มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 541
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวตั้งใจอ้อมผ่านพื้นที่รอบนอกเพื่อมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ใจกลางของแดนปริศนา
ขณะที่เขาเข้าสู่ส่วนลึกของด้านในอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งของอสูรกายที่ปรากฏก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น บรรลุถึงระดับจักรพรรดิช่วงกลาง มีอสูรกายกายมากมายที่อยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นหก
“หืม? มีการวางค่ายกลด้วย?”
ตรงหน้าของทะเลสาบที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง ฝีเท้าของหลัวซิวหยุดลงอย่างกะทันหัน มองขึ้นบนท้องฟ้าของทะเลสาบที่อยู่ด้านหน้าด้วยความสนใจ
ถึงมีการปกปิดร่องรอยของค่ายกลอย่างมิดชิด แต่ด้วยความสามารถของหลัวซิว ยังสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยบางส่วนของค่ายกล
“เคยบอกเจ้าตั้งนานแล้ว อย่าดูถูกสัตว์เดรัจฉานพวกนี้เด็ดขาด เผ่ามนุษย์มีนักค่ายกล นักหลอมอาวุธ นักเล่นแร่แปรธาตุ เผามารก็มีเช่นกัน อสูรกายกายพิเศษบางตนถึงขั้นมีพรสวรรค์ด้านใดด้านหนึ่งเหนือกว่าเผ่ามนุษย์อย่างพวกเราด้วยซ้ำ” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูด
หลัวซิวรู้สึกเห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง สติปัญญาของอสูรกายกายชั้นต่ำไม่สูง สำหรับเผ่ามนุษย์นับประสาอะไรไม่ได้ แต่สติปัญญาของอสูรกายกายชั้นสูงไม่ด้อยไปกว่ามนุษย์ บวกกับเป็นเผ่าพันธุ์ขนาดใหญ่ มีลักษณะเฉพาะ มีข้อได้เปรียบเหนือเผ่าพันธุ์มนุษย์ในหลายด้าน
บนโลกใบนี้ สาเหตุที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้กลายเป็นเจ้าแห่งโลกทั้งใบ สาเหตุหลักมาจากมีจำนวนประชากรจำนวนมาก ความสามารถในการสืบพันธุ์ และความเร็วของการเติบโต
อสูรกายกายมีพรสวรรค์ที่เหนือชั้น แต่กลับมีความสามารถในการสืบพันธุ์ต่ำ ยิ่งเป็นอสูรกายกายที่มีสายเลือดสูงและแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ อาจจะถึงขั้นหลายร้อยปีหรือหลายพันปี พวกมันถึงจะให้กำเนิดทายาทผู้สืบทอด
ยิ่งไปกว่านั้น สภาพร่างกายของเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมาะแก่การฝึกตนมากกว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ใช้เวลาเหมือนกัน การฝึกตนของเผ่าพันธุ์มนุษย์มีความก้าวหน้าเร็วกว่า นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำไมหลังจากอสูรกายกายที่บรรลุถึงความแข็งแกร่งระดับหนึ่ง ล้วนแต่กลายเป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์
ในยุคบรรพกาลอันห่างไกล ร่างกายของมนุษย์ถูกเรียกว่าร่างวิถี ซึ่งหมายถึงร่างกายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเข้าถึงวิถีฟ้าดิน
“เป็นค่ายกลสังหารระดับหก” ตัวสำนึกของหลัวซิวกวาดต้อนออกไป ผ่านไปเพียงครู่เดียว สามารถสัมผัสได้ถึงค่ายกลที่อยู่เหนือทะเลสาบได้อย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกัน อาศัยกระแสสัมผัสพลังชีวิต เขาสามารถสัมผัสได้ถึงอสูรกายกายนับร้อยตนที่หลบซ่อนอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้ ราวกับกำลังรอให้เขาเข้าไปติดอยู่ในค่ายกล พวกมันจะพุ่งออกมาทันที
หลัวซิวไม่เก็บเอาไปใส่ใจ ถึงขั้นไม่ใช้วิชาล่องหนไท่เสวียนเพื่อซ่อนร่างกายของตนเอง เขาก้าวเท้าเตรียมตัวบินข้ามทะเลสาบโดยตรง เหมือนกับกำลังเดินเล่นอยู่ในลานบ้าน
ในขณะที่เขากำลังจะเข้าสู่เขตแดนของค่ายกลสังหาร เขายกแขนขึ้นประสานอินหลายรูปแบบอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นร่างกายพุ่งผ่าน แต่ค่ายกลกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ราวกับเกิดการทำงานที่ผิดปกติ
“เกิดอะไรขึ้น? เต่าขนเขียว ทำไมค่ายกลที่เจ้าวางไม่ตอบสนอง?”
อสูรกายกายนับร้อยที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำหันไปมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง จนกระทั่งหลัวซิวบินไปไกล ถึงสามารถตั้งสติได้
ดวงตาที่กลมโตของอสูรกายกายทุกตนหันไปมองทางเต่าตัวใหญ่ที่มีขนสีเขียวเป็นกระจุกอยู่ตรงศีรษะ
“เผ่ามนุษย์คนนั้นก็เป็นนักค่ายกลเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นเหนือชั้นกว่าข้า สามารถคลายรูปแบบค่ายกลของข้าได้อย่างง่ายดาย” เต่าขนเขียวหดคอแล้วพูด
“ไอ้โง่ที่เรื่องดีมีไม่พอ เรื่องระยำมีเหลือเฟือ! ก็ไหนเจ้าบอกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกันไม่มีใครสามารถคลายได้?” มังกรเจียวที่มีศีรษะสีฟ้าน้ำแข็งแยกเขี้ยว ใช้กรงเล็บตบเต่าเฒ่าขนเขียวจนลอยกระเด็นออกไป
“อสูรกายทุกตนฟังคำสั่ง ไล่ล่า! จะปล่อยให้เผ่ามนุษย์คนนั้นเข้าสู่ศูนย์กลางของเขตแดนไม่ได้เด็ดขาด!”
มีมังกรเจียวน้ำแข็งเป็นผู้นำ เผ่าใต้น้ำอสูรกายนับร้อย มีทั้งปลาตัวใหญ่ที่มีความยาวขนาดหลายสิบฟุตและงูเหลือมยักษ์พุ่งออกมาจากคลื่นใต้น้ำ ทะยานสู่ท้องฟ้า กลายเป็นคลื่นขนาดใหญ่พุ่งผ่านท้องฟ้า
อสูรกายพวกนี้ได้รับการฝึกมาอย่างดี ถึงขั้นก่อตัวขึ้นเป็นรูปแบบของการจู่โจม ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถตามหลัวซิวจนทัน
“ฝูงอสูรกายจักรพรรดิช่วงกลาง? ลูกแก้วโลหิตนับร้อยลูก สามารถทำให้ผลการฝึกตนของข้าบรรลุถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่หรือเปล่า?”
หลัวซิวหยุดฝีเท้า หรี่ตาลงมองไปทางคลื่นยักษ์มหึมาที่อยู่ด้านหลัง