มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 545
“มาแล้ว!”
ทันทีที่หลัวซิวเคลื่อนไหวเข้าไปในแกนกลางอีกครั้ง เผ่าพันธุ์อสูรกายและอสูรกายบางตนที่มีพรสวรรค์พิเศษสามารถรับรู้ฟ้าดิน สัมผัสได้ถึงทันที
“อย่ารวมตัวเข้าด้วยกัน ไม่เช่นนั้นจะทำให้เขาตกใจกลัวจนหนีไปอีก แบบนั้นจะไม่มีใครมาสนุกกับพวกเราแล้ว”
“คิดแต่จะสนุกอย่างเดียวก็ไม่ได้ ห้ามให้เขาเข้าใกล้ศิลามรณะเด็ดขาด”
“น่าขำ อสูรกายนับร้อยอย่างพวกเรามารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ถึงเขามีสามเศียรหกหัตถก็อย่าหวังจะได้บุกเข้าไป”
เดิมทีตามความคิดของหลัวซิว หลังจากที่เขาเข้าสู่แกนกลาง อสูรกายและเผ่ามารจะรุมล้อมเข้ามาโจมตีตนเองทันที
เมื่อเป็นแบบนี้ เขาจะอาศัยความเร็วของปีกทิพย์ไร้มลทินทิ้งห่างอสูรกายพวกนี้ เข้าไปสำรวจในส่วนลึกของแดนปริศนาแห่งนี้ ตกลงมันมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดคิดไม่ถึงคือ หลังจากที่เข้าไปอีกครั้ง กลับไม่มีฉากที่เอิกเกริกปรากฏขึ้น มีเพียงอสูรกายสองตนขวางอยู่ตรงหน้าของเขา
อสูรกายสองตนนี้ ในนั้นคือหมาป่ายักษ์ที่มีขนสีทองทั้งตัว ตรงหว่างคิ้วมีดวงตาที่สามตั้งฉากอยู่ตรงนั้น
ส่วนอีกตนเป็นลิงยักษ์ที่มีขนสีขาวทั้งตัว นอกจากนี้บนไหล่ของมันยังมีอสูรกายที่กลายเป็นร่างมนุษย์ยืนอยู่ตรงนั้นหนึ่งตน เป็นผู้หญิงสง่างามที่มีรูปร่างพริ้วบาง
คิ้วของผู้หญิงคนนี้ราวกับผ้าไหม รวมชุดผ้าแพรโปร่ง เรือนร่างที่บอกบางถูกซ่อนอยู่ใต้ผ้าแพรโปร่ง ค่อนข้างดึงดูดสายต่อ
“เผ่ามนุษย์ การที่เจ้าสามารถบุกเข้ามาถึงที่นี่ ดูเหมือนเจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก ไม่รู้ว่ากล้าสู้กับข้าสักครั้งหรือเปล่า?” ลิงยักษ์ทุบหน้าอกของตนเอง ส่งเสียงพูดที่ดังและทุ้มต่ำออกมา
“เมื่อกี้คุยกันแล้วว่าข้าก่อน หลบไปเลยเจ้าลิงบ้า” หางสีทองของหมาป่ายักษ์กระดิกไปมา ย่อเข่าลงกระโดดไปยืนอยู่ตรงหน้าของลิงยักษ์ด้วยท่าทางที่กระตือรือร้นอยากลอง
“พวกเจ้าสองตัวเลิกแย่งกันได้แล้ว ผิวพรรณของมนุษย์คนนี้ละเอียดอ่อนนุ่มนวล ข้าอยากใกล้ชิดกับเขามาก” อสูรกายสาวที่ยืนอยู่บนไหล่ของลิงยักษ์ใช้มือปิดปากของตนเอง หัวเราะเหอะเหอะแล้วพูด และยังขยิบตาให้หลัวซิวอย่างมีเสน่ห์
อสูรกายทั้งสามตนเหมือนกำลังโต้เถียง ล้วนแต่ต้องการประลองฝีมือกับหลัวซิว
ตัวสำนึกของหลัวซิวคอยเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวโดยรอบตลอด ภายใต้ขอบเขตการรับรู้ชีวิต สามารถมั่นใจได้ว่าโดยรอบไม่มีฝูงอสูรกายตนอื่น
ในตอนนั้นเอง อสูรกายสาวที่มีเสน่ห์กระโดดลงมาจากไหล่ของลิงยักษ์อย่างกะทันหัน เดินเข้าไปหาหลัวซิว หัวเราะเหอะเหอะแล้วพูด “เจ้าหมาป่าใหญ่ เจ้าลิงรอง ผู้ชายเผ่ามนุษย์คนนี้ให้ข้าลิ้มลองก่อน”
การเดินของอสูรกายสาวไม่ได้ถือว่าเร็ว แต่ร่างกายกลับปรากฏขึ้นและหายไปเป็นครั้งคราว ไปยืนอยู่ตรงหน้าของหลัวซิวในชั่วพริบตา ระยะห่างของคนทั้งสอง อย่างมากก็มีเพียงสองก้าว
สีหน้าของหลัวซิวเป็นปกติ ไม่ได้แสดงท่าทีของความตื่นตระหนกที่หวาดกลัวออกมา ภายใต้สถานการณ์ที่ใกล้กัน เขาสังเกตเห็นอสูรกายสาวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมีม่านตาสีทองที่ตั้งฉากหนึ่งคู่
“เด็กน้อย ลองรับฝ่ามือของข้าดู”
ทันใดนั้น อสูรกายสาวยกฝ่ามือที่ขาวเรียวราวกับหยกขึ้น การเคลื่อนไหวดูอ่อนโยน ทว่ากลับทำให้รูม่านตาของหลัวซิวหดลง รีบลงมือทันทีเช่นกัน
ปัง!
มีเสียงระเบิดสายหนึ่งกระจายออกเป็นวงกว้าง ตรงฝ่ามือที่ปะทะกัน ความว่างเปล่าเกิดการแตกร้าว หลัวซิวและอสูรกายสาว ถอยหลังคนละก้าวทันที
“เป็นพละกำลังที่แข็งแกร่งมาก!”
“เป็นร่างกายที่ทนทานมาก ข้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งชอบเจ้าแล้ว”
หลัวซิวรู้สึกตกใจเล็กน้อย ส่วนอสูรกายสาวเลียริมฝีปากสีแดงของตนเองด้วยท่าทางที่เย้ายวน ม่านตาสีทองที่ตั้งฉากทั้งคู่ปลดปล่อยประกายความตื่นเต้น ราวกับค้นพบเหยื่อที่ตนเองรู้สึกสนใจอย่างยิ่ง
“โฮง!”
อสูรกายสาวเงยหน้าขึ้นส่งเสียงคำรามของมังกรออกมาอย่างกะทันหัน รูปลักษณ์ที่ดูอ่อนโยนกลับพุ่งเข้ามาหาหลัวซิวด้วยความดุดัน ในขณะเดียวกันก็หัวเราะเหอะเหอะแล้วพูด “ร่างกายของเจ้ายิ่งทนทานยิ่งดี ข้าจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องสนุกกับเจ้าจนพัง”
ทันทีที่ได้ยินเสียงคำรามของมังกร หลัวซิวรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นมารที่กลายร่างมาจากเผ่ามังกร
ในบรรดาอสูรกาย เผ่ามังกรต้องเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน เกิดมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแกร่ง พลังการต่อสู้หน้าตกใจ
“ร่างกายของมังกรตัวเมียตนนี้ต้องอยู่ในระดับแดนขีดจำกัดร่างยุทธ์อย่างแน่นอน”
หลัวซิวหรี่ตาลง ถ้าหากไม่โดนจำกัดด้วยวิชาห้ามค่ายกลของเขตที่ห้า เขาต้องการจัดการมังกรตัวเมียตนนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายมาก