มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 515
เทพจิตร่างเนื้อทั้งสองบรรลุถึงแดนมกุฎ ทำให้ศักยภาพของหลัวซิวแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ในเวลาเดียวกันความมั่นใจก็เพิ่มสูงตามไปด้วย ต้องการแดนมกุฎก่อนหน้า และก็เหมือนกับผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ที่ทำได้ถึงเนื้อผสมวิญญาณ กลั่นจนเป็นร่างทองฝ่าเซียง
เวลานี้มีผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์มากมายที่ฝึกฝนจนได้ร่างทองฝ่าเซียง ร่างเนื้อมีมากไปก็ไม่สามารถบรรลุถึงระดับร่างยุทธ์แดนมกุฎได้ เพราะในด้านการฝึกฝนร่างกายต้องบรรลุถึงแดนมกุฎ ยากมากกว่าพลังจิตแท้มากมายร้อยเท่าที่จะฝึกฝนจนถึงแดนมกุฎได้!
ยังมีเทพจิตอีกที่เหมือนกันร่างเนื้อ ถึงแม้ฝึกฝนจนได้แดนมกุฎยุทธ์ เทพจิตสำนึกตนของคนส่วนมากล้วนเป็นเทพจิตแดนมกุฎที่ดีแต่เปลือกนอกเท่านั้น ห่างไกลไม่เหมือนกับนักยุทธ์แดนกลั่นวิญญาณ ผนึกรวมเทพจิตจนตัวสำนึกพลุ่งพล่าน
อีกทั้งหลัวซิวนั้นมีกลั่นวิญญาณกับกลั่นร่างทั้งสองอย่าง หากว่าจะเป็นเทพจิตแดนมกุฎกับเนื้อผสมวิญญาณแดนมกุฎ ฝึกฝนจนได้ร่างทองฝ่าเซียง ก็จำเป็นต้องแข็งแกร่งมากกว่ามกุฎยุทธ์ทั่วไป
แน่นอนว่าเนื้อผสมวิญญาณฝึกฝนเป็นร่างทองฝ่าเซียง เป็นธรรมดาที่พูดแล้วไม่ง่ายขนาดนั้น ในจำนวนนั้นยังจำเป็นต้องมีเทพจิตที่พลุ่งพล่านมาประคับประคองการฝึกตน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเทพจิต ร่างเนื้อ ก็เป็นผลการฝึกตนพลังจิตแท้เช่นเดียวกัน หลัวซิวล้วนมีปัจจัยพร้อมครบครันในการผนึกรวมร่างทองฝ่าเซียง
“ไอ้เจ้าบ้านี่ เพิ่งจะทะลวงถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ ก็จะกลั่นเป็นร่างทองมกุฎยุทธ์อีก?” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำรับรู้ถึงความคิดนี้ของหลัวซิว ก็ตกใจเป็นอย่างมาก
“กลั่นเป็นร่างทองมกุฎยุทธ์ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ อย่างแน่นอน ไม่ได้สะสมมานานนับสิบปี ไม่ระวังเล็กน้อยร่างเนื้อก็จะพังทลาย เทพจิตแยกสลาย หรือผลการฝึกตนอาจถูกทำลายลง ไม่ว่าอย่างไรจะปรากฏสถานการณ์แบบใดก็ล้วนอันตรายอย่างยิ่ง”
ถึงแม้ว่าเป็นคำเตือนของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ แต่หลัวซิวยังคงมีแววตาแน่วแน่แล้วพูด “เพียงแค่ข้าพอที่จะสามารถสำเร็จได้ สถานการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น”
หลัวซิวแต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนที่กล้าคิดกล้าทำ ถึงแม้ว่าการกระทำของเขามากมายที่จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำเห็นแล้วรู้สึกว่าเขาเหิมเกริมโดยไม่เกรงกลัวใครใด ๆ ทั้งสิ้น
“เนื้อผสมวิญญาณ!”
ถอนหายใจเบา ๆ หลัวซิวใช้พลังทั้งหมดหมุนวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ลงมือตรงใจกลางเงาลวงวัฏจักรที่เมื่อครู่เพิ่งผนึกรวมเทพจิตสำเร็จ และพริบตาเดียวก็กลายเป็นแสงสว่างวางทับซ้อนกันเป็นชั้น ๆ รวมกันกับร่างเนื้อ
เทพจิตกับร่างเนื้อหลอมรวมกัน ต้องการสอดคล้องกันทุกหยดเลือด ทุกหยาดเนื้อ ทุกกระดูกทุกส่วน
เมื่อเป็นเช่นนี้ หยดเลือดและเส้นผมของเขา จนกระทั่งเหงื่อที่ไหลออกมา ล้วนครอบคลุมไปด้วยตราสำนึกของเขา ขอเพียงร่างเนื้อไม่มอดไหม้ เทพจิตก็จะไม่มอดไหม้ เพียงแค่เทพจิตไม่มอดไหม้ ร่างเนื้อก็จะเป็นอมตะ!
ผ่านขั้นตอนการหลอมรวม จำเป็นที่พลังจิตแท้จะสิ้นเปลืองจำนวนมาก ในเวลาเดียวกันยังต้องนำพลังจิตแท้ทั้งหมดหลอมรวมไปกับเลือดเนื้อกระดูกทุกสิ่งอย่าง แบบนี้ถึงจะสามารถนำเทพจิต ร่างเนื้อ พลังจิตแท้ผสมเข้าด้วยกัน กลั่นออกเป็นร่างทองฝ่าเซียงที่แท้จริง
สองระดับความเป็นตายของศูนย์กลางตันเถียนชี่ไห่ยาเทพจิตค่อย ๆ สั่นเทิ้ม แตกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นพลังจิตแท้กลิ้งไล่หลังมา ทะลักออกมาจากเส้นเลือดของแขนขาทั้งสี่และจุดชีพจรทั้งแปด
เวลาต่อมา หลัวซิวกระตุ้นพละกำลังของลูกแก้วเสวียนดำ ทำให้พลังจิตแท้ภายในตั้งแต่เริ่มจนจบคงรักษาสภาพเต็มอิ่ม ไม่ว่าอย่างไรผ่านขั้นตอนการหลอมรวมแล้วสูญสลายไปเท่าไหร่ก็จะเพิ่มเติมไปเท่านั้น
ท่ามกลางหอฝึกฝนแดนปริศนา หินพลังจิตชั้นสูงกองสุมเป็นจำนวนมาก ภายใต้การผนึกรวมในค่ายผนึกปราณและแท่นบัวทิพย์ห้าสี กลายเป็นปราณทิพย์เส้นเล็กเล็ก ปราณทิพย์เหล่านี้เพิ่งจะก่อเกิดออกมา ก็ถูกร่างกายของหลัวซิวดูดซึมในพริบตา ราวกับสัตว์ร้ายหิวกระหาย
ผ่านไปไม่นาน หินพลังจิตชั้นสูงจำนวนมากก็แสงสว่างก็ยิ่งมืดมัวลง จนพลังจิตค่อย ๆ สูญสิ้นไปในที่สุด แตกสลายกลายเป็นผุยผง
หลังจากต่อเนื่องเช่นนี้ไปจนใกล้ถึงครึ่งเดือน หลัวซิวก็หลับตาทั้งสองข้าง แล้วค่อย ๆ ลืมตา
แต่ในสายตาของเขา กลับแสดงออกถึงความกลัดกลุ้มบางอย่าง
“ทำไมล่ะ?เจ้านี่ผนึกรวมร่างทองฝ่าเซียงมีปัญหารึ?” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำถามทันที ถึงแม้เขาจะอยู่ต่างถิ่นในขอบเขตด้านซ้ายของหลัวซิน แต่กลับไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติของร่างกายหลัวซิน มีเพียงสภาพที่หลัวซินอนุญาติถึงจะสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวภายนอกได้
“ข้าก็ไม่รู้ว่าแบบนี้นับว่าเป็นปัญหาหรือไม่” เสียงหลัวซิวหัวเราะอย่างขมขื่น
“นำร่างทองฝ่าเซียงของเจ้าออกมาดูหน่อย” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูดทันที
หลัวซิวพยักหน้า ไม่นานพลังจิตแท้สองระดับความเป็นตายรอบตัวก็เปิดเผยออกมา ก็มีเงาลวงวัฏจักรปรากฏอยู่ที่ท้ายทอย