บทที่ 416 ไขว่คว้าเวลาฝึกตน
มู่จื่อซิวมาโดยบังคับเรือรบ หนิงเหอโจวยืนตระหง่านอยู่บนดาดฟ้าเรืออย่างภาคภูมิใจ ในมือถือศีรษะที่เต็มไปด้วยคราบเลือด มันคือศีรษะของอาจารย์ตำหนักจื่อ ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง ราวกับคนตายตาไม่หลับ
อีกด้านหนึ่ง เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็เหาะเหินอยู่บนท้องฟ้าเช่นกัน บนร่างกายมีคราบเลือดติดอยู่ไม่น้อย ไม่ต้องคิดก็รู้ ศัตรูอาฆาตแค้นถาวหยุนเชียนที่เป็นคนสังหารพ่อแม่และญาติของนาง ต้องตายด้วยมือของนางแล้วแน่นอน
ความคับแค้นที่ถูกอัดอั้นไว้ในส่วนลึกของหัวใจมานานสามร้อยปี ในที่สุดก็มีโอกาสสังหารศัตรูด้วยมือของตนเอง แต่จิตใจของนางกลับยังคงไม่รู้สึกสงบ
“ไอ้หนุ่ม ภารกิจเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง”
หนิงเหอโจวยกแขนขึ้นเหวี่ยงออกไป โยนศีรษะของอาจารย์ตำหนักจื่อลงบนพื้น ศีรษะกลิ้งออกไปไกลหลายสิบเมตร
ภารกิจจ้างวานที่หลัวซิวประกาศคือสังหารอาจารย์ตำหนักจื่อและอาจารย์เสวียนหยาง ปัจจุบันอาจารย์ตำหนักจื่อถึงฆาตแล้ว เหลือเพียงอาจารย์เสวียนหยาง
ส่วนแหวนเก็บของและสมบัติที่อยู่บนตัวของอาจารย์ตำหนักจื่อ ย่อมถูกมู่จื่อซิวและหนิงเหอโจวที่เป็นมกุฏยุทธ์ทั้งสองคนแบ่งกันเรียบร้อยแล้ว
นอกเหนือจากนี้ยังมีคลังสมบัติของตำหนักจื่อ ตำหนักจื่อมีรากฐานยาวนานมากกว่าสองพันปี ก็ถือว่าเป็นโชคลาภก้อนโตเช่นกัน
ผ่านไปสักพัก หลัวซิวสามารถคลายวิชาห้ามค่ายกลที่อยู่ใกล้กับหอคอยฝึกตนแห่งหนึ่ง ด้านล่างของหอคอยฝึกตนแห่งนี้มีทั้งหมดเจ็ดชั้น มีทรัพยากรสำหรับการฝึกตนจำนวนมาก หินพลังจิตถูกกองเป็นภูเขา จำนวนมีมากกว่าล้านหรือสิบล้าน
ยาวิเศษก็มีมากมายเช่นกัน ระดับต่ำสุดก็เป็นถึงยาทิพย์ระดับห้า ยิ่งไปกว่านั้นยังมียาทิพย์ระดับเจ็ดไม่น้อย
และยังมีนักยุทธ์ ชุดเกราะ ยาเม็ดและอย่างอื่นอีกมากมาย
สามชั้นบนสุดเก็บม้วนหยกวรยุทธ์ไว้จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีวิชายุทธ์ระดับเก้า และเคล็ดวิชาของดาวจักรพรรดิจรัสม่วง
และยังมีเคล็ดวิชาปราณสีม่วงระดับเก้าหนึ่งเล่ม
ทรัพยากรสมบัติในคลังสมบัติของตำหนักจื่อถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน มูจื่อซิวและหนิงเหอโจวแบ่งกันคนละส่วน ส่วนหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ได้รับหนึ่งส่วน
เคล็ดวิชาปราณสีม่วงและดาวจักรพรรดิจรัสม่วงก็ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนเช่นกัน
“คิดไม่ถึง เป็นแค่สำนักที่มีมกุฏยุทธ์ขั้นสามเพียงคนเดียวเป็นผู้ดูแล แต่ภายในคลังสมบัติกลับมีของล้ำค่ามากมายเช่นนี้”
หลังจากที่คนทั้งสี่แบ่งสมบัติที่อยู่ภายในคลังเรียบร้อย แต่ละคนรู้สึกอารมณ์ดีมาก มูจื่อซิวและเหอหนิงวโจวได้รับผลเก็บเกี่ยวมากมาย
รวมไปถึงเรือรบสามลำของตำหนักจื่อ สามในสองลำเป็นเรือรบธรรมดา มีเพียงเรือรบของอาจารย์ตำหนักจื่อ ในบรรดาเรือรบระดับล่างถือเป็นของชั้นสูง
มู่จื่อซิวมีเรือรบที่ดีกว่านี้ ดังนั้นเรือรบของอาจารย์ตำหนักจื่อจึงถูกหนิงเหอโจวรับไป ส่วนเรือรบอีกสองลำที่เหลือตกอยู่ในมือของหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์
หลังออกจากแดนตำหนักจื่อ หลัวซิวใช้พลังตราประทับปิดผนึกทางเข้าแดนตำหนักจื่อ
หากไม่ใช่ของที่เขาสร้างเองกับมือ ถึงเป็นผู้แข็งแกร่งมกุฏยุทธ์ก็ไม่สามารถเปิดทางเข้าของแดนตำหนักจื่อ
โดยทั่วไป สำนักที่สามารถสืบทอดต่อกันมายาวนานนับพันปี ล้วนแต่มีค่ายกลพิทักษ์เขา ค่ายกลแบบนี้ มีอานุภาพที่แข็งแกร่งกว่าค่ายกลทั่วไปในระดับเดียวกันมาก
แต่ตำหนักจื่อกลับไม่มีค่ายกลประเภทนี้ เหตุผลหลักคือแกนกลางของตำหนักจื่อตั้งอยู่ในแดนปริศนา เมื่อไหร่ที่ทางเข้าแดนถูกปิดผนึก ศัตรูภายนอกไม่สามารถจู่โจม จึงไม่จำเป็นต้องมีค่ายกลพิทักษ์เขา
ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างค่ายกลพิทักษ์เขาจำเป็นต้องเผาผลาญทรัพยากรจำนวนมาก ต้องเชิญปรมาจารย์ค่ายกลขั้นสูงลงมือ ค่าตอบแทนไม่ได้แค่สูงธรรมดา
เรียกได้ว่าการที่ตำหนักจื่อถูกโค่นล้มแบบนี้ การไม่มีค่ายกลพิทักษ์เขาก็คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญ แต่ประสบความสำเร็จก็แดนตำหนักจื่อ พ่ายแพ้ก็แดนตำหนักจื่อ
“พวกเราไป!”
หลังออกจากแดนตำหนักจื่อ คนทั้งสี่นั่งเรือรบลำเดียวกันตรงไปทางฝั่งตะวันตกของประเทศเทียนหวู
ข่าวการล่มสลายของตำหนักจื่อย่อมปิดไม่มิด กระจายไปถึงหูของกลุ่มอิทธิพลอื่นในเวลาเพียงไม่นาน
หลัวซิวจำเป็นต้องลงมือถอนรากถอนโคนแบบสายฟ้าแลบก่อนที่สำนักเสวียนหยางจะได้รับข่าวเรื่องนี้
ระหว่างทางที่กำลังบินไปสำนักเสวียนหยาง หลัวซิวโบกมือสร้างค่ายกลขึ้นโดยรอบเรือรบ หลังจากนั้นเริ่มทำการฝึกตนทันที
หลัวซิวรู้ดี เมื่อเทียบกับผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ในปัจจุบัน สิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดก็คือเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยปล่อยให้เวลาของการฝึกตนเสียไปโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่วินาทีเดียว เมื่อทำแบบนี้นานวันเข้า ถึงสามารถรับประกันผลการฝึกตนของตนเองก้าวหน้าขึ้น
ยาทองระดับจักรพรรดิยุทธ์สองเม็ดถูกเขาเรียกออกมา บวกกับยาทิพย์อีกหลายชนิด ถูกหลอมรวมกลายเป็นยามหาอิทธิที่มีพลังจิตจำนวนมหาศาลแฝง
ยาทองหนึ่งเม็ด มีผลการฝึกตนปราณแท้ของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ควบแน่น
บวกกับยาทิพย์สูตรพิเศษ สามารถทำให้ปราณแท้ที่แฝงอยู่ในยาทองกลายเป็นพลังจิต แบบนี้สามารถทำให้ผู้ฝึกยุทธคนอื่นใช้เพื่อเพิ่มพูนผลการฝึกตน
แต่ยามาหอิทธิแบบนี้ กลับไม่ใช่ใครก็สามารถกินได้ เนื่องจากพลังจิตที่แฝงอยู่ด้านในมีความรุนแรงมาก ดังนั้นผู้ชายจึงจำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ถึงสามารถแบกรับผลแทรกซ้อนของยา
ขั้นตอนการกลั่นยาผ่านไปอย่างราบรื่น ไม่นาน ยามหาอิทธิสองเม็ดถูกกลั่นออกมาได้สำเร็จ
ยกแขนขึ้นโบก ประกายแสงห้าสีส่องสว่าง แท่นบัวทิพย์ห้าสีถูกเขาเรียกออกจากแหวนเก็บของ
หลังจากนั้นหลัวซิวโบกมืออีกครั้ง หินพลังจิตกองเท่าภูเขากระจายอยู่โดยรอบ การโค่นล้มตำหนักจื่อครั้งนี้ เขาได้รับหินพลังจิตนับล้าน สามารถใช้เพิ่มพูนพลังจิตได้พอดี ใช้แท่นบัวทิพย์ห้าสีกลั่นปราณทิพย์ฟ้าดินที่ดีกว่านี้ออกมา
หินพลังจิตนับแสนแฝงไปด้วยพลังจิตที่บริสุทธิ์ถูกดูดซับอย่างไม่ขาดสาย หลังจากนั้นไปรวมกันที่ใจกลางแท่นบัวทิพย์ห้าสี
หลัวซิวลุกขึ้นยืน นั่งลงบนแท่นบัวทิพย์ห้าสีด้วยท่าดอกบัวอย่างเชื่องช้า
หลังจากนั่งลงบนแท่นบัวทิพย์ห้าสี หลัวซิวสามารถสัมผัสได้ถึงปราณทิพย์ฟ้าดินที่ไร้จุดสิ้นสุด ปราณทิพย์แบบนี้ไม่เพียงแต่สามารถเพิ่มพูนผลการฝึกตนให้เร็วขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถทำให้การตระหนักของผู้ฝึกยุทธเพิ่มพูนขึ้น
เช่นเดียวกับปีกทิพย์ไร้มลทิน แท่นบัวทิพย์ห้าสีเป็นของวิเศษที่กำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความสามารถที่แตกต่างกัน และมีข้อดีเป็นของตนเอง
พลิกฝ่ามือ ยามหาอิทธิสีทองถูกหลัวซิวโยนเข้าปาก หลังจากนั้นดวงตาของเขาเริ่มปิดลงอย่างเชื่องช้า สองมือประสานกันตรงหน้าอก ฤทธิ์ของยาแผ่ขยายไปทั่วร่าง
โครม……
ภายในร่างกายของเขามีเสียงที่คล้ายคลึงกับฟ้าผ่าดังขึ้นเป็นครั้งคราว นี่เป็นผลกระทบที่เกิดจากฤทธิ์ยาอันยิ่งใหญ่เข้าจู่โจมเส้นเลือดของเขาอย่างต่อเนื่อง
หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป ภายใต้ผลกระทบของฤทธิ์ยาที่รุนแรงเช่นนี้ เกรงว่าเส้นเลือดคงจะรับไม่ไหว ถูกสะบั้นจนขาด สูญเสียผลการฝึกตน และสุดท้ายร่างกายระเบิดตายไปในที่สุด
แต่ร่างเนื้อของหลัวซิวกลับบรรลุถึงระดับขีดจำกัดของร่างยุทธ์ระดับราชา บวกกับมีพลังของกฎเบญจธาตุช่วยหนุนเสริม แค่ยามหาอิทธิที่กลั่นมาจากยาทองจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหนึ่ง ยังอยู่ในระดับที่สามารถแบกรับไหว
ยามหาอิทธิปลดปล่อยฤทธิ์ยารุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เปี่ยมไปด้วยพลัง กำลังหลั่งไหลราวกับสายน้ำในเส้นเลือดของเขา