มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 513
เจียงตงหลิวร้องเสียงดัง ด้านจิตใจไม่สมดุล ร่างทองฝ่าเซียงแสงสว่างโชติช่วงวาววับกระจาย ในไม่นานก็ถูกภูตอัคคีกลืนกินแผดเผาจนว่างเปล่า ภูตอัคคีซัดสาดโจมตีไปกำลังแผ่คลุมร่างทองฝ่าเซียงของเขา จนเกิดเสียงซือซือซือดังออกมา
เจียงตงหลิวร้องเสียงแหลมน่าเวทนา การโคจรของวรยุทธพลังจิตแท้เสียการควบคุมไปในพริบตา ตราฝ่ามืออัสนีค่อย ๆ หายไป เขาห้าสีหล่นลงมาดังสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงดังปัง กำลังจะบดศีรษะของเขาละเอียดเป็นผุยผง เสียงอันน่าเวทนาจู่ ๆ ก็เงียบตามไปด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน ตราขลังมังกรเขียวโจมตีออกไป ศพไร้ศีรษะในพริบตาถูกโจมตีจนแหลกละเอียดเป็นละอองเลือด เลือดเนื้อกระเด็น
ผู้แข็งแกร่งแห่งแดนมกุฎยุทธ์ขั้นสี่ท่าหนึ่ง ซากกระดูกไม่เหลือ!
ในขณะเดียวกัน ร่างทองฝ่าเซียงของเขาก็ถูกภูตอัคคีกลืนกินแผดเผาแทบไม่เหลือ ภูตอัคคีกลืนกินพลังของร่างทองฝ่าเซียง พลาภาพเพิ่มขึ้นไม่น้อย
หลัวซิวรวบรวมสมาธิ กลับพบเพียงแค่แหวนเก็บของของเจียงตงหลิว หาแก่นร่างทองไม่พบ
แสดงว่าไม่ใช่มกุฎยุทธ์ทุกคนเมื่อตกจากที่สูงจะสามารถจะแข็งตัวจนเป็นสมบัติแก่นร่างทองนี้ได้
หลี่เสวียนหยางเห็นหลัวซิวใช้ค่ายกำบังแล้วความรู้สึกของตนเองก็กระวนกระวายใจทันทีทันใด
หลังจากรอไปชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดเขาก็รอไม่ไหว พุ่งขึ้นไปทันที หนึ่งดาบกำลังทะลายค่ายกำบังของหลัวซิวที่วางไว้
แต่ทว่าค่ายกลนั้นกลับมีเพียงหลัวซิว เจียงตงหลิวที่มีศักยภาพแข็งแกร่งกว่าตนเองมากผู้นั้น แต่ทว่าไม่เห็นร่องรอยแล้ว
มองเห็นฉากนี้ หลี่เสวียนหยางไหนเลยจะไม่เข้าใจ เจียงตงหลิวไม่อาจหลีกเลี่ยงมืออำมหิตอย่างหลัวซิวได้ ช่างเคราะห์ร้ายแล้ว!
หลี่เสวียนหยางไม่รู้ว่าหลัวซิวสังหารผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ได้อย่างไร อีกทั้งยังไม่ใช่มกุฎยุทธ์ธรรมดาทั่วไป เป็นถึงมกุฎยุทธ์ขั้นกลาง แต่เขากลับชัดแจ้งมาก การวางค่ายกำบังก่อนหน้าของหลัวซิว แน่นอนว่าเพื่ออำพรางขั้นตอนที่เขาสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งแห่งมกุฎยุทธ์ได้
ในขณะเดียวกัน หลี่เสวียนหยางสนใจว่าลมปราณของหลัวซิวอ่อนแอสุดขีด ผ่านการเข่นฆ่ากับเจียงตงหลิวมาชัดเจนว่าความสูญเสียของเขาก็หนักมาก
“นี่คือโอกาสทองแล้ว!” สายตาของหลี่เสวียนหยางเปิดเผยแววตาสังหารทันที ถือกระบี่พุ่งโจมตีสังหารไปทางหลัวซิว พลังกระบี่ผ่าออก 20 ฟุต
หลัวซิวในเวลานั้นก็สูญเสียไปอย่างหนัก อย่างไรเสียพลังของลูกแก้วเสวียนดำและกฎเบญจธาตุ ตอนที่เขาใช้ร่างกายก็ต้องแบกรับน้ำหนักถึงขีดจำกัด
เห็นหลี่เสวียนหยางที่มุ่งสังหารมา เขายกมือลงมือจับวิกลทันที ค่ายพิทักษ์เขาด้านหลังลอยออกมาแสงค่ายด้วยกัน ทุกๆ แสงค่ายเหมือนกับปราณกระบี่มหึมาที่มีขนาดยาว 10 ฟุต
“แท้จริงเจ้ายังสามารถระดมพลังของค่ายพิทักษ์เขาได้?”
หลี่เสวียนหยางตกใจจนหน้าถอดสี เขายังไม่ได้แบกรับได้ถึงขนาดสามารถต่อต้านกับค่ายพิทักษ์เขาระดับ7 ได้
พูดตามหลัก นอกจากเป็นค่ายกลที่วางด้วยมือตนเอง ไม่เช่นนั้นนอกจากลงมือบัญชาการด้วยตนเองอยู่ใจกลางของสนามรบ ควบคุมค่ายกล ถึงจะสามารถระดมพละกำลังของค่ายกลทั้งหมดตามอำเภอใจเพื่อต่อสู้กับศัตรูได้
หรือว่าค่ายกลคุ้มเขาลูกนี้ของเจ้าสำนักไท่เสวียน เป็นหลัวซิวลงมือวางเองเลยไม่สำเร็จ?
หลี่เสวียนหยางไม่ทันได้คิดมากความ เงาร่างกลายเป็นแสงล่องหนสีทอง บินลอยถอยกลับอย่างรวดเร็ว
“หลัวซิว เจ้าสังหารศิษย์พี่ทั้งสองป๋ายหลี่หยวนหลงและซุนเชียนซาง อีกทั้งสังหารศิษย์พี่เจียง เจ้ารอถูกฆ่าทั้งตระกูลได้เลย!”
แสงล่องหนของหลี่เสวียนหยางไปอย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยเสียงอาฆาตแค้นดังก้องไปทั่วขอบฟ้า
สีหน้าของหลัวซิวหนักแน่น ทางลับของหลี่เสวียนหยางผู้นี้แท้จริงแล้วกลับหน้าไม่อายถึงที่สุด เจียงตงหลิวเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของป๋ายหลี่หยวนหลง งั้นซุนเชียนซางแน่นอนว่าก็คงมีเพื่อนอยู่บ้าง ไม่ก็สำนักตระกูลอยู่เบื้องหลัง
ถึงเวลานั้นหลี่เสวียนหยางเพียงแค่ต้องการปล่อยข่าวออกไป เขาอย่าหวังจะได้มีวันสงบสุข
“ผลการฝึกตนของข้ากำลังจะทะลวงสู่แดนจักรพรรดิยุทธ์ ร่างยุทธ์ร่างเนื้อก็กำลังเข้าสู่แดนมกุฎ ถึงเวลานั้นก็สามารถเพิ่มพลานุภาพค่ายขึ้นได้ ถึงแม้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ช่วงปลายเข้ามา ข้าเองก็ไม่กลัว”
กลับมาถึงสำนักเขา สีหน้าของหลัวซิวนิ่งขรึม เพราะถ้าหากว่าบุกเข้ามาโจมตีเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์แล้วละก็ เขาไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะต้านทานได้ไหว
“สำนักไท่เสวียนของข้าโดยพื้นฐานยังอ่อนแอมาก ใคร ๆ ก็ล้วนกล้าที่จะมารังแกศีรษะของข้า”
เวียนกลับมาที่สำนัก สีหน้าหลัวซิวนิ่งขรึม เขาเข้าใจชัดแจ้งว่าหลี่เสวียนหยางไอ้แก่ผู้นั้นหลังจากหนีกลับไป ใช้เวลาไม่นานก็จะมีความยุ่งยากใหม่มาถึงสำนัก
เจียงตงหลิวแห่งแดนมกุฎยุทธ์ขั้นสี่ถูกเขาฆ่าตาย มกุฎยุทธ์ธรรมดาแน่นอนว่าไม้กล้ามาสำนักโดยง่าย กล้าที่จะมาถึงสำนัก มีเพียงยอดฝีมือที่เก่งกาจและแข็งแกร่งมากๆ
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นประธานแก๊งนักกลั่นยาในเขตพื้นที่ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ไม่มีที่ให้พึ่งพิง ในวันนี้สี่แก๊งใหญ่ก็เป็นที่พึ่งของข้า!”
เมื่อก่อนหลัวซิวอยู่ในสี่แก๊งใหญ่มีขอบเขตอำนาจ แต่กลับไม่มีตำแหน่ง พูดเปรียบเทียบก็ไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบอะไร และเช่นเดียวกันก็ไม่ได้รับการคุ้มครองของแก๊ง
แต่ในตอนนี้เขาเป็นประธานแก๊งของแก๊งนักกลั่นยาประเทศเทียนหวู ถ้าหากว่าถูกใครฆ่าตายตามใจ อย่างนั้นหน้าของสี่แก๊งใหญ่จะเก็บรักษาไว้ได้อย่างไร