มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 531
“หากว่าผู้อาวุโสมาเข้าร่วมพิธี เช่นนั้นก็เชิญนั่ง” หลัวซิวยืนอยู่ด้านหน้าตำหนักวัฏสงสารที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ามองไปยังเยว่คงจวิน
เยว่คงจวินไม่ได้กล่าวอะไร กวาดสายตาไปยังพวกคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าตำหนักวัฏสงสาร โดยเฉพาะฉีฝ่าเทียนผู้ลาดตระเวนอาณาจักรใต้ผู้นั้น เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้จักสถานะของคนผู้นั้น
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์เยว่ หลัวซิวเจ้าสำนักไท่เสวียนผู้นี้เป็นคลื่นลูกใหม่ที่ท่านหัวหน้าลาดตระเวนให้ความสำคัญมาก” ฉีฝ่าเทียนลุกยืนขึ้น กำหมัดคารวะไปทางเยว่คงจวิน
ได้ยินว่าหัวหน้าลาดตระเวนบนใบหน้าไร้ความรู้สึกของเยว่คงจวิน มีความประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นาน เขาก็ลอยตัวลงที่ด้านหน้าตำหนักวัฏสงสาร และนั่งลงไปบนที่นั่งแห่งหนึ่ง
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของอีกฝ่าย หลัวซิวก็รู้ว่าเยว่คงจวินคงจะไม่ลงมือกับสำนักไท่เสวียนอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของหัวหน้าลาดตระเวนจะใช้ได้ไม่เบา เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนมหายุทธ์ผู้หนึ่ง
“คนรุ่นหลังที่น่าเกรงขาม!” หลังจากที่เยว่คงจวินได้นั่งลง ก็จับจ้องไปที่หลัวซิว และกล่าวขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ
“สำนักเขาได้เปิดออก รับศิษย์เข้าสำนักจำนวนมาก!”
เกาเหลียนหงยืนออกมา ยืนอยู่กลางอากาศ บันไดที่เกิดจากการรวมตัวของลำแสงอันโชติช่วง ยื่นออกมาจากประตูสำนักไท่เสวียน
ทราบกันโดยทั่วไปว่า วันนี้สำนักไท่เสวียนจะเปิดประตูสำนัก รับศิษย์เข้าสำนักจำนวนมาก ดังนั้นผู้คนจากทั่วทุกสารทิศของประเทศเทียนหวูต่างก็ได้มากัน นอกเหนือจากเหล่าผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ที่มาร่วมชมพิธี ก็เป็นผู้คนที่ต้องการกราบเป็นศิษย์
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ทุกคนต่างเงียบไป
มกุฎยุทธ์ทั้งสามคนของสำนักอัสนีวายุ ตาย!
อาจารย์เสวียนหยาง ตาย!
จูชิงผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ขั้นเจ็ดของเขาหวูโจวถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ผลการฝึกตนถูกปิดผนึกและจับเป็น!
ผู้แข็งแกร่งมหายุทธ์เยว่คงจวินมาด้วยตนเอง แต่กลับเลือกที่จะประนีประนอมไม่ลงมือ กลายเป็นผู้เข้าร่วมชมพิธี
ประตูสำนักไท่เสวียนได้เปิดออกเรียบร้อย การใหญ่เป็นอันสำเร็จ!
ในอาณาจักรประเทศเทียนหวู สำนักและตระกูลใหญ่น้อยต่างส่งลูกศิษย์วัยหนุ่มสาวที่โดดเด่นออกมา
นับจากนี้ไป สำนักไท่เสวียนจะกลายเป็นกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเทียนหวูไปโดยปริยาย ถ้าหากลูกศิษย์ที่โดดเด่นของตนสามารถเข้าสำนักไท่เสวียนได้ จะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลของตน เป็นอันมากอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ บันไดที่เกิดจากการรวมตัวกันของลำแสง ก็ได้เต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งมีจำนวนนับพันคน
ที่ด้านหน้าตำหนักวัฏสงสาร หลัวซิวและมู่จื่อซิวฉีฝ่าเทียน หนิงเหอโจวมกุฎยุทธ์ทั้งสามคน รวมทั้งเยว่คงจวินมหายุทธ์ท่านนี้นั่งอยู่ด้วยกัน บนที่นั่งในรองลงไป ก็จะเป็นจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงและจักรพรรดิยุทธ์คนอื่น ๆ นั่งอยู่ ส่วนผู้คนที่มีผลการฝึกตนอยู่ในระดับราชายุทธ์ กลับไม่มีคุณสมบัติที่จะได้นั่ง
โอวโหเหลียงลอยตัวขึ้นสู่อากาศ มองดูผู้คนมากมายที่อยู่บนบันไดที่ได้มาเข้าร่วมสำนักไท่เสวียนและกล่าวเสียงดัง: “นักกลั่นยาขั้นสามขึ้นไป สามารถมารายงานตัวที่หอกลั่นยา!”
เหว้ยห้าวหรานเองก็ได้นั่งประจำอยู่ที่หอค่ายกล “นักค่ายกลขั้นสามขึ้นไป ก็สามารถมารายงานตัวที่หอค่ายกล!”
ส่วนสวีจิงเหนียนนั้นได้ประจำตำแหน่งที่หอหลอมอาวุธเป็นการชั่วคราว “นักหลอมอาวุธขั้นสามขึ้นไป สามารถมาที่หอหลอมอาวุธ!”
ในระหว่างที่กล่าวนั้น ต่างก็ได้มีเส้นทางที่เกิดจากม่านแสงทอดออกมาจากหอทั้งสามแห่ง ภายในหมู่ผู้คนนับพันคนที่มาเข้าร่วมสำนักไท่เสวียน ก็ได้มีคนเดินออกมาเป็นจำนวนมาก แยกไปตามหอกลั่นยา หอค่ายกล ส่วนทางหอหลอมอาวุธนั้น มีเพียงแค่สองคน
สาเหตุที่มีนักกลั่นยาและนักค่ายกลมาเป็นจำนวนมาก นั่นเป็นเพราะผลจากสถานะประธานแก๊งของหลัวซิวและเหว้ยห้าวหราน
ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือ จะต้องผ่านการทดสอบ ถึงจะกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสำนักไท่เสวียนอย่างแท้จริงได้ เนื้อหาของการทดสอบ มีเกาเหลียนหงเป็นผู้รับผิดชอบ
พิธีเปิดสำนักเขา ในครั้งนี้ แม้จะไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ แต่ก็นับว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
“ได้ยินมาตลอดว่าแดนตำหนักจื่อเป็นดินแดนปริศนาที่สำนักไท่เสวียนโบราณใช้ฝึกฝน เพียงเพราะเกิดการกัดกร่อนของวันเวลานับหมื่นปี ทำให้สภาพแวดล้อมของการฝึกฝนที่ด้านในเทียบไม่ได้กับเมื่อก่อน มาตอนนี้เจ้าสำนักหลัวได้ก่อตั้งไท่เสวียนขึ้นมาอีกครั้ง คิดว่าคงได้รับการสืบทอดจากไท่เสวียน ไม่ทราบว่าได้ฟื้นฟูแดนตำหนักจื่อนั่นแล้วหรือไม่?”
ด้านหน้าตำหนักวัฏสงสาร จู่ ๆ ฉีฝ่าเทียนก็ได้ยิ้มกล่าวขึ้นมาหนึ่งประโยค
หลัวซิวยิ้มเล็กน้อย “พูดแล้วน่าละอายใจนัก ความสามารถของข้าน้อยมีขีดจำกัด จะฟื้นฟูค่ายผนึกปราณที่อยู่ในแดนปริศนากลับมาเป็นดั่งเดิมได้นั้น ความสามารถของข้ายังห่างไกลยิ่งนัก”
“สหายน้อยยังคงถ่อมตัวเช่นเคย มีผลการฝึกตนถึงระดับนี้ได้ในตอนที่อายุไม่ถึงยี่สิบ ความสำเร็จในวันหน้าของเจ้า จะถึงไม่มีสิ้นสุดอย่างแน่นอน” มู่จื่อซิวยิ้มกล่าว
บทที่ 530
บทที่ 532