ตอนที่ 1035 ไข่มุกเลือดเพลิงสัญญาณ
เมืองคทาทราย
นี่คือเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนแคว้นหมึกขาว
เที่ยงวันแสกๆ
หลินสวินและเซียวชิงเหอนั่งบริเวณริมหน้าต่างชั้นสองของหอสุราแห่งหนึ่ง สั่งโต๊ะสุราโต๊ะหนึ่ง เริ่มชนจอกดื่มสุรากัน
“ในสามวันที่ผ่านมานี้พวกเราเข้าไปในเมืองถึงสิบสามแห่ง ทุกครั้งล้วนถูกเจ้าเดรัจฉานเฒ่านั่นหาพบอย่างแม่นยำ หากมีคนลอบรายงานข้อมูลอย่างลับๆ จริง นี่จะต้องไม่ใช่ฝีมือคนๆ เดียวแน่”
เซียวชิงเหอกล่าวพึมพำ
“ถูกต้อง อันที่จริงข้าก็มีคำตอบอยู่ในใจบ้างแล้ว”
หลินสวินดื่มสุราหนึ่งจอก “ค่อยรอเถอะ บางทีคำตอบอาจเฉลยเร็วๆ นี้ก็ได้”
เซียวชิงเหอไม่ถามมากความอีก
เวลาเคลื่อนคล้อยทีละนิด
พริบตาเวลาสองในสามเค่อผ่านไป ยามนี้เองจู่ๆ หลินสวินก็คล้ายสังเกตอะไรขึ้นมาได้ วางจอกสุราในมือลง หันไปส่งสายตาให้เซียวชิงเหอคราหนึ่ง
จากนั้นเงาร่างทั้งคู่ก็หายลับไปจากหอสุรา
……
ถนนตะวันตกเมืองคทาทราย
ที่แห่งนี้เป็นย่านการค้าที่แสนพลุกพล่านขวักไขว่ ผู้คนสามสำนักเก้าอาชีพล้วนคลาคล่ำแน่นขนัด ครึกครื้นจอแจ
บริเวณมุมกำแพงร่มครึ้มแห่งหนึ่งในย่านการค้า มีบุรุษวัยกลางคนผอมซูบคนหนึ่งนั่งอยู่ สวมชุดคลุมนักพรตซอมซ่อ เบื้องหน้าตั้งแผงลอยอันหนึ่ง บนนั้นห้อยกลอนคู่เอาไว้
บทแรก ‘สี่เสาหกลายเส้น พยากรณ์ลางดีร้ายทั่วโลก’
บทหลัง ‘ปัญจธาตุแปดทิศ ทำนายเหตุร้ายฤกษ์งามใต้หล้า’
บุรุษชุดนักพรตนั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้น สีหน้าเคร่งขรึมลุ่มลึก วางตัวสง่าผ่าเผย
เพียงแต่กิจการของเขากลับเงียบเหงายิ่ง ไร้ผู้คนแวะเวียน แต่บุรุษชุดนักพรตก็ไม่หวั่นไหว แลดูสงบผ่อนคลาย
“ทำนายชะตานี่เจ้าทำนายอย่างไร”
เซียวชิงเหอเดินตรงดิ่งเข้ามา ปรายตาชำเลืองบุรุษชุดนักพรต มุมปากเจือเส้นโค้งขี้เล่น
บุรุษชุดนักพรตหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ กระแอมไอแหบแห้งหนึ่งครา กล่าวว่า “ขอบังอาจถามสหายว่าอยากดูเรื่องใดหรือ”
เซียวชิงเหอเอ่ย “ความเป็นความตาย”
“ความเป็นความตายหรือ” บุรุษชุดนักพรตแววตาลุกโชน หัวเราะแห้งๆ กล่าวว่า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตและผลกรรม คนต่ำต้อยความรู้น้อยด้อยทักษะคงไม่อาจทายทักออกมาได้”
“ข้าทำได้” เซียวชิงเหอสายตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา มองเหยียดหยันบุรุษชุดนักพรต แสร้งยิ้มกล่าวว่า “อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าวันนี้เจ้าจะเป็นหรือตาย!”
บุรุษชุดนักพรตเงยหน้าขวับทันควัน
และเวลานี้เองเซียวชิงเหอก็กดฝ่ามือหนึ่งออกไป พลังไร้รูปวูบหนึ่งบีบคั้นลงมา ชั่วพริบตาก็กักขังบุรุษชุดนักพรตอยู่ตรงนั้น ไม่อาจขยับเขยื้อน
บุรุษชุดนักพรตตกใจแกมโกรธ “สหาย นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ผัวะ!
เซียวชิงเหอตบเข้าที่กบาลเจ้าหมอนี่หนึ่งฉาด ผรุสวาท “ไอ้หมาสับปะรังเค ยังทำไขสืออีก!”
บุรุษชุดนักพรตถูกตีจนมึนงง เบื้องหน้าปรากฏดาวสีทอง หน้าเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวร้องว่า “เจ้ายังกล้าลงมือทำร้ายคนด้วยเรอะ”
เซียวชิงเหอถีบเขากลิ้งหลุนๆ บนพื้น จากนั้นเอื้อมมือบีบนิ้วมือที่กำแน่นของเขาแทบแหลก บีบไข่มุกเลือดใสวาวออกมาจากกลางฝ่ามือเขา
“‘ไข่มุกเลือดเพลิงสัญญาณ’ ของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ มิน่าเจ้าเดรัจฉานเฒ่านั่นถึงหาพวกเราพบได้ ที่แท้ก็เป็นเพราะพวกกากเดนหมาทมิฬอย่างพวกเจ้าคอยช่วยเหลืออยู่นี่เอง”
เซียวชิงเหอสีหน้าเย็นชา นัยน์ตาเผยไอสังหาร
เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณที่สง่าผ่าเผยอย่างซูคงคนนั้น จะถึงกับลอบสมคบคิดกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่ ‘อาละวาดทั่วทิศ กิตติศัพท์ฉาวโฉ่ลือลั่น’ เสียได้
“เจ้า… เจ้าจะทำอะไร”
บุรุษชุดนักพรตเห็นว่าตัวตนถูกเปิดเผยจึงลุกลนโดยสิ้นเชิง “ในเมื่อรู้ตัวตนของข้า เจ้าก็น่าจะรู้ว่าผลของการล่วงเกินเผ่าข้าจะร้ายแรงแค่ไหนกระมัง”
ผัวะ!
เซียวชิงเหอคร้านจะพูดพล่าม เงื้อมือขึ้นตบอีกฝ่ายจนสลบไปตรงๆ จากนั้นก็หิ้วเจ้าหมอนี่ขึ้นมาเหมือนหิ้วหมาตาย ก่อนหายลับไปจากจุดเดิมโดยพลัน
……
ภายในห้องมืดเล็กๆ แห่งหนึ่ง
เสียงร้องโหยหวนวังเวงชวนสยองไร้ใดเปรียบดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า บางครั้งก็ผสมกับเสียงหมาหอนพิสดาร พาให้ผู้คนขนลุกขนตั้ง
เคราะห์ดีที่ห้องมืดเล็กๆ นี้ถูกปกคลุมด้วยผนึกต้องห้าม ตัดขาดจากโลกภายนอก หาไม่คงดึงดูดความสนใจจำนวนมากเป็นแน่
ภายใต้การผลัดเปลี่ยนเวียนกดดันจากหลินสวินและเซียวชิงเหอ บุรุษชุดนักพรตคนนี้ถูกทรมานจนน้ำมูกน้ำตาไหล ไม่ทันไรก็ทรุดครืน พูดทุกอย่างออกมาเหมือนกระบอกไม้ไผ่คว่ำก็ไม่ปาน
ที่แท้การร่วมมือกับซูคงในครั้งนี้ก็ตัวตั้งตัวตีคือโก่วซวีสิงนายน้อยเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ออกคำสั่งให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่กระจายตัวอยู่ทั่วแคว้นหมึกขาวร่วมกันเคลื่อนไหว เมื่อไรก็ตามที่ค้นพบร่องรอยหลินสวิน ต้องใช้ไข่มุกเลือดเพลิงสัญญาณส่งต่อข่าวสารแจ้งให้ซูคงทราบในทันที
จนบัดนี้ในที่สุดหลินสวินและเซียวชิงเหอก็เข้าใจอย่างสมบูรณ์แล้ว หากมีเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคอยช่วยเหลือ การไล่ล่าสะกดรอยอย่างแม่นยำครั้งแล้วครั้งเล่าของซูคงก่อนหน้านี้ก็เข้าใจได้ง่ายยิ่ง
หลินสวินเองก็ทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง ต่อให้เคล็ดวิชามหาไร้รูปกับไอซวนหนีเร้นลับขนาดไหน ทว่ากลับไม่สามารถหลบซ่อนจมูกหมาของเจ้าพวกหมาทมิฬนี่ได้ ทำให้เขายังต้องยอมแพ้อยู่บ้าง
พร้อมกันนั้นในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ว่าโก่วซวีสิงคือใคร เป็นนายน้อยเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่เคยไล่ล่าสังหารเขากับซย่าเสี่ยวฉงตลอดทางคนนั้นนั่นเอง!
แน่นอน ขุมกำลังของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแผ่ขยายทั่วดินแดนรกร้างโบราณ โก่วซวีสิงคนนี้เป็นแค่หนึ่งในนายน้อยของเผ่านี้ก็เท่านั้น
แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึง รังเก่าของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่อยู่แดนฐิติประจิมถูกกำจัดจนสิ้นซากแล้ว โก่วซวีสิงคนนี้ถึงกับไม่ยอมถอดใจ ไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งตามมาแก้แค้นตนถึงแดนชัยบูรพา จิตแก้แค้นนี้ช่างแรงกล้าเหลือเกิน
ไม่แปลกที่ถึงแม้ผู้ฝึกปราณบนโลกจะดูหมิ่นและเคียดแค้นเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ แต่กลับไม่ค่อยกล้าหาเรื่องเผ่านี้กันเท่าใดนัก ไม่ใช่อะไรอื่น เป็นเพราะกลัวถูกหมาบ้ากลุ่มนี้กัดเอานั่นเอง
“จะจัดการเจ้าหมอนี่อย่างไร” เซียวชิงเหอเอ่ยถาม
หลินสวินหัวเราะน้อยๆ “เจ้าเคยชิมเนื้อหมาหรือไม่”
เซียวชิงเหอเผยสีหน้าสะอิดสะเอียนออกมาทันควัน กล่าวว่า “ของพรรค์นี้เจ้ากินด้วยหรือ ต่อให้ตีจนตายข้าก็ไม่กินหรอก!”
หลินสวินเอ่ยสบายๆ “รอให้เจ้ากินเข้าไปแล้วจะต้องเสียใจที่พูดเช่นนี้แน่”
ยามที่ทั้งคู่พูดคุยกัน บุรุษชุดนักพรตคนนั้นสีหน้าฉายแววตื่นตระหนกและสิ้นหวังตั้งนานแล้ว นั่งตัวสั่นเทาอยู่ในมุมอับของห้องมืดเล็กๆ…
……
สวบ!
แสงเคลื่อนสายหนึ่งแหวกเวิ้งนภาทะลวงอากาศมาเยือนหน้าเมืองคทาทราย
คนผู้นี้หนวดเคราขาวขุ่น เงาร่างทรงพลัง กลางนัยน์ตาดั่งมีสายฟ้าคะนองพันหมื่นสายไหลพล่านอยู่ในนั้น เป็นซูคง ราชันผู้เหยียบย่างอมตะเคราะห์ขั้นสอง
เมื่อมาถึงที่แห่งนี้เขาแผ่จิตรับรู้มหึมาออกไป เพียงชั่วพริบตา สถานที่ทุกบริเวณของเมืองคทาทรายล้วนถูกแผ่ครอบปกคลุม
ผู้คนสัญจรบนท้องถนน นกโฉบบินบนฟากฟ้า มดไต่พื้นดิน ลมพัดหญ้าไหว… ภาพทุกอย่างต่างฉายชัดละเอียดกลางใจ
จากนั้นซูคงก็ย่างเท้าก้าวออกไปประหนึ่งเคลื่อนย้ายชั่วขณะจิต ไม่กี่อึดใจก็มาถึงด้านหน้าแผงลอยทำนายดวงชะตาแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่บริเวณถนนตะวันตกในเมืองคทาทราย
“ข่าวสารเล่า เหตุใดครั้งนี้ถึงไม่ส่งมาให้” สายตาซูคงตกอยู่บนร่างบุรุษวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านหลังแผงลอยนั้น
“ครั้งนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ทันทีที่เทพมารหลินคนนั้นเข้าเมืองก็หายวับไม่เห็นเงา ไม่ง่ายเลยกว่าผู้น้อยจะค้นพบร่องรอยเพียงเศษเสี้ยวของเขา” บุรุษชุดนักพรตหยัดตัวขึ้น เผยรอยยิ้มประจบ
“เลิกพูดพล่าม เอาไข่มุกเลือดเพลิงสัญญาณมาให้ข้า!”
ซูคงขมวดคิ้ว ทั่วร่างแผ่รัศมีดุดันชวนสยองออกมา
บุรุษชุดนักพรตพยักหน้าหงึกหงัก พลิกมือหยิบขวดหยกมันแพะออกมาหนึ่งขวด
หืม?
ซูคงอึ้งงัน
พร้อมกันนั้นขวดหยกมันแพะวาวใสนั้นพลันเปล่งแสง พ่นพลังผนึกต้องห้ามมรรคราชันอันน่าสะพรึงไร้ขอบเขตออกมา
อานุภาพของมันดั่งอสนีเดือด สะเทือนจักรวาล!
การโจมตีนี้ กร้าวแกร่งไม่ต่างจากการโจมตีสุดกำลังของระดับราชันแท้จริงคนหนึ่ง!
ระลอกคลื่นแข็งกร้าวและยิ่งใหญ่นั้นทำให้ซูคงแข็งทื่อไปทั่วร่าง หัวใจเต้นโครมคราม ตระหนึกถึงอันตรายถึงชีวิต
แย่แล้ว!
ซูคงหน้าเปลี่ยนสีทันควัน ขับเคลื่อนพลังสุดแรงเกิดตามจิตใต้สำนึก ซัดฝ่ามือหนึ่งออกมา
แต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงเป็นอันขาดก็คือ พริบตาที่เกิดการระเบิดนี้ ยังมีเจตกระบี่เขมือบวิญญาณคร่าชีวิตสายหนึ่งจากเสี่ยวอิ๋นด้วย!
การโจมตีนี้ไร้รูปลักษณ์ มุ่งเล่นงานจิตวิญญาณ พิสดารยากหยั่งถึงอย่างที่สุด
แม้ว่าซูคงมีฐานะเป็นราชันอมตะเคราะห์ขั้นสอง พลังจิตบรรลุขั้นแข็งแกร่งถึงขีดสุดตั้งนานแล้ว แต่ภายใต้การซุ่มโจมตีกะทันหันก็ยังบาดเจ็บอยู่ดี จิตวิญญาณเจ็บปวดราวกับถูกฉีกทึ้ง พาให้ภาพเบื้องหน้าเขาดำมืด
ทุกอย่างพูดแล้วเหมือนช้า แต่จริงๆ แล้วเกิดขึ้นเพียงชั่วประกายไฟแลบ
ไวเกินไปแล้ว!
ไวเสียจนสัตว์ประหลาดเฒ่าประสบการณ์โชกโชน ผ่านอะไรมามากอย่างซูคงยังถูกซัดจนตั้งรับไม่ทัน
ขณะที่เขาเฉลียวใจว่าไม่เข้าที พลังทั้งหมดที่สั่งสมในขวดมหามรรคไร้ขอบเขตนั้นก็ซัดใส่ร่างเขาอย่างดุเดือด
ตูม!
ชั่วพริบตาฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือน แสงเรืองศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนน่าสะพรึงระเบิดออกจากตัวซูคง พลังทำลายล้างน่าหวาดกลัวปกคลุมร่างทรงพลังของเขาจนจมมิด
และเวลานี้เองร่างบุรุษชุดนักพรตคนนั้นก็เปลี่ยนไป กลับสู่สภาพเดิมของหลินสวิน
นี่คือการแก้แค้นครั้งหนึ่งจากหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย
ฟ้าดินกู่ก้อง อาคารใกล้เคียงถนนตะวันตกระเบิดกระจุย พื้นดินทรุดครืน ผู้ฝึกปราณแถวนั้นตกใจจนหนีเตลิดเปิดเปิง โกลาหลไปหมด
ดีที่การโจมตีนี้ซัดกระแทกใส่ร่างซูคงเต็มๆ หาไม่ลำพังเพียงควันหลังที่แผ่กว้างออกมาก็เพียงพอจะทำลายล้างพื้นที่แถบนี้ได้!
แต่ว่าไม่อาจไม่พูด สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอมตะเคราะห์ขั้นสองน่าหวาดกลัวเกินไปจริงๆ ครอบครองพลังมหามรรคที่คาดไม่ถึง
แม้ว่าเงาร่างของเขาจะถูกท่วมมิด แต่ก็ยังมีพลังโต้กลับออกมา ในพริบตาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ระเบิดการโจมตีออกมา นิ้วมือราวกับดาบ ผ่าฟันอากาศลงมา
เคร้ง!
หลินสวินที่เรียกเจดีย์สมบัติไร้อักษรไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ต้านการโจมตีครั้งนี้ได้อย่างหวุดหวิด แต่พลังอันกร้าวแกร่งนั้นยังคงซัดสะเทือนจนหลินสวินลอยคว่ำออกไปเหมือนว่าวสายป่านขาด แน่นหน้าอกจนเกือบกระอักเลือดออกมา
สิ่งนี้พาให้เขาหน้าเปลี่ยนสี บังคับยานขนส่งอวกาศหลบหนีออกไป
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เงาร่างอันทรงพลังของซูคงก็หลุดพ้นออกมาจากการปกคลุมของแสงเรืองศักดิ์สิทธิ์ ส่งเสียงแผดคำรามออกมา “ไอ้เด็กเหลือขอ ข้าจะต้องฟันเจ้าพันดาบเฉือนเจ้าหมื่นครั้งให้จงได้!”
น้ำเสียงดั่งฟ้าคำรามก้องกระหึ่มทั่วเวิ้งนภา ซัดสะเทือนจนทั่วทั้งเมืองคทาทรายยังเริ่มสั่นสะเทือน
ซูคงในเวลานี้หนวดเคราผมคิ้วถูกเผาโล้นเกลี้ยง เสื้อผ้าขาดวิ่น ผิวหนังไหม้เกรียมปริแตก โดยเฉพาะบริเวณหน้าอก ถูกฉีกทึ้งแหวกเป็นแผลฉีกขาด เลือดเนื้อปะปน เป็นที่น่าสยดสยองยิ่ง
สภาพนั้นน่าสังเวชและสะบักสะบอมเกินไปจริงๆ บุคคลระดับอมตะเคราะห์ขั้นสองที่แสนสง่าคนหนึ่ง กลับหมดสภาพหน้าเปื้อนโคลนผมคลุกฝุ่นเช่นนี้ สิ่งนี้พาให้เขาโกรธจนแทบกระอักเลือด ความอัปยศใหญ่หลวงก่อตัวในใจ
ตูม!
เขาพุ่งทะยานขึ้นฟ้าโดยไม่ลังเลใดๆ ไล่ล่าสังหารไปตามทางที่หลินสวินหลบหนี ประหนึ่งมังกรคลั่งเดือดดาลตัวหนึ่ง
และในเมืองคทาทราย ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนต่างขวัญหนีดีฝ่อ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ล้วนรู้สึกใจหายใจคว่ำที่หนีรอดจากความตายมาได้
มรรคราชันที่ซูคงปล่อยออกมาเมื่อครู่นั้นอานุภาพน่าหวาดกลัวเกินไปจริงๆ!
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาใจสะท้านก็คือ ใครกันแน่ถึงกับกล้าลงไม้ลงมือกับผู้เป็นราชันคนหนึ่ง
“บอกแต่แรกแล้ว ว่าต่อให้อาศัยสมบัติอริยะก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่าเดรัจฉานเฒ่าอย่างซูคงให้ตายได้”
บนยานขนส่งอวกาศ เซียวชิงเหอถอนหายใจเบาๆ
“อย่างน้อยทำให้เขาได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดสักหน่อยก็ไม่เลวเหมือนกัน”
ในใจหลินสวินรู้สึกขัดใจน้อยๆ
พลังจตุลักษณ์ราชันที่สั่งสมในขวดมหามรรคไร้ขอบเขต แต่ละครั้งล้วนต้องสิ้นเปลืองผลึกวิญญาณชั้นสูงสามหมื่นกว่าผลึก ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว
และยามนี้พลังเช่นนี้กลับสามารถทำได้แค่ทำให้ซูคงบาดเจ็บเท่านั้น ทำให้หลินสวินไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าผู้เป็นราชันที่เหยียบย่างอมตะเคราะห์นั้นช่างแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ
“ฮ่าๆ ก็จริง ยามนี้เกรงว่าเจ้าเดรัจฉานเฒ่านั่นคงโกรธจนคลั่งไปแล้ว”
เซียวชิงเหออดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ การซุ่มโจมตีปุบปับครั้งนี้ประสบความสำเร็จยิ่ง แม้จะไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายจนตาย แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายสะบักสะบอมเหลือทน อับอายขายขี้หน้าได้ ช่างสุขใจยิ่งนัก
——