บทที่ 430 สังหารอาจารย์
ร่างของหลัวซิวหายไปจากตำแหน่งเดิม จากนั้นปรากฏภาพลวงตามังกรเขียวขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงคำรามของมังกรอยู่ไกลๆ ภายในชั่วพริบตาเดียวมันก็ได้ตามไปขวางอยู่ตรงหน้าอาจารย์ตระกูลหวางที่ตั้งท่าจะหนีเรียบร้อยแล้ว
ความเร็วของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์เร็วมากขนาดไหน ส่วนราชายุทธ์กลับมีความเร็วที่เหนือกว่าจักรพรรดิยุทธ์ แสดงว่าวิชาการฝึกตนของเขาจะต้องอยู่ในระดับสูงอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะในระหว่างที่ร่างมีการเปลี่ยนแปลงจนเกิดเสียงมังกรคำรามขึ้นมานั้น ท่าทางการเคลื่อนที่นั้นไม่ธรรมดา
灵魂神识อันแข็งแกร่ง รวมกับร่างยุทธ์เนื้อที่ทนทาน และระดับความเร็วอันน่าหวาดหวั่น ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตามเด็กหนุ่มที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี คนนี้ล้วนเหนือกว่าจักรพรรดิยุทธ์ที่อยู่ในที่นี่ทุกคน
แม้แต่ผู้ที่มีระดับการฝึกตนสูงสุดอย่างจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง สายตาของเขายังเกิดประกายวิบไหว เพราะเขาคิดว่าต่อให้เขาออกแรงทั้งหมดของตนอย่างเต็มที่ เขาก็อาจจะเอาชนะหลัวซิวไม่ได้ อีกอย่างยังไม่รู้ด้วยว่าหลัวซิวยังมีไม้เด็ดอะไรอีก
ฟู่ว!
ในช่วงเวลาที่พบหน้ากันเพียงครู่เดียว โลหิตก็ได้พุ่งสาดกระเซ็นลงมา แขนข้างหนึ่งของอาจารย์ตระกูลหวางถูกปราณกระบี่ของหลัวซิวตัดขาดและร่วงลงมากระทบพื้น
สีหน้าของอาจารย์ตระกูลหวางหวาดหวั่น แม้แต่แขนของตนที่ขาดยังเก็บไม่ทัน เขาจึงพยายามสุดชีวิตที่จะหนีไปให้เร็วที่สุด
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีสภาพเช่นวันนี้ ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ที่ฝึกฝนมาเป็นพันๆ ปี ต้องมาถูกเด็กหนุ่มราชายุทธ์ที่มีอายุไม่ถึง 20 ปีไล่ฆ่า
หลัวซิวไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเขาชกออกไปอีกครั้ง ร่างยุทธ์ระดับจักรพรรดิอันแข็งแกร่งแตกกระจายกลางอากาศจนทั่วทั้งท้องฟ้าแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นผืนฟ้าจึงแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อเกิดเป็นพายุสีดำมืดครึ้ม
อาจารย์ตระกูลหวางไม่กล้าเลินเล่อ เขายื่นมือออกไปบีบยันต์คุ้มกันขั้น6 พลางตั้งท่าจะหนีต่อ
เขาหวังว่ายันต์คุ้มกันขั้น6 จะสามารถป้องกันการจู่โจมของอีกฝ่ายได้บ้าง เขาจะได้พอมีเวลาหนีได้ทัน
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ได้หยิบยันต์วาตะขั้น 6 ออกมา
ในขณะที่อาจารย์ตระกูลหวางตั้งท่าจะบีบยันต์วาตะขั้น 6 อยู่นั้น หลัวซิวก็ได้ใช้หมัดของตัวเองทุบกลางฟ้าก่อตัวเป็นพายุกระหน่ำ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าฟาดดังกระหึ่มไปทั่ว และมีแสงจิตห้าสีสว่างวาบขึ้นมาด้วย บรรยากาศรอบๆ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เกิดเป็นรอยแยกสีดำบ้าคลั่ง
แสงวาบของยันต์คุ้มกันขั้น6 ระเบิดออกเป็นเสี่ยงภายในชั่วพริบตา แสงจิตห้าสีที่สว่างวาบขึ้นมาแล้วหายไปได้โจมตีเข้าที่หัวใจด้านหลังของอาจารย์ตระกูลหวาง
อาจารย์ตระกูลหวางหยุดการเคลื่อนที่ชั่วขณะ มือของเขากำลังบีบยันต์วาตะขั้น 6 อยู่
ทว่าเขายังไม่ทันจะบีบยันต์วาตะนี้จนแตก
จากนั้นเกิดเสียงดังปั้ง ร่างของอาจารย์ตระกูลหวางระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดสาดกระเซ็น ยาทองและแหวนเก็บของถูกพลังจิตแท้ห่อหุ้มจนลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลัวซิว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าเหนือตระกูลสวีนี้ คนในเมืองเทียนหวูต่างเห็นกันทั่ว
อาจารย์จักรพรรดิยุทธ์ของสองตระกูลใหญ่โดยฆ่าติดต่อกันภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ด้วยวิธีการที่โหดร้ายทารุณ
“เป็นเด็กหนุ่มที่น่ากลัวอย่างยิ่ง”
“ไม่เสียแรงที่เขามีนามว่าหลัวซิว สังหารคนอย่างโหดร้ายไร้ความปรานี”
สีหน้าของจักรพรรดิยุทธ์คนอื่นๆ เริ่มไม่สู้ดีนัก พวกเขากำลังแอบโล่งใจที่ตนเองยังโชคดีที่ไม่ได้เขาไปทำร้ายครอบครัวของหลัวซิวเพราะความโลภ ไม่อย่างนั้นแล้ววันนี้คนที่ตายคงจะเป็นตนเองอย่างแน่นอน
ส่วนคนในตระกูลโกวกับตระกูลหวาง เมื่อเห็นอาจารย์ของตระกูลตนเองถูกสังหารไปแล้วก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียง คนของทั้งสองตระกูลนี้ต่างกำลังว้าววุ่นใจ และมีคนบางคนที่เริ่มเก็บข้าวของเตรียมจะหนี
หลัวซิววางแผนเอาไว้แล้วว่าคนที่เหลือของทั้งสองตระกูล เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง ตระกูลสวีกับตระกูลเหยียนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่
เขาปัดมือด้วยท่าทางราวกับว่าการสังหารจักรพรรดิยุทธ์สองคนนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ สำหรับเขาเท่านั้น
“ไม่ได้เจอผู้อาวุโสทุกท่านมานานแล้ว เช่นนั้นพวกเราเข้ามาดื่มสุรากันก่อนสักหน่อยดีหรือไม่” หลัวซิวกล่าวเชิญด้วยรอยยิ้ม
ในตำหนักตระกูลสวีมีทะเลสาบคนขุดอยู่ ตรงกลางทะเลสาบมีศาลาหลังน้อยที่สวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งอยู่
บรรยากาศแถวๆ นี้ไม่เลวเลยทีเดียว สวีจิงเหนียนได้สั่งให้คนเตรียมอาหารชั้นเลิศมาจัดวางไว้บริเวณนี้เรียบร้อยแล้ว แถมยังมีนักดนตรีฝีมือเลิศคอยบรรเลงดนตรีอยู่ในงานด้วย
เหล่าจักรพรรดิยุทธ์นั่งกันอยู่กลางศาลา พวกเขาไม่มีใครกล้าไม่ให้เกียรติคำเชิญของหลัวซิว
เนื่องจากฝีมือของเขาที่แสดงให้ทุกคนได้เห็นในวันนี้ เทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับจักรพรรดิยุทธ์ และความสามารถแฝงของเขายังร้ายกาจกว่านั้นด้วยซ้ำ อนาคตมีโอกาสได้เป็นคนใหญ่คนโตอย่างไม่ต้องสงสัย
เรื่องการล่มสลายของตำหนักจื่อและความวุ่นวายที่สำนักเสวียนหยางเมื่อถูกถ่ายทอดออกไปแล้วก็เริ่มมีข่าวอีกข่าวหนึ่งถูกกระจายพร้อมกันด้วย นั่นคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังหลัวซิวเป็นปรมาจารย์ผู้ลึกลับว่ากันว่าเป็นปรมาจารย์นักกลั่นยาคนหนึ่ง
ยังไม่ต้องสนใจว่าฝีมือของหลัวซิวเป็นอย่างไร ลำพังปรมาจารย์นักกลั่นยาที่อยู่เบื้องหลังเขาก็เพียงพอให้ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์อยากคบหากับเขาแล้ว รวมทั้งจักพรรดิยุทธ์ที่อยู่ในสถานที่นั้นด้วย
หลังจากที่ฝานไท่เต๋อถูกกำจัดไปแล้ว ประเทศเทียนหวูก็ไม่มีปรมาจารย์นักกลั่นยาขั้น 6 อีก หากผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ต้องการยาขั้น 6 นั่นจะเป็นปัญหาที่ใหญ่มากสำหรับพวกเขา
แม้ว่าในเขตแดนอื่นๆ จะพอมีปรมาจารย์นักกลั่นยาขั้น 6 อยู่บ้าง แต่ก็อยู่ห่างไกลและไม่มีความสัมพันธ์ใดเกี่ยวข้องกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาคงไม่ยอมให้ความช่วยเหลือง่ายๆ แน่นอน
“ผู้น้อยหลัว ตามที่เราพอรู้มา สำนักเสวียนหยางมีค่ายพิทักษ์เขาระดับ 7 คุ้มครองอยู่ การที่เจ้าหนีออกมาจากคสำนักเสวียนหยางได้ เจ้ามีวิธีในการจัดการกับค่ายพิทักษ์เขาอย่างไร
เหว้ยห้าวหรานเป็นหัวหน้าแก๊งนักค่ายกล เขาเองก็ได้ยินเรื่องราวที่หลัวซิวเข้าไปก่อกวนสำนักเสวียนหยางมาแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาข้องใจมากที่สุดคือความอันตรายของค่ายพิทักษ์เขานั่นที่ไม่ใช่ค่ายธรรมดา แล้วเขาจัดการกับมันได้อย่างไร
หลัวซิวเพียงอมยิ้ม “ผมมีค่ายกลที่มีชื่อว่าวัฏสารพลิกสามารถเปลี่ยนแปลงพลังของฟ้าดินได้ จนทำให้ค่ายกลหยุดการทำงาน แต่ว่าผมฝึกฝนมาน้อยเกินไปจึงทำให้ค่ายพิทักษ์เขาของสำนักเสวียนหยางเพียงหยุดการทำงานไปได้เพียงแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น”
เหว้ยห้าวหรานได้ยินดังนั้น สายตาก็เป็นประกาย “เราเคยเห็นค่ายกลที่เจ้าว่าในตำราโบราณ……”
เขาอยากถามเรื่องราวเกี่ยวกับค่ายวัฏสารพลิกต่อ แต่หลัวซิวกลับตอบด้วยรอยยิ้มและไม่ยอมให้คำอธิบายใดๆ กับเขาอีก
เหว้ยห้าวหรานอยากรู้ใจจะขาด เขาหลงใหลในวิชาค่ายกลมาก เขาจึงไม่อยากพลาดวิธีการทำค่ายกลโบราณนี้
แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองไม่เคยช่วยเหลืออะไรหลัวซิว แล้วอีกฝ่ายจะยอมบอกเขาได้อย่างไร
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ผมคิดว่าทุกท่านคงทราบแล้วว่า ตอนนั้นที่ผมอยู่ที่คีตโลกาถ้ำเทพสถิต ผมได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้แข็งแกร่งโบราณม่านหนึ่ง” หลัวซิวกล่าวขึ้นมากะทันหัน
เมื่อกล่าวคำพูดนี้ออกไป จักรพรรดิยุทธ์ทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างให้ความสนใจ ทุกสายหันมารวมกันอยู่ที่ตัวเขา
ไม่มีใครอยากรู้เรื่องการถ่ายของผู้แข็งแกร่งโบราณ เพราะในตอนนั้นหลัวซิวได้ให้ความรู้ในการฝึกตนกับพวกเขา ทำให้สองปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาได้รับอะไรดีๆ มากมายและสามารถยกระดับพลังของตัวเองได้ด้วย
โดยเฉพาะจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงที่ได้บรรลุออกจากโซ่ตรวนหลังจากติดอยู่มานานหลายปี จนบรรลุเข้าสู่แดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5
“ผมตั้งใจว่าจะก่อตั้งกองกำลังขึ้นที่ประเทศเทียนหวู ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสในที่นี่ มีผู้ใดบ้างอยากเข้าร่วม” หลัวซิวกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ก่อตั้งกองกำลัง?” จักรพรรดิยุทธ์ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างมีสีหน้าชะงักงัน
การจะก่อตั้งกองกำลังที่เป็นของตัวเองขึ้นมานั้น หลัวซิวได้คิดทบทวนมาอย่างดีแล้ว