มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 539
“เจ้ามนุษย์หนุ่ม ท่านปู่หมูของเจ้ากลับมาอีกแล้ว! รีบไสหัวออกมาให้ท่านปู่ของเจ้าเสีย!”
ในเขตที่ห้าของแดนนานาอสูร อสูรกายหมูป่าเกาะดำตัวหนึ่งวิ่งไปมาอยู่ในป่าเขา ปากก็ตวาดอยู่ไม่หยุด
ที่บริเวณใกล้เคียงอสูรกายหมูป่าเกาะดำตนนี้ ยังมีอสูรกายขั้นหกนอนซ่อนตัวอยู่อีกสิบกว่าตัว จ้องจะตะครุบอยู่
บนภูเขาลูกเล็กที่อยู่ห่างออกไป หลัวซิวได้สร้างค่ายพรางตัวขึ้นที่บริเวณรอบ ๆ เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ เขาก็มีความรู้สึกร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้
อสูรกายหมูป่าที่โอหังตนนี้ได้ถูกเขาสังหารไปถึงสามครั้งแล้ว แต่ผ่านไปไม่กี่วันก็ฟื้นคืนชีพกลับมากระโดดโลดเต้น และมาหาเรื่องหลัวซิวอีกครั้ง
นับจากที่ได้เข้ามาในแดนนานาอสูร หลัวซิวได้เข้ามาที่เขตที่ห้าแห่งนี้เป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว
ระหว่างนี้ เขาได้สังหารอสูรกายไปจำนวนมาก ในจำนวนนั้นมีอยู่มากมายที่ได้ถูกเขาฆ่าไปสองสามครั้งแล้ว แต่อสูรกายในที่นี้มีจำนวนมากเกินไป เขาไม่อาจเข้าไปในเขตศูนย์กลางได้เลย
ตามที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำได้กล่าว รอบนอกก็ยากที่จะทวงไปได้ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหากเข้าไปในเขตศูนย์กลาง ยิ่งจะลำบากกว่าเดิม
“ในแดนนานาอสูรแห่งนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่ ถึงทำให้อสูรกายพวกนี้ขัดขวางไม่ให้มีคนได้ไปอย่างไม่คิดชีวิต?” หลัวซิวขมวดคิ้ว คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
“สำหรับคำถามนี้ ในสมัยโบราณสำนักไท่เสวียนก็ได้มีการคาดเดาต่าง ๆ นานา แต่กลับไม่ได้รับการยืนยันใด ๆ” มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำส่ายหัว แสดงออกว่าตนก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน
ในระยะเวลาครึ่งปีมานี้เขาได้รับลูกแก้วโลหิตมาเป็นจำนวนมาก อาศัยวิชาฝึกจิตไท่เสวียน พลังของหลัวซิวได้รุดก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
เปลี่ยนเป็นจักรพรรดิยุทธ์โดยทั่วไป จากจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหนึ่งถึงจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสามนับเป็นจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิ การบรรลุแดนเล็ก อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายปี อย่างมากใช้เวลาหลายสิบปี หรือแม้กระทั่งนับร้อยปี
ส่วนหลัวซิว กลับใช้เวลาเพียงครึ่งปี ก็เพิ่มระดับจากจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหนึ่ง มาถึงจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสามเป็นที่เรียบร้อย
ลูกแก้วโลหิตแห่งแดนนานาอสูรสามารถเพิ่มระดับผลการฝึกตนและร่างเนื้อไปได้พร้อมกัน เนื่องจากร่างเนื้อของเขาได้บรรลุถึงระดับร่างยุทธ์แดนมกุฎไปนานแล้ว ลูกแก้วโลหิตระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหกเหล่านี้ ไม่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มระดับเลยสักนิด
นอกจากลูกแก้วโลหิตแล้ว หลัวซิวยังได้ยาวิเศษมาเป็นจำนวนมาก อสูรกายในแดนปริศนาแห่งนี้นั้นไม่สามารถฝึกตนได้ ยาวิเศษจึงไม่มีประโยชน์สำหรับพวกมัน ระยะเวลาหลายหมื่นปีมานี้ ทำให้มียาวิเศษล้ำค่าหายากมากมายเกิดขึ้นมาในแดนปริศนาแห่งนี้ ทำให้หลัวซิวได้รับอย่างอุดมสมบูรณ์
“ลูกแก้วโลหิตของอสูรกายจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิ ไม่มีผลลัพธ์อะไรมากมายต่อการเพิ่มระดับผลการฝึกตนของข้า ข้าต้องการจะบรรลุสู่จักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่ ต้องการลูกแก้วโลหิตของอสูรกายจักรพรรดิยุทธ์ขั้นกลางเป็นจำนวนมาก ถ้าหากได้ลูกแก้วโลหิตของอสูรกายจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปลายมาได้ก็จะดียิ่งกว่า!”
ภายในค่ายซ่อนตัว หลัวซิวจับตามองอสูรกายหมูป่าเกาะดำที่ร้องโวยวายอยู่ห่างออกไป เขาบิดคอไปมาเล็กน้อย เป็นการยืดเส้นยืดสาย
ยกมือโบกสะบัด เขาได้เก็บเอาธงขลังสรรพสิ่งลงไป ค่ายซ่อนตัวอันตรธานหายไปในพริบตา และร่างของเขาเองก็ได้หายไปเช่นเดียวกัน เหมือนได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับปริภูมิโดยรอบ
นี่เป็นความสามารถที่จะทำได้ก็ต่อเมื่อฝึกฝนวิชาล่องหนไท่เสวียนถึงจุดที่แน่นอนแล้วเท่านั้น เหมือนกับที่มังกรไร้ร่างหลงหมิงสามารถกลายเป็นหนึ่งเดียวกับปริภูมิได้ เหมือนกันไม่มีผิด
“เจ้ามนุษย์หนุ่มยังไม่รีบไสหัวออกมาอีก? กลัวท่านปู่หมูของเจ้าแล้วหรืออย่างไร?”
ศีรษะของอสูรกายหมูป่าเกาะดำชนเขา เขี้ยวอันแหลมคมของมันก็ได้ตัดภูเขาลูกหนึ่งไปครึ่งลูกภายในพริบตา
“เจ้าลูกหมู เจ้ากำลังเรียกข้าท่านปูของเจ้าอยู่หรือ?”
ทันใดนั้นเอง เสียงเยาะเย้ยก็ได้ดังเข้ามาในหูของอสูรกายหมูป่าเกาะดำ ไม่รอให้มันได้ตอบสนอง สองตาก็มืดดำ และสิ้นสติไปในทันที
“บ้าเอ๊ย ตายในเงื้อมมือของเจ้าสารเลวนั่นอีกแล้ว!” ก่อนที่อสูรกายหมูป่าเกาะดำจะสิ้นสติไป นี่เป็นเพียงประโยคเดียวที่ได้ลอยขึ้นมาในสมองของมัน
ร่างของอสูรกายหมูป่าเกาะดำกลายเป็นแสงสว่างและหายไป ทิ้งไว้เพียงลูกแก้วโลหิตก้อนกลม แต่หลัวซิวกลับไม่ได้ยื่นมือออกไปเก็บ เพราะลูกแก้วโลหิตในระดับนี้ ไม่สามารถทำให้ผลการฝึกตนของเขารุดหน้าได้
สวบ! สวบ! สวบ!
แสงสีขาวเจิดจรัสแยงตาหลายสิบสายได้จู่โจมเข้ามาหาหลัวซิว อสูรกายมากมายที่นอนซ่อนตัวอยู่บริเวณใกล้เคียงได้ลงมือแล้ว Attrของอสูรกายพวกนี้แตกต่างกันไป ทองไม้น้ำไฟดินลมอัสนี ที่ควรมีต่างก็ไม่ขาด และยังมีอสูรกายประหลาดที่ร้ายกาจยิ่งกว่า มีพลัง Attr มากกว่าสองประเภท
อสูรกายขั้นหกหลายสิบตัวร่วมมือกันจู่โจม แม้ว่าอสูรกายเหล่านี้จะมีผลการฝึกตนที่ระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิ ทว่าแม้แต่จักรพรรดิยุทธ์ขั้นปลายยังต้องหลบเลี่ยง
อย่างคำที่ว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ เชือกเส้นหนึ่งไม่แข็งแรง ถ้าหากหลายสิบเส้นร่วมเป็นหนึ่งเดียว ก็จะแตกต่างออกไป