หลังจากสงครามเทียนเหอ เวลาผ่านไปหลายเดือน นับว่ายังมีความสงบอยู่
แต่หลัวซิวกลับรู้ดีว่า วันที่เงียบสงบเช่นนี้เกรงว่าจะห่างไกลกับหัวหน้าแก๊งนัก ความหายนะบางอย่าง ไม่ช้าก็เร็วก็จำเป็นต้องเผชิญหน้าและแก้ไขมัน
ข่างการรับตำแหน่งประธานแก๊งนักกลั่นยาของเขา ถูกกระจายไปทั่วประเทศเทียนหวูอย่างรวดเร็ว สำนักฉางเหอและสำนักไท่เสวียนนับเป็นพันธมิตรต่อกัน เป็นเรื่องปกติที่จะมีการส่งของขวัญมายินดี
ที่ตำหนักวัฏสงสาร หลัวซิวก็ได้พบอาจารย์สำนักฉางเหอ
“เจ้าสำนักหลัว ยินดีด้วย!” หลี่ฉางเหอพูดพร้อมรอยยิ้ม
หลัวซิวยิ้มอ่อน ๆ “ระหว่างท่านอาจารย์สำนักฉางเหอกับข้า เป็นครั้งแรกที่ได้พบปะกัน ข้าว่าอาจารย์สำนักฉางเหอตงจะไม่ได้มาเพื่อยินดีกับข้าเพียงอย่างเดียวใช่หรือไม่?”
ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎยุทธ์ แต่หลัวซิวในวันนี้ก็สามารถเผชิญหน้าได้อย่างใจเย็น
หลังจากได้คำแนะนำของเกาเหลียนหงเมื่อครั้งก่อน ความคิดของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ยิ่งนานวันไปก็ยิ่งเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าสำนักไท่เสวียน
“เหอ ๆ เจ้าสำนักหลัวช่วงเป็นคนตรงไปตรงมาเสียจริง” อาจารย์สำนักฉางเหอยิ้มบาง ๆ “ครั้งก่อนสงครามเทียนเหอ ต้องขอบใจเจ้าสำนักหลัวอย่างมากที่ช่วยออกแรง มิฉะนั้นด้วยความสามารถของชายชราอย่างข้า เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไว้ชีวิตอีกฝ่ายทั้งสองคน”
“ที่ข้ามาในวันนี้ หนึ่งคือมาแสดงความยินดี สองมาเพื่อขอบคุณ ส่วนสามนั้นก็คือต้องการปรึกษาท่านเจ้าสำนักหลัวว่าจะต่อกรอย่างไรกับสำนักเสวียนหยางดี”
พูดถึงตรงนี้ อาจารย์สำนักฉางเหอก็ฉีกยิ้ม “ในตอนแรก เจ้าสำนักหลัวได้รับการสืบทอดจากผู้แข็งแกร่งสมัยโบราณ หลี่เสวียนหยางกับตาเฒ่าประหลาดถาว ต้องการจับคนสนิทของเจ้าเป็นตัวประกันเพื่อขู่เจ้า มีเพียงข้าคนเดียวที่ต่อต้าน ผลสุดท้ายกลับถูกทั้งสองร่วมมือกันโจมตีเสียจนบาดเจ็บหนัก แต่วันนี้ตาเฒ่าประหลาดถาวได้ตายไปแล้ว ส่วนเจ้าหลี่เสวียนหยาง ข้าคิดว่าเจ้าสำนักหลัวคงจะไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน?”
“นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดในชีวิต คือมีคนคุกคามความปลอดภัยของคนที่ข้ารัก หลี่เสวียนหยางกล้าทำร้ายถึงคนสนิทของข้า นั่นเป็นการรนหาที่ตาย!” หลัวซิวพูดอย่างไม่ลังเล
“เจ้าสำนักหลัวพูดถูก ข้าสำนักฉางเหอและสำนักเสวียนหยางไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้าง ดังนั้นที่ข้ามาที่นี่ด้วยตนเอง นั่นเพราะต้องการร่วมมือกับเจ้าสำนักหลัวอย่างจริงจัง!” อาจารย์สำนักฉางเหอกล่าว
หลัวซิวได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “หรือว่าอาจารย์สำนักฉางเหอมีแผนอยู่แล้ว?”
อาจารย์สำนักฉางเหอมือลูบเคราสีขาว มองออกไปด้านนอกตำหนักวัฏสงสาร “ต่อกรกับสำนักเสวียนหยางเป็นเรื่องยากที่สุด ค่ายพิทักษ์เขา ราวกับว่าหลี่เสวียนหยางพยายามจะจัดการกับสำนักฉางเหออย่างจงใจ จึงได้เชิญปรมาจารย์ค่ายกลระดับเจ็ดมา”
“ข้าเห็นสำนักไท่เสวียนก็มีการสร้างค่ายพิทักษ์เขาระดับเจ็ด คิดไปคิดมาเจ้าสำนักหลัวน่าจะรู้จักยอดฝีมือผู้นี้ เพียงแค่สามารถทำลายค่ายพิทักษ์เขาของสำนักเสวียนหยางได้ นั่นก็ถือว่าได้ชัยชนะมาครึ่งหนึ่งแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น หลัวซิวกลับส่ายศีรษะไปมา “อาจารย์สำนักฉางเหอคิดเช่นนั้นก็ง่ายเกินไป ต่อให้ข้ามีวิธีทำลายค่ายพิทักษ์เขา แต่หลี่เสวียนหยางยังมีผลการฝึกตนถึงมกุฎยุทธ์ขั้นสี่ อาจารย์สำนักฉางเหอแน่ใจหรือว่าจะสามารถเอาชนะได้?”
อาจารย์สำนักฉางเหอหัวเราะเบา ๆ “เจ้าสำนักหลัวไม่ใช่ว่าเคยเชิญมกุฎยุทธ์สองท่านร่วมต่อสู้หรอกหรือ? ประกาศภารกิจรางวัลนำจับที่องค์กรนักล่ายุทธ์จากนั้นค่อยเชิญมาก็ได้แล้ว ค่าตอบแทนทั้งหมดนั้น ข้าสำนักฉางเหอสามารถช่วยจ่ายร่วมกับเจ้าสำนักหลัวได้”
หลัวซิวรู้อยู่แล้วว่า อาจารย์สำนักฉางเหอต้องมีแผนการเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบรับในทันที แต่กล่าวออกไปว่า “มกุฎยุทธ์ผู้แข็งแกร่งแห่งองค์กรนักล่ายุทธ์ ไม่ได้เชิญกันง่าย ๆ เช่นนั้น คราก่อนที่ข้าเชิญทั้งสองมาได้ ก็ต้องใช้ยาระดับเจ็ดเป็นค่าตอบแทน เพราะอย่างไรมกุฎยุทธ์ผู้แข็งแกร่งแห่งองค์กรนักล่ายุทธ์ ต่างก็มีพลังที่แข็งแกร่งมากทีเดียว สมบัติทั่วไปไม่สามารถดึงดูดอะไรได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลัวซิวก็ชะงักไปเล็กน้อย “ที่สำนักไท่เสวียนของข้ามีปรมาจารย์กลั่นยาที่ปลีกวิเวกอยู่ ถึงจะสามารถลงมือกลั่นยาระดับเจ็ดให้ได้ แต่ถึงแม้ข้าจะเป็นถึงเจ้าสำนัก แต่หากไม่มีเงื่อนไขใดที่จะทำให้เขาประทับใจได้ เกรงว่าเขาจะไม่เคลื่อนไหว”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ อาจารย์สำนักฉางเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาก็เคยได้ยินมาว่าเบื้องหลังของหลัวซิวมีอาจารย์ลึกลับอยู่ท่านหนึ่ง และเป็นปรมาจารย์กลั่นยาเสียด้วย
ศิษย์ให้อาจารย์กลั่นยา แล้วยังจำเป็นต้องมีข้อเสนอด้วย?
อาจารย์สำนักฉางเหอใช้หัวแม่โป้งเท้าคิดก็ยังสามารถคาดเดาได้ว่า เจ้าหนูหลัวซิวคนนี้ต้องการให้ตนเสียสละอะไรบางอย่างถึงจะเต็มใจร่วมมือด้วย