มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 526
ในฐานะที่เขาเป็นประธานแก๊งนักค่ายกล เขาจึงสามารถรวบรวมทรัพยากรต่างๆ ที่สำคัญของแก๊งเอาไว้ได้จำนวนมาก และยิ่งช่วงนี้ได้มาอยู่ที่หอค่ายกลของสำนักไท่เสวียน วิชาหุ่นเชิดของเขาก็ยิ่งแตกฉาน หุ่นเชิดตนนี้ เขาได้ยกระดับมันจนเทียบเท่ากับจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 แล้ว
ผู้คุมกฎของสำนักอัสนีวายุคิดไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะนำหุ่นเชิดที่บ้าระห่ำเช่นนี้ออกมาใช้ ในช่วงที่ยังไม่ทันตั้งตัวนั้น หุ่นเชิดสงครามก็ได้เหวี่ยงหมัดเข้าใส่
“หุ่นเชิดสงครามจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลาย?” สีหน้าของผู้อาวุโสสำนักอัสนีวายุทั้งสามแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากสีหน้าดูถูกดูแคลนสำนักไท่เสวียน ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป
การที่ฝึกฝนจนได้หุ่นเชิดสงครามจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายออกมาได้นั้น แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 6 ถึงได้มีวิชาหุ่นเชิดที่ไม่ธรรมดา
หากเหว้ยห้าวหรานไม่ลงมือก็แล้วไป แต่เมื่อเขาลงมือขึ้นมาแล้ว เขาจะลงมืออย่างไม่ออมแรง หุ่นเชิดสีดำทะมึนเหวี่ยงหมัดออกไปภายใต้การควบคุมของเขา บรรยากาศทั่วบริเวณแตกกระจายด้วยพลังอันน่าพรั่นพรึง
หากโดนพลังของหมัดนี้เข้า ผู้คุมกฎของสำนักอัสนีวายุไม่ตายก็ต้องเจ็บหนัก
“เฮอะ อยู่ต่อหน้าข้ายังกล้าทำร้ายผู้คุมกฎของสำนักอัสนีวายุเชียวหรือ” ซือทงจวินตวาดเสียงกร้าว ภายในชั่วพริบตา ปรากฏพลังกระบี่สีเขียวส่งเสียงกระทบดังกริ๊ง หุ่นเชิดสงครามตัวนั้นจึงต้องถอยกลับมา
แต่พลังกระบี่สีเขียวก็ไม่ได้ลดกำลังลง มันพุ่งทะยานต้านลมยาวหลายสิบจั้ง แล้วมุ่งหน้าเข้าใส่เหว้ยห้าวหราน
สีหน้าของเหว้ยห้าวหรานเปลี่ยนไป เขาเตรียมจะถอยหลังหนี แต่กลับรู้สึกว่าร่างกายคล้ายโดนผูกมัดเอาไว้ จึงไม่สามารถเคลื่อนไหว
ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ พลังจึงแข็งแกร่ง เมื่อคิดอยากจะสังหารใครขึ้นมา แน่นอนว่าคนอย่างจักรพรรดิยุทธ์ไม่สามารถที่จะต้านทานเอาไว้ได้
“ในงานพิธีเปิดสำนักไท่เสวียนของข้ายังกล้าโอหังเช่นนี้เชียว?”
ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงแข็งกร้าวดังมาจากภายในสำนักเขาไท่เสวียน คนที่ไร้รูปร่างและไร้พลังงานได้ออกมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเหว้ยห้าวหราน
แน่นอนว่าผู้ที่ปรากฏตัวออกมานี้เป็นผู้ที่บรรลุแดนมกุฎยุทธ์แล้วอย่างเกาเหลียนหง
เกาเหลียนหงยกมือขึ้นโบกสะบัด พลันเกิดพายุลูกใหญ่ม้วนตัวอย่างบ้าคลั่ง
“พลังแห่งโซน?”
สีหน้าของซือทงจวินแปรเปลี่ยน รอบกายของเขาปรากฏพลังจิตแท้ Attr ลมเคลื่อนที่อยู่รอบด้านกลายเป็นสิ่งกีดขวางที่กั้นพายุเอาไว้อีกด้าน
การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ทั้งสองนั้น ทำให้เกิดพลังลูกหลงแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ ผู้คุมกฎสำนักอัสนีวายุที่เพิ่งต่อสู้กับเหว้ยห้าวหรานเมื่อครู่นี้ ยังไม่ทันระวังตัวก็ได้รับพลังลูกหลงอันนี้โจมตีจนกระอักเลือดและกระเด็นลอยคว้างออกไปราวผ้าขี้ริ้ว
เมื่อต้านทานพายุแห่งพลังโซนเอาไว้ได้แล้ว จิตของซือทงจวินก็นิ่งสงบ “ที่แท้ก็เพิ่งจะบรรลุมกุฎยุทธ์ขั้น 1 เท่านั้น แต่ข้าบรรลุถึงแดนมกุฎยุทธ์ขั้น 4 แล้ว คนอย่างแกใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรือ”
ซือทงจวินยิ้มเย้ย พลังจิตแท้ Attr ลมผนึกรวมกลางอากาศเกิดเป็นพลังกระบี่สิบสายสิบจั้ง ที่โจมตีพายุแห่งพลังโซนจนแตกละเอียด จากนั้นจึงพุ่งเข้าไปแผ่ปกคลุมอยู่ด้านบนของเกาเหลียนหง
เกาเหลียนหงที่เห็นพลังกระบี่สิบกว่าสายพุ่งทะยานเข้ามาอยู่ตรงหน้ายังคงมีท่าทีนิ่งสงบ เขาพลิกมือแล้วหยิบตราขลังมังกรเขียวออกมาเพื่อตอบโต้กลับ
เปรี้ยง!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก้องสะท้านไปทั่วท้องฟ้า พลังกระบี่สิบกว่าสายแตกกระจายไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าตราขลังมังกรเขียว นอกจากนั้นแล้วพลังของตราขลังยังคงไม่เสื่อมลงมุ่งหน้าเข้าใส่ซือทงจวินอย่างรวดเร็ว
“ของวิเศษที่แข็งแกร่งยิ่ง!”
เมื่อหยูฉู่เซิงกับจางไห่หยวนบนเรือรบเห็นดังนั้น สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน พวกเขาส่งลำแสงออกไปเพื่อช่วยซือทงจวินขวางกั้นการโจมตีของของวิเศษนั้นเอาไว้
ในขณะที่ตราขลังกำลังจู่โจมเข้ามานั้น พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานที่น่าหวาดหวั่น แต่ลำพังพลังของซือทงจวิน แน่นอนว่าไม่สามารถรับมือเอาไว้ได้
“สามรุมหนึ่ง รังแกคนของสำนักไท่เสวียนมากเกินไปหรือไม่”
ด้านมุมสูงสุดของสำนักเขาไท่เสวียน หลัวซิวที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางสบายๆ พลันเอ่ยปากขึ้น
ในขณะที่เขาเอ่ยปาก ค่ายพิทักษ์เขาของสำนักไท่เสวียนก็เริ่มส่งแสงสว่างขวางกั้นมกุฎยุทธ์ทั้งสองอย่างหยูฉู่เชิงกับจางไห่หยวนเอาไว้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถยื่นมือช่วยเหลือซือทงจวินได้