มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 528
หลี่เสวียนหยางที่พยายามต้านทานทิวเขาสีดำในช่วงเวลาสั้นๆ สุดท้ายก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ร่างของเขาค่อยๆ ลดระดับลง ทุกครั้งที่เขาย่อตัวลงทิวเขาสีดำก็จะยิ่งกดทับต่ำลงเรื่อยๆ
บรรยากาศรอบๆ ถูกล็อกเอาไว้นิ่ง หลี่เสวียนหยางอยากที่จะถอนตัวแล้วถอยหนีไป แต่กลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้สักครึ่งก้าว
หลังจากนั้นไม่นาน ทิวเขาสีดำก็ลดระดับต่ำลงอยู่เหนือศีรษะของเขา เขาจนปัญญา แผดเสียงร้องลั่น มือทั้งสองข้างของเขาดันทิวเขาสีดำนั่นเอาไว้
ในตอนนั้น อาจารย์มกุฎยุทธ์อย่างหลี่เสวียนหยางถูกกดทับจากด้านบนจนร่วงลงมาสู่พื้นดินด้านล่าง เท้าทั้งสองของเขาจมอยู่ในโคลนตม และยังคงจมลงด้านล่างต่อไปเรื่อยๆ
วิชาสังหารไท่เสวียนได้พัฒนากลายเป็นทิวเขาที่หนักไร้ใดเปรียบ ถึงแม้ว่าหลี่เสวียนหยางจะฝึกตนอยู่ในแดนมกุฎยุทธ์ขั้น 4 แล้ว แต่ก็ยังรับมือกับทิวเขานี้ได้อย่างยากลำบาก
และสิ่งที่ทำให้คนในที่นั้นยิ่งรู้สึกช็อกยิ่งไปกว่านั้นคือ คนที่ต้อนจนหลี่เสวียนหยางตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้คือหลัวซิว
“เป็นไปได้ยังไง เขาอายุไม่เท่าไหร่เองนะ” จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง เฆ่าประหลาดฉิวและคนอื่นๆ ต่างสบตากันไปมา
เมื่อไม่ถึงหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ตอนที่หลัวซิวกลับมาเขามีพลังในสังหารจักรพรรดิยุทธ์ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์มกุฎยุทธ์ เขาทำได้แค่ถอยหนีไม่สามารถรับมือได้
ในตอนนั้นที่เขาสามารถกำจัดตำหนักจื่อได้ และไปสร้างความวุ่นวายให้กับสำนักเสวียนหยาง นั่นเป็นเพราะว่าเขาไปยืมมือมกุฎยุทธ์สองคน ไม่ได้ทำได้ด้วยความสามารถของเขา
แต่ในวันนี้เขากลับใช้ความสามารถของตัวเองไล่ต้อนอาจารย์เสวียนหยางจนจนมุมกับที่ พลังของเขายกระดับขึ้นมารวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
ไหนจะยังมีทักษะยุทธ์ที่เขาใช้ในวันนี้อีก เป็นกระบวนท่าอะไรถึงได้มีพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้
“ฮ่าๆ การฝึกตนของหัวหน้าแก๊งหลัวพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจริงๆ”
ในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะดังสนั่นดังลอยลงมาจากด้านบน ร่างของผู้ลาดตระเวนอาณาจักรใต้ของฉีฝ่าเทียนค่อยๆ ปรากฏกายขึ้นมา
หลัวซิวอมยิ้มพร้อมประสานมือคารวะ “ผู้ลาดตระเวนฉีชมเกินไปแล้ว เชิญนั่งก่อน”
พิธีเปิดสำนักเขามีการตกแต่งอย่างสวยสง่า แน่นอนว่าตำแหน่งที่นั่งของแขกเหรื่อภายในงานย่อมต้องมีลำดับสูงต่ำ
ฉีฝ่าเทียนเองก็ไม่ได้มีท่าทีเกรงใจอะไร จึงเดินเข้าไปนั่งลงที่ตำแหน่งด้านหน้า
จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง หงหมิงและคนอื่นๆ ต่างพากันลุกขึ้นแล้วทำความเคารพฉีฝ่าเทียน
“ผู้น้อยหลัว ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ”
หลังจากนั้นสักพัก ผู้ลาดตระเวนมู่จื่อซิวจากอาณาจักรเหนือ รวมทั้งหนิงเหอโจวที่อยู่ไม่ไกลจากมากนักก็เดินทางมาถึงที่ประเทศเทียนหวูที่อาณาจักรใต้
พิธีเปิดสำนักเขายังไม่ทันจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ก็มีผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ถึงสามคนมาร่วมแสดงความยินดี นี่เองทำให้คนที่อยู่ในที่นั้นต่างพากันประหลาดใจ
หากเป็นเมื่อก่อน ฐานะของสามสำนักใหญ่ยิ่งใหญ่ได้เป็นเพราะมีมกุฎยุทธ์นั่งบัลลังก์ แต่ในตอนนี้ตำหนักจื่อกับสำนักฉางเหอไม่มีอยู่อีกแล้ว อาจารย์เสวียนหยางก็ตกต่ำ สำนักเสวียนหยางก็คงเหลือแต่ชื่อเท่านั้น
ในวันข้างหน้าแผ่นดินอันยิ่งใหญ่อย่างประเทศเทียนหวูแห่งนี้ จะยังมีกองกำลังไหนอีกที่จะมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเอง พลังงานอันน่าหวาดกลัวได้กินบริเวณปกคลุมเป็นวงกว้างอยู่บริเวณขอบฟ้า กลางท้องฟ้าสูงลิบปรากฏรอยแตกระแหงรอยหนึ่ง ชายวัยกลางคนสวมชุดสีแดงเลือดเดินออกมาจากตรงนั้น
เมื่อชายชุดสีแดงเลือดปรากฏตัวออกมา เขาก็มองลงมาด้านล่าง แล้วมองมาที่สำนักเสวียนหยางอย่างดูแคลน
“ข้าคือผู้อาวุโสจูชิงจากเขาหวูโจวในอาณาจักรใต้ เจียงตงหลิวคือศิษย์น้องของข้า เจ้าสำนักไท่เสวียนออกมารับโทษจากข้าเดี๋ยวนี้!”
ชายชุดแดงที่อยู่กลางฟ้าโกรธจัด ฉีฝ่าเทียนยิ้มพลางมองไปที่หลัวซิว “ดูท่าหัวหน้าแก๊งหลัวจะสร้างเรื่องใหญ่เอาไว้เสียแล้ว”
หลัวซิวยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ความผูกพันไม่อาจตัดขาดได้ สังหารเด็กก็จะมีผู้ใหญ่ตามมา ฆ่าผู้ใหญ่ก็จะมีผู้ใหญ่กว่าตามมาอีก เป็นแบบนี้ไม่รู้จบ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของหลัวซิวก็เริ่มแข็งกระด้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มาหนึ่งก็กำจัดหนึ่ง มาสองก็กำจัดสอง จัดการอย่างถอนรากถอนโคน นั่นต่างหากถึงจะเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุด”
หลัวซิวกล่าวคำพูดนี้ออกมาด้วยความอาฆาตแค้นจริงจัง คนรอบด้านที่ได้ยินเช่นนี้ต่างพากันขนหัวลุก
ในตอนนั้นเอง สายตาของชายชุดแดงอย่างจูชิงจึงล็อกไปที่หลัวซิวที่อยู่ในตำหนักวัฏสงสาร “คนบ้าระห่ำอย่างแกต้องให้ข้าสั่งสอนสักหน่อยว่าใครกันแน่ที่แน่กว่ากัน”
ระหว่างที่กล่าว จูชิงก็ยื่นนิ้วมือออกมาหนึ่งนิ้ว นิ้วของเขาค่อยๆ ขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วชี้ตรงลงมาที่หลัวซิวราวกับกำลังจะมอบงานสำคัญ
นิ้วที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความอาฆาตแค้น นักยุทธ์แห่งอาณาจักรตะวันตกส่วนมากแล้วจะเป็นผู้ที่อยู่ในเส้นทางปีศาจที่ฝึกฝนธรรมพิฆาต
ขณะที่หลัวซิวกำลังจะลงมือ ฉีฝ่าเทียนก็รีบลุกขึ้นยืนทันที “งานนี้ยกให้ผู้ลาดตะเวนอย่างข้าเป็นคนจัดการแทนหลัวซิวก็แล้วกัน”
สิ้นเสียงฉีฝ่าเทียนก็ชี้นิ้วออกไปเช่นเดียวกัน ทว่านิ้วของเขาได้เปลี่ยนเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง ลำแสงกระบี่ดูดกลืนพุ่งทะยานแหวกอากาศออกไป