มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 468
ชายชราในชุดคลุมสีขาวเดินเข้ามาด้วยท่าทางเคร่งขรึม มีสัญลักษณ์สลักคำว่า ‘หยู’ ห้อยอยู่ที่เอวของเขา และข้างหลังเขามีจักรพรรดิยุทธ์ผู้อาวุโสของตระกูลหยูอีกสามคนเดินเข้ามาด้วยกัน
“คือผู้อาวุโสรองหยูไป๋ของตระกูลหยู…”
หลายคนรู้จักตัวตนของชายชราในชุดคลุมสีขาว และชั่วขณะหนึ่งพวกเขาก็มองไปที่หลัวซิวที่นั่งอยู่ในงาน
เพราะทุกคนรู้ว่า ตระกูลหยูเดิมเข้าร่วมงานประมูลยาในครั้งนี้คือผู้อาวุโสหยูชุนชิว และเจ้าสำนักไท่เสวียนท่านนี้ ทำหยูชุนชิวบาดเจ็บ
และตอนนี้ผู้อาวุโสรองหยูไป๋มาด้วย เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ
หลังจากที่หยูไป๋เดินเข้าไปในห้องใต้หลังคา สายตาของเขาก็ตกลงไปที่หลัวซิวอย่างเย็นชา “ตระกูลหยูของข้าอยู่ในเทือกเขาเหิงหยุนมาหลายปีแล้วและเจ้าสำนักเล็ก ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในกระแส สำหรับตระกูลหยูของข้า ไม่คุ้มที่จะพูดขึ้น อ่อนแอเหมือนสุนัข!”
คำพูดของหยูไป๋ ค่อนข้างยั่วยุหลัวซิวและสำนักไท่เสวียน และค่อนข้างท้าทายมาก
“ข้าจะจำได้อย่างไรว่ามีชายชราคนหนึ่งชื่อหยูชุนชิวที่อ่อนแอมาก และเกือบตายหลังจากถูกข้าต่อย?” หลัวซิวเยาะเย้ยและโต้กลับ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ใบหน้าของหยูไป๋ก็มืดมนทันที “เป็นเพียงการใช้วิธีที่น่าอับอายเพื่อทำร้ายผู้อาวุโสใหญ่ของเรา หากเจ้ามีความสามารถ และออกมาต่อสู้กับข้าสักตั้ง”
“เจ้าสำนัก อย่าหลงกลเขา” เกาเหลียนหงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
หลัวซิวรู้ว่าเกาเหลียนหงหมายถึงอะไร ความแข็งแกร่งของหยูไป๋นี้ไม่เท่ากับหยูชุนชิว แม้แต่หยูชุนชิวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยตัวเอง หยูไป๋ยังกล้าที่จะยั่วยุให้เขาต่อสู้ มันต้องมีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
“เจ้าทั้งสองที่อยู่งานประมูลยา โปรดให้เกียรติสำนักไม้เสวียนของข้าหน่อย ถ้ามีเรื่องอะไร รอให้งานประมูลยาเสร็จสิ้น และหลังออกจากเขาไม้เสวียนค่อยจัดการกันเป็นไง?”
ในเวลานี้ผู้อาวุโสใหญ่สำนักไม้เสวียนซึ่งเป็นพิธีกรของงานประมูลยากล่าวแทรกออกมา
หยูไป๋กระแทกเสียง “เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นรอหลังงานประมูลยา ข้าผู้นี้ค่อยสะสางความแค้นนี้ หวังว่าเมื่อถึงเวลา เจ้าที่เป็นเจ้าสำนักไท่เสวียนเล็ก ๆอย่าหนีไปล่ะ!”
พูดเสร็จ หยูไป๋เดินไปห้องใต้หลังคา และนั่งลงในที่นั่งว่าง ยิ้มด้วยสายตาที่เยาะเย้ย และแสดงความอาฆาตอย่างไม่ปกปิด
ในพื้นที่ของเทือกเขาเหิงหยุนนี้ ผู้คนในตระกูลหยูชินกับความเย่อหยิ่งแล้ว ถ้าไม่กลัวอาจารย์ของสำนักไม้เสวียนที่ซ่อนตัวมาหลายปี หยูไป๋คงลงมือไปแล้ว
“คำพูดนี้ข้าเห็นด้วย ข้าก็หวังว่าคนบางคนจะไม่อ่อนแอและหนีไป” หลัวซิวประชดคนตรงหน้า
เขาเป็นเจ้าสำนักไท่เสวียน และเมื่อออกไปด้านนอก ก็เป็นภาพลักษณ์และความยิ่งใหญ่ของเจ้าสำนัก ในเวลาแบบนี้ เขาไม่สามารถพูดอะไรที่ทำให้เขาอ่อนแอลงได้
ผู้อาวุโสใหญ่สำนักไม้เสวียนยิ้มเล็กน้อย “อาจารย์หยูได้เสนอราคาไปแล้วสองแสนชั้นสูง ยังมีคนอื่นเสนอราคาอีกหรือไม่?”
“สองหมื่นหนึ่งหมื่น!” หลัวซิวยิ้มเบา ๆ และพูดราคาออกมา
ด้วยการกระทำของหลัวซิว ทุกคนที่อยู่ในนี้เข้าใจทันทีว่าบุคคลนี้กำลังจะต่อสู้กับตระกูลหยู
“สองแสนห้าหมื่น!” ยู่ไป๋ยิ้มเยาะเย้ย “สำนักเล็ก ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในกระแส ยังกล้ามาแข่งกับตระกูลหยูของข้า?”
เขาเพิ่มราคาขึ้นครั้งละหลายหมื่น ทำให้หลายคนหายใจเข้าลึก ๆ และถอนหายใจ ว่าตระกูลหยูกำลังเย่อหยิ่งในพื้นที่เทือกเขาเหิงหยุนนี้ ความเย่อยหยิ่งภายในไม่ธรรมดาเลย
“หลัวซิวเจ้าสำนักไท่เสวียนไม่รู้ออกมาจากไหน ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคนนี้ในเทือกเขาเหิงหยุนมาก่อน”
“แต่ผู้ชายคนนี้ก็ถือว่าแกร่งคนนึง ดูแล้วอายุเขาเพียงยี่สิบปี พวกเจ้าไม่เห็นว่าหยูชุนชิวได้รับบาดเจ็บและหมดสติจากการโจมตีของเขา หยูชุนชิวนั้นเป็นระดับที่แปดของการฝึกฝนจักพรรดิยุทธ์!”
“ไม่จะยังไง ถ้าผู้ชายคนนี้โด่งดังแล้วล่ะก็ พูดได้เลยว่าเป็นการเหยียบหน้าตระกูลหยู”
“หึ ๆสำนักไท่เสวียนพวกเจ้าไม่รู้สึกคุ้นบ้างหรือ? ในสมัยโบราณ มีแดนศักดิ์สิทธิ์ในอาณาจักรใต้ของเรา ซึ่งก็คือสำนักไท่เสวียน!”
“เป็นไปได้ไหมที่คนผู้นี้อ้างว่าเป็นเจ้าสำนักไท่เสวียน และได้รับมรดกของไท่เสวียนโบราณแล้ว?”