Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1026 แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี

ตอนที่ 1026 แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี

ตอนที่ 1026 แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี
สีหน้าของเซียวชิงเหอจริงจังขึ้นมาทันที

แม้ข่งหลิงจะเป็นผู้หญิง แต่กลับน่ากลัวเสียยิ่งกว่าผู้สืบทอดแกนหลักคนอื่นๆ ของสำนักกระบี่เทียมฟ้า

ผู้หญิงคนนี้เย่อหยิ่งและสูงส่ง พรสวรรค์โดดเด่นไร้เทียมทาน เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎเพียงคนเดียวที่เคยถูกอวิ๋นชิ่งไป๋ชี้แนะ ได้รับความชื่นชมจากอวิ๋นชิ่งไป๋อย่างลึกล้ำ

เหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญคืออุปนิสัยของนางเข้ากับวิถีกระบี่ เข่นฆ่าได้อย่างเด็ดเดี่ยว!

ไม่เช่นนั้นนางคงไม่มีทางเป็นบุคคลร้ายกาจอันดับที่สามของสิบสามกระบี่ได้

“เจ้าเองหรือที่ทะลวงด่านในสิบสองหอวันนี้”

ข่งหลิงมาถึงก็มองข้ามเซียวชิงเหอ ดวงตาคู่ใสนิ่งเรียบและเย็นชาจับจ้องที่หลินสวิน

เงาร่างของนางสง่างาม ผิวพรรณงามดังหยก มีความโดดเด่นราวกับเซียน แต่กลิ่นอายกลับดุร้ายจนพาให้รู้สึกหวาดเกรง

กลิ่นอายเย็นเยียบที่ยากจะอธิบายก็แผ่กระจายท่ามกลางฟ้าดินผืนนี้ตามไปด้วย

หลินสวินกลับเหมือนไม่รู้ตัว พูดแก้ไขอย่างสบายๆ “พูดอย่างเคร่งครัด ทะลวงเพียงห้าหอเท่านั้น เพราะกลัวเดือดร้อนจึงทำได้เพียงหยุดมือ”

“ขอแค่ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องกลัวเดือดร้อน”

ข่งหลิงมัดผมไว้กลางศีรษะ หน้าผากขาวผ่องสะอาดหมดจด ใบหน้าอันงดงามราวกับหยกเย็นชา มีกลิ่นอายเฉียบคมที่ชวนกดดัน

“ไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ได้ ข้าเพิ่งเดินออกจากหอสำแดงมรรคก็เกือบถูกคนขวางเอาไว้ ตอนนี้เพียงต้องการจากไป เจ้ายังตามมาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เจ้ารู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความเดือดร้อนหรือ”

หลินสวินย้อนถาม

ข่งหลิงขมวดคิ้ว

ไม่รอนางเปิดปาก หลินสวินก็เอ่ยว่า “หยุดพูดไร้สาระ บอกจุดประสงค์ของเจ้ามา หากจะสู้ก็ลงมือเสียตอนนี้ หากจะพูดพร่ำทำเพลง ข้าไม่มีเวลาเล่นเป็นเพื่อนเจ้า”

คำพูดนี้ไม่เกรงใจเลยสักนิด

หากถูกผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ในนครหยกขาวเห็นว่าเทพธิดาข่งหลิงที่พวกเขานับถือที่สุดกลับถูกปฏิบัติด้วยอย่างไม่มีมารยาทเช่นนี้ กลัวว่าคงทำให้ทุกคนโกรธอย่างแน่นอน

แม้แต่เซียวชิงเหอเองก็อดนับถือไม่ได้ ในสายตาของเจ้าวิปริตนี่ เกรงว่าคงไม่มีความรู้สึกรักหยกถนอมบุปผาอะไร ดุร้ายเสียไม่มี

เห็นได้ชัดว่าข่งหลิงเองก็รับมือไม่ทันอยู่บ้าง เอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “เจ้าคนอวดดี เช่นนั้นข้าจะสั่งสอนเจ้าก่อนแล้วค่อยคุย!”

ชิ้ง!

กระบี่วิญญาณที่ขาวดั่งหิมะ กว้างสามนิ้วสองชุ่น ยาวสองฉื่อถูกชักออกจากฝัก ชั่วพริบตาเท่านั้นราวกับสุริยันสะท้อนฟ้า แสงศักดิ์สิทธิ์ที่สว่างไสวเป็นประกายแผ่กระจาย

กระบี่นงคราญ!

ยอดศาสตรามรรคราชันเล่มหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้าที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

กระบี่นี้ราวกับสุริยัน สะท้อนแสงทั่วฟ้า กลิ่นอายขุ่นใสชัดแจ้ง มหัศจรรย์อย่างที่สุด

เหนือกว่ากระบี่เฉือนวิญญาณของฮว่าอวิ๋นเจินไปหนึ่งระดับ

“หลอมยอดสุริยัน!”

ข่งหลิงลงมือ กระบี่นงคราญระเบิดแสงทั่วฟ้า เจิดจรัสราวกับอาทิตย์ดวงใหญ่ ราวกับสามารถหลอมละลายท้องฟ้าได้

การเคลื่อนไหวของนางกระฉับกระเฉง เข่นฆ่าอย่างเด็ดเดี่ยว คิดจะลงมือก็ลงมือทันที เผยท่วงทำนองดุดันของผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งออกมาอย่างหมดจด

‘แย่แล้ว! ป้านี่เพิ่งเริ่มลงมือก็ใช้นัยเร้นลับของ ‘วิชากระบี่มหาหยินหยาง’ เลย เห็นได้ชัดว่าคิดจะฆ่ากันแล้วจริงๆ!’

เซียวชิงเหอหน้าเปลี่ยนสี สื่อจิตถึงหลินสวิน

วิชากระบี่มหาหยินหยางเป็นวิชากระบี่ชั้นยอดวิชาที่สองที่บรรพจารย์กระบี่เทียมฟ้าสร้างขึ้น และเป็นหนึ่งในมรดกสืบทอดพิทักษ์สำนักของสำนักกระบี่เทียมฟ้าร่วมกับคัมภีร์กระบี่มหาพิบัติ

วิชานี้แบ่งออกเป็นหยินและหยางสองม้วน มีความมหัศจรรย์ผันแปรในจักรวาลและวัฏจักรสองลักษณ์

หยินไม่อาจกำเนิดโดยไม่มีหยาง หยางไม่อาจดำรงอยู่โดยไม่มีหยิน หยินหยางเกื้อหนุนกัน สองลักษณ์โคจรซึ่งกันและกัน ผสานมังกรเสือ สามารถสำแดงอานุภาพที่เหลือเชื่อ

ก็เหมือนตอนนี้ พอข่งหลิงฟันกระบี่ออกมาก็ราวกับสุริยันดวงโตสะท้อนฟากฟ้า น่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขต

อีกทั้งกระบี่นงคราญในมือนางก็เป็นยอดศาสตรามรรคราชันที่ได้จากการหลอมรวมยอดหยางชิ้นหนึ่ง อย่างน้อยๆ ก็ทำให้พลังกระบี่นี้ของนางเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า!

เซียวชิงเหอถามใจตัวเอง เมื่อเผชิญหน้าการโจมตีนี้ เขาต้องต่อสู้อย่างเต็มกำลังจึงจะสามารถต้านทานได้

ฉัวะ!

แทบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินกวาดนิ้ว เผยนัยเร้นลับของกระบวนเฉือนคว้าดาราออกมา

เป็นการโจมตีอย่างง่ายๆ เท่านั้น แต่ราวกับเจตกระบี่ถูกบดจนแหลกละเอียดท่ามกลางเสียงอึงอล

‘แม่งเอ๊ย ข้าลืมไปว่าเจ้าวิปริตนี่ไม่สามารถตัดสินด้วยหลักการธรรมดาได้…’

ในใจเซียวชิงเหออึดอัดเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ตอนที่สู้กับฮว่าอวิ๋นเจิน หลินสวินยังเคยเตือนว่าให้เขารักษาอาการ

แต่ตอนนี้ ตน ‘ตื่นตระหนก’ อีกครั้งแล้ว!

“หลอมยอดผลาญ!”

ข่งหลิงโจมตีพลาดไปครั้งหนึ่ง อานุภาพยิ่งดุร้าย แผ่แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีทั่วตัว งดงามและสว่างไสว ฟันกระบี่หนึ่งออกไปอีกครั้งจนฟ้าสะท้านดินสะเทือน

หลินสวินสู้กับนาง ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดกลางอากาศ สังหารจนจักรวาลพลิกคว่ำ สุริยันจันทราอับแสง ทะเลเมฆในรัศมีหมื่นลี้ล้วนถูกปั่นป่วนแหลกละเอียด

เมื่อมองดูอย่างละเอียดก็พบว่าปราณกระบี่ของข่งหลิงราวกับสายรุ้ง กวาดล้างทั่วทุกสารทิศ ทุกกระบี่ที่โจมตีออกไปล้วนทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดอันน่ากลัว อานุภาพน่าตกใจ

นี่คือความเร้นลับของวิชากระบี่มหาหยินหยาง เป็นวิชากระบี่ชั้นยอดที่แม้ราชันกึ่งระดับยืนอยู่ตรงนี้ก็ต้องถูกสังหาร!

เมื่อเทียบกันแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินนิ่งมาก ใช้นิ้วเป็นคมดาบต่อสู้กับนาง เงาร่างว่างเปล่าเหนือโลกีย์ ราวกับหลักศิลาใต้กระแสน้ำ ที่ไม่ว่าคลื่นใต้น้ำจะซัดสาดอย่างไรก็ไม่สามารถสะเทือนได้

ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด สีหน้าของข่งหลิงค่อยๆ จริงจังและเคร่งขรึมขึ้นมา ไอเข่นฆ่าทั่วตัวค่อยๆ เพิ่มขึ้น ยิ่งดูดุร้ายและสะดุดตา

นางรู้ว่าเจอศัตรูที่ยากพบเจอแล้ว!

ชิ้ง!

ไม่นานนางยื่นมือออกไป เรียกกระบี่วิญญาณสีดำที่พบริสุทธิ์แวววาวราวกับรัตติกาลนิรันดร์เล่มหนึ่งออกมา แล้วโฉบพุ่งผ่านอากาศ

กระบี่แสงราตรี!

หากบอกว่ากระบี่นงคราญคือยอดหยางที่เผด็จการรุนแรง เช่นนั้นกระบี่แสงราตรีก็คือยอดหยินที่เย็นเยียบ

กระบี่นี้คือกระบี่คู่กายของอวิ๋นชิ่งไป๋เมื่อครั้งท่องทะยานทั่วหล้า ถูกเขาเคี่ยวกรำและหล่อเลี้ยงมาโดยตลอด สังหารมานับไม่ถ้วน!

เมื่อกระบี่นี้ปรากฏก็สะท้อนรับกับกระบี่นงคราญทันที ราวกับมังกรขาวดำสองตัวพันม้วนอยู่บนท้องฟ้า ปลดปล่อยไอสังหารออกมา

หืม?

แม้หลินสวินจะไม่รู้จักกระบี่แสงราตรี แต่กลับรับรู้ได้อย่างมีฉับไปว่าบนกระบี่นี้มีกลิ่นอายที่เขารู้สึกคุ้นเคย

และในเวลาเดียวกัน เสียงสื่อจิตที่แฝงความตะลึงของเซียวชิงเหอดังขึ้นในโสตประสาทเขา ‘ต้องระวังให้ดี นั่นเป็นกระบี่แสงราตรีของอวิ๋นชิ่งไป๋ เมื่อสิบปีก่อนเขาใช้กระบี่นี้สังหารราชันกึ่งระดับไปมากกว่าร้อยคน!’

เป็นกระบี่คู่กายเขาดังคาด!

หลินสวินนึกออกแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่ทะลวงด่านห้าหอ เคยสัมผัสกลิ่นอายที่อวิ๋นชิ่งไป๋หลงเหลือเอาไว้หลายครั้ง และเหมือนกลิ่นอายบนกระบี่แสงราตรีนั่นอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

โครม!

คิดถึงตรงนี้หลินสวินไม่ออมมืออีกต่อไป พลันก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ประทับปี้อั้นทะลวงฟ้าลงมา สลายการโจมตีของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

จากนั้นเขายื่นมือไปคว้า ใช้ผนึกป้าเซี่ยแผ่พลังช่วงชิงกลางอากาศ

วู้ม!

กระบี่แสงราตรีสั่นอย่างรุนแรงทีหนึ่ง แทบจะปลิวหลุดมือไป

ในที่สุดสีหน้าของข่งหลิงก็เปลี่ยนไป แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีรอบตัวกะพริบวาบ คลี่คลายพลังของผนึกป้าเซี่ยถึงได้รักษากระบี่แสงราตรีที่เกือบจะถูกชิงไปได้สำเร็จ

เพียงแต่สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างที่สุดแล้ว และแฝงความประหลาดใจเสี้ยวหนึ่ง ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่า ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่ออมมือไว้!

“หืม?”

หลินสวินเองก็ประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า ‘แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี’ รอบตัวข่งหลิงกลับสามารถทำลายการโจมตีที่หมายมั่นของตนได้อย่างง่ายดายเพียงนี้

ตูม!

เขาไม่ได้เสียเวลา พลันโจมตีอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาตัดสินใจจะเก็บอีกฝ่ายไว้ทั้งคนทั้งกระบี่!

เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นหลินสวินราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลิ่นอายรอบตัวปกคลุมฟ้าดิน มีอานุภาพกลืนกินใต้หล้า

แสงมรรคสีครามอร่ามอบอวลรอบตัวพร้อมกับการเดินหน้าของเขา คำรามราวกับฟ้าร้อง

เพียงแค่อานุภาพเช่นนั้นก็ทำให้ข่งหลิงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว จิตวิญญาณกดดันอย่างที่สุด ไม่สามารถสกัดกั้นความกลัวที่เกิดขึ้นในใจได้

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

นี่คือศักยภาพที่แท้จริงของเขางั้นหรือ

เป็นไปตามการคาดเดาของข่งหลิง การต่อสู้ก่อนหน้านี้หลินสวินเพียงแค่อยากรู้อยากเห็น หมายจะชื่นชมความเร้นลับและอานุภาพของวิชากระบี่มหาหยินหยาง จึงไม่เคยใช้พลังที่แท้จริง

แต่ตอนนี้พอรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของกระบี่แสงราตรี ในที่สุดหลินสวินก็เลิกชักช้า หมายจะช่วงชิงกระบี่เล่มนี้!

หาใช่ละโมบในสมบัติชิ้นนี้ แต่เพราะบนกระบี่นี้มีร่องรอยการต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้นเหลืออยู่

หากสามารถชิงกระบี่นี้ไปได้ ก็จะสามารถทำให้หลินสวินเข้าใจเบื้องลึกของอวิ๋นชิ่งไป๋ไปอีกขั้น!

เฮือก~

ในเวลาเดียวกันเซียวชิงเหอที่ดูการต่อสู้อยู่ก็สูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ แม้ดูจากระยะไกลก็ยังทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ จิตใจสะท้าน

ตั้งแต่ได้เห็นความไม่ธรรมดาของหลินสวิน เขาก็สงสัยมาโดยตลอดว่าแท้จริงแล้วพลังต่อสู้ของเจ้าคนที่ถูกเขามองว่าเป็นพวกวิปริตน่ากลัวเพียงใด

แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้เห็นเบาะแสเสี้ยวหนึ่งแล้ว!

หลินสวินพุ่งขึ้นหน้า มือข้างข้างหนึ่งควบรวมออกมา มีบรรยากาศที่แผ่คลุมจักรวาล กักกันแปดทิศ ปกคลุมข่งหลิงไว้เบื้องล่าง

ชิ้ง! ชิ้ง!

ข่งหลิงใช้กระบี่นงคราญและกระบี่แสงราตรีโจมตี ทว่าแม้เจตกระบี่ของนางจะเทียมฟ้า แต่กลับไม่สามารถสั่นคลอนฝ่ามือใหญ่ที่ปกคลุมลงมาได้เลยสักนิด

ฉัวะ!

อีกทั้งในระหว่างนี้พลังกลืนกินที่ไม่สามารถต้านทานได้ปรากฏขึ้น กระบี่แสงราตรีราวกับถูกพลังอันยิ่งใหญ่ชักนำ หลุดมือกะทันหัน ถูกหลินสวินช่วงชิงไป

แย่แล้ว!

ข่งหลิงตกใจจนหน้าเสีย อันตรายใกล้เข้ามาแล้ว ไม่อาจสนใจอย่างอื่นแล้ว

นางพลันกัดฟัน เผยวิชาลับพรสวรรค์ออกมา แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีรอบตัวพวยพุ่ง พลันแปลงร่างเป็นนกยูงงดงามตัวหนึ่ง กางปีกที่แหลมคมราวกับคมดาบ

เสียงปังดังลั่น มือใหญ่ที่ปกคลุมฟ้านั้นถูกกระแทกจนทะลุเป็นรู หลุดพ้นออกมา!

“อานุภาพของแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีน่ากลัวตามคาด!”

เซียวชิงเหอหวั่นไหวอย่างสิ้นเชิง แม้พลังต่อสู้ของข่งหลิงจะสู้หลินสวินไม่ได้ แต่ด้วยวิชาลับพรสวรรค์ระดับนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกสังหารได้ง่ายขนาดนั้น

ในเวลาเดียวกันนัยน์ตาหลินสวินหดรัดลงเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีจะสุดยอดเพียงนี้ มีอานุภาพน่ากลัวที่สามารถทำลายล้างหมื่นวิชา

“ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร ความแค้นวันนี้สักวันจะต้องเอาคืน!”

สายตาข่งหลิงเย็นชา เผยความชิงชังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อปีกงดงามกางออกก็ประหนึ่งเคลื่อนย้ายในพริบตา โฉบทะยานจากไปไกล

เห็นชัดว่านางรู้ว่าตนสู้หลินสวินไม่ได้ จึงถอยทัพอย่างเด็ดขาด

สุดท้ายหลินสวินก็อดทนไว้ ไม่ตามไปโจมตี

ถึงอย่างไรนครหยกขาวก็เป็นถิ่นของสำนักกระบี่เทียมฟ้า หากตามไปแล้วเจอกับสัตว์ประหลาดเฒ่าในสำนักของอีกฝ่าย จุดจบนั้นไม่อยากจะคิด

“ไป!” หลินสวินเก็บกระบี่แสงราตรีแล้วเคลื่อนไปในทิศตรงข้ามอย่างไม่ลังเล

“รอข้าด้วย”

เซียวชิงเหอเองก็รีบตามไป

เขาตระหนักได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์เช่นกัน ข่งหลิงแพ้แล้วหนีอาจเป็นเพียงเรื่องเล็ก แต่เรื่องที่กระบี่แสงราตรีของอวิ๋นชิ่งไป๋ถูกช่วงชิง เป็นเรื่องใหญ่ร้ายแรงที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างแน่นอน!

หนึ่งถ้วยชาหลังจากนั้น

ทั้งสองก็ปรากฏตัวใน ‘เมืองไม้เงิน’

หลังจ่ายแกนวิญญาณขั้นสูงจำนวนหนึ่ง ทั้งสองก็เข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองได้อย่างราบรื่น

วู้ม

ตอนที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเปิดออก ชั่วพริบตาก่อนที่เงาร่างของทั้งสองจะหายไป ในระยะไกลมีแสงกระบี่หลายสายวาดทะลวงอากาศพุ่งเข้าภายในเมืองไม้เงิน

คนที่เป็นผู้นำแสงกระบี่ราวกับมหาสมุทร สว่างไสวดุจสุริยัน เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันผู้หนึ่ง!

ภาพนี้ถูกหลินสวินและเซียวชิงเหอที่กำลังจะจากไปเห็นเข้าพอดี

หลินสวินไม่ได้รู้สึกอะไร ในขณะที่เซียวชิงเหอนั้นตกใจจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว เมื่อครู่นี้หากช้าไปเพียงก้าวเดียว จุดจบนั้น…

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท