทักษ์เขาระดับเจ็ดถูกขับเคลื่อน แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ช่วงหลังก็ต้องถอยออกไปไกลถึงเก้าสิบลี้

“สำนักเสวียนหยางถือว่ามั่งคั่งใช้ได้” หนิงเหอโจวกระตุกมุมปากยิ้มอย่างเย็นชา

รูปแบบของค่ายกลพิทักษ์เขามีความยุ่งยากมาก การสร้างค่ายกลพิทักษ์เขาระดับเจ็ด อย่างน้อยก็ต้องใช้ปรมาจารย์ค่ายกลระดับเจ็ดหลายคน ใช้เวลาสร้างหลายปีถึงจะสำเร็จ ราคาที่ต้องจ่ายค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

“ถ้าหากมีค่ายกลพิทักษ์เขาระดับเจ็ด พวกเราจะฝืนลงมือที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด คงต้องใช้แผนระยะยาว” มู่จื่อซิวพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

แม้กระทั่งเขาและหนิงเหอโจวก็ไม่สามารถต้านทานการจู่โจมของค่ายกลพิทักษ์เขาระดับเจ็ดแน่นอน ถึงขั้นสามารถหนีออกไปได้หรือเปล่าก็ยังไม่แน่

“ให้เวลาข้าหน่อย ข้าจะลองคลายค่ายกลดู” หลัวซิวส่งเสียงพูด

“อะไรนะ? เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าหมายถึงคลาย?” หนิงเหอโจวและมู่จื่อซิวมองไปทางเขาด้วยความประหลาดใจ

การคลายค่ายกลแห่งหนึ่งถึงขั้นยากยิ่งกว่าการฝืนทำลายค่ายกล เพราะจำเป็นต้องเข้าใจหลักการการทำงานของค่ายกล จึงสามารถอนุมานรูปแบบและการจัดเรียงของค่ายกล ถึงสามารถถอดรูปแบบและตำแหน่ง

ในระหว่างนั้นหากเกิดข้อผิดพลาด ค่ายกลจะถูกกระตุ้น คนที่กำลังควบคุมค่ายกลก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงการแทรกแซง ถึงเวลาหากตกอยู่ในพื้นที่ของค่ายกล คิดจะหนีก็หนีไม่รอดแล้ว

ถ้าหากต้องการฝืนทำลายค่ายกลพิทักษ์เขาระดับเจ็ด จำเป็นต้องมีผลการฝึกตนของระดับมหายุทธ์ขึ้นไปถึงสามารถทำได้ ยิ่งไปกว่านั้นถึงเป็นผู้แข็งแกร่งมหายุทธ์ต้องการฝืนทำลายค่ายกลพิทักษ์เขาระดับเจ็ดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องเผาผลาญปราณแท้และเวลาเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น สำหรับทุกสำนัก ค่ายกลพิทักษ์เขาถึงจะเป็นตัวบ่งชี้รากฐานของขุมกำลัง

“นี่เป็นถึงค่ายกลพิทักษ์เขาระดับเจ็ด เจ้าแน่ใจว่าทำได้เหรอ?” ถึงมู่จื่อซิวจะสงสัยว่าเขาคือคิงซิวหลัว แต่ไม่คิดว่าเขาสามารถคลายค่ายกลระดับเจ็ด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่ายกลพิทักษ์เขาที่เป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับเดียวกัน

“น่าจะไม่มีปัญหา” บนใบหน้าของหลัวซิวเต็มไปด้วยความมั่นใจ

“ซ่า……”

หนิงเหอโจวสูดอากาศที่เย็นวูบเข้าปอด เขาและมู่จื่อซิวล้วนแต่เข้าใจดีว่าการคลายค่ายกลระดับเจ็ดมันหมายความว่าอย่างไร

มันหมายความว่าผู้คลายค่ายกล อย่างน้อยก็ต้องมีมาตรฐานของปรมาจารย์ค่ายกลระดับแปด!

และหมอนี่เพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ดูแล้วน่าจะไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำมั้ง? ถึงเขาเริ่มวิเคราะห์ศึกษาเกี่ยวกับค่ายกลตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ก็ไม่มีทางบรรลุถึงปรมาจารย์ค่ายกลขั้นแปดมั้ง?

อันที่จริง มาตรฐานค่ายกลของหลัวซิวไม่ถึงขั้นเจ็ดด้วยซ้ำ มาตรฐานของเขาอยู่ที่ขั้นหก แม้ปัจจุบันเขามีกำลังพอที่จะสร้างค่ายกลระดับเจ็ด แต่การตระหนักรู้บนเส้นทางของค่ายกล ยังไม่บรรลุถึงมาตรฐานของขั้นเจ็ด

ที่เขากล้าพูดว่าตนเองสามารถคลายค่ายกลพิทักษ์เขาระดับเจ็ด นั่นเป็นเพราะมีจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำอยู่ด้วย

ด้วยทักษะปรมาจารย์ค่ายกลขั้นเก้าของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ การคลายค่ายกลระดับเจ็ดย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

“พวกท่านอยู่ที่นี่ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็มา” หลัวซิวพูด หลังจากนั้นอาศัยจังหวะที่ผู้คนรอบข้างไม่ทันสังเกต ปกปิดกลิ่นอายของตนเองออกจากจัตุรัสแห่งนี้

“เจ้าหนู ไปทางทิศตะวันออกสามสิบก้าว”

ตามคำชี้แนะของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ หลัวซิวเดินมาถึงตำแหน่งจุดหนึ่ง ก็จะทิ้งธงค่ายกลไว้หนึ่งอัน หลังจากนั้นวาดค่ายกลบังตาขึ้นโดยรอบของธงค่ายกล ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถสังเกตเห็น

เขาสำนักเสวียนหยาง ด้านในสุดของตำหนักที่สูงตระหง่าน เป็นสถานที่เก็บตัวของอาจารย์เสวียนหยาง

หลังจากเจ้าสำนักเสวียนหยางทักทายแขกทุกคนเรียบร้อย เขามาถึงหน้าห้องลับที่ใช้เก็บตัวฝึกตนของบรรพชน พูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพ “หลิงซวงขอพบท่านบรรพชน”

เทียนสองเล่มถูกจุดขึ้นหน้าห้องประตูลับ แสงเทียนสว่างไสว

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท