มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 461
นอกเหนือจากหยูชุนชิว ตระกูลหยูยังมีจักรพรรดิยุทธ์อีกสามคนอยู่ที่นี่ด้วย หยูเจินคือจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสาม หยูโช่วคือจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสอง และยังมีผู้อาวุโสร่างท้วมอีกคนหนึ่ง คือจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่
“คนผู้นี้ฝึกร่างยุทธ์ระดับจักรพรรดิ มอบให้ข้าจัดการ หยูโช่วเจ้าไปจัดการหลินจื่อเฟิง หยูเจินเจ้าไปขวางเย่เฟยเทียนเอาไว้ อย่าให้มันหนีไปได้” ผู้อาวุโสร่างท้วมกล่าวเสียงเข้ม
เมื่อหลัวซิวได้ยินคนผู้นี้สั่งการ ก็รู้สึกขบขันขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้าอย่าแบ่งอีกเลย เข้ามาพร้อมกันเถอะ”
สำหรับหลัวซิว ตราบใดที่ความสามารถของอีกฝ่ายไม่เกินกว่าจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ด เพียงแค่เขาใช้พลังของลูกแก้วเสวียนดำ ก็สามารถต่อกรได้แล้ว
ถ้าหากคู่ต่อสู้คือจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ดขึ้นไป ก็คงต้องใช้กฎเบญจธาตุและลูกแก้วเสวียนดำพร้อมกันแล้ว
ผู้อาวุโสร่างท้วมได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา “ไร้ยางอาย!”
หลัวซิวไม่เห็นเป็นเช่นนั้น เขายิ้มอ่อน ๆ พลังอันยิ่งใหญ่ทะลักออกมาจากลูกแก้วเสวียนดำที่อยู่ในจุดตันเถียน
ฉับพลันทันที รัศมีพลังบนร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในระหว่างที่หายใจเพียงสองสามครั้ง การเคลื่อนไหวของพลังจิตแท้ ก็บรรลุถึงระดับที่ทัดเทียมกับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าได้
“เป็นไปได้ยังไงกัน? ราชายุทธ์คนหนึ่ง สามารถระเบิดรัศมีพลังที่ทัดเทียมกับจักรพรรดิยุทธ์ออกมาได้อย่างไรกัน?” ฝ่ายตรงข้าม จักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามของตระกูลหยู ต่างก็มีท่าทางเคร่งขรึม
พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีเคล็ดลับอะไรที่สามารถทำให้กระแสพลังของคนคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมาหนึ่งแดนใหญ่ได้พายในพริบตา โดยเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมาก่อน เลยคิดว่าหลัวซิวได้ปิดบังฝีมือที่แท้จริงของตนเอง
ในตอนนี้เอง หลัวซิวก็ได้ลงมือแล้ว เขายื่นมือขวาออกมา กางนิ้วทั้งห้า เพลิงมรณะก็ได้พุ่งออกมา ครอบคลุมหยูเจิน หยูสิ้นใจ และผู้อาวุโสร่างท้วม จักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามเอาไว้
พวกหยูเจินทั้งสามคนร้องตวาดออกมาด้วยความโมโห ต่างแสดงทักษะยุทธ์ของตนเอง ฟาดฟันพลังกระบี่ออกมา ต้องการทำลายเพลิงมรณะของหลัวซิว
ทว่าในตอนนี้เอง เพลิงมรณะสีดำทมิฬพลันเปลี่ยนไป แปลงเป็นกระดูกญาณขนาดมหึมา กระแสมรณะอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกมา
ภายใต้อิทธิพลของห้วงยุทธ์มรณะ พวกหยูเจินทั้งสามคนรู้สึกราวกับว่าพวกเขาอยู่ในอเวจีของหลัวซิว ผีร้ายมากมายกรีดร้องกระโจนเข้าหา ฉีกกัดเลือดเนื้อบนร่างกาย กลืนกินวิญญาณของพวกเขา
ความรู้สึกว่าต้องสิ้นใจแน่นอนทะลักเข้ามาในหัว ทำให้พวกเขาท้อแท้ใจ สิ้นหวังอย่างที่สุด คิดจะเลิกต่อต้านโดยสัญชาตญาณ
“หยุดนะ!”
ในตอนนี้เอง หยูชุนชิวก็ได้สังเกตเห็นเหตุการณ์ทางด้านนี้ และสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
แม้ว่าตระกูลหยูจะไม่อ่อนแอ แต่การเลี้ยงดูฝึกฝนจักรพรรดิยุทธ์ผู้หนึ่งก็ใช้ทรัพยากรไม่น้อย นอกจากนี้แล้วผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิยุทธ์ ไม่ใช่ว่ามีทรัพยากรก็จะสามารถเลี้ยงดูฝึกฝนได้ ยังต้องมีพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์ที่สูงพอสมควร
ถ้าหากทั้งสามคนต้องมาเสียชีวิตอยู่ที่นี่ สำหรับตระกูลหยูแล้ว นับเป็นการสั่นคลอนที่หนักหนาพอสมควร
เขาวาดมือทำสัญลักษณ์ พลังจิตแท้อันเยือกเย็นที่เหน็บหนาวอย่างสุดขีดโหมกระหน่ำเข้ามา ทำให้บริเวณที่อยู่โดยรอบกลายเป็นน้ำแข็ง บีบให้เกาเหลียนหงต้องถอยหลัง
จากนั้น เงาร่างของเขาพลันเคลื่อนไหว กลายเป็นลำแสงที่ใสดุจดั่งผลึกน้ำแข็ง จู่โจมเข้าใส่หลัวซิวที่อยู่ด้านล่าง
หยูชุนชิวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ถ้าหากอีกฝ่ายดึงดันจะสังหารผู้อาวุโสทั้งสาม ก็จะต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมประดุจสายฟ้าของตนอย่างแน่นอน
ในตอนที่หยูชุนชิวคิดว่าอีกฝ่ายจะหยุดมือนั่นเอง กระดูกญาณมหึมานั่นกลับไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด เสียงสวบดังขึ้นหนึ่งครั้ง กัดพื้นที่บริเวณนี้แตกเป็นเสี่ยง ๆ
เสียงกรีดร้องโหยหวนสามเสียงได้ดังขึ้น ในระหว่างซี่ฟันของกระดูกญาณ เลือดสาดกระเซ็น น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
หยูชุนชิวดวงตาแดงก่ำขึ้นมาทันที “เดรัจฉาน ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”
“ระวัง! รีบถอยเร็วเข้า!”
เกาเหลียนหงคิดจะขัดขวาง แต่กลับไม่ทันการเสียแล้ว
แม้ว่าขาจะสามารถเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วได้ในปริภูมิสั้น ๆ ทว่าหยูชุนชิวก็ได้ป้องกันการเคลื่อนไหวนี้ของเขาเอาไว้ก่อนแล้ว ใช้พลังจิตแท้ปิดพื้นที่บริเวณนั้นเอาไว้
ความจริงแล้วเผชิญหน้ากับการโจมตีของหยูชุนชิว หลัวซิวมีวิธีรับมือหลายวิธี ปีกทิพย์ไร้มลทินสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็ว กฎเบญจธาตุบวกกับลูกแก้วเสวียนดำสามารถรับมือได้โดยตรง
และยังมีอยู่อีกกระบวนท่าหนึ่ง นั้นก็คือกระบวนท่าที่ร้ายกาจที่สุด ตราธรรมจุติมรณะ!