มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 608
หลัวซิวไม่รู้จะร้องไห้หรือจะยิ้มดี แต่ก็ไม่อยากจะทะเลาะกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
เมื่อนึกถึงบรรยากาศบนเวทีประลองยุทธ์ ผู้ชมการต่อสู้ต่างมีแววตาสงสัย และจ้องเขม็งไปที่หลัวซิว
“เขาทำลายแสงบัวป้องร่างได้อย่างไร”
“เมื่อครู่พลังของเขาระเบิดออกมาเทียบเท่าได้กับมหายุทธ์แล้ว”
“น่าจะใช้วิชาลับอันทรงพลังบางอย่างเพื่อยกระดับการฝึกตน และเป็นไปได้ว่าจะใช้พลังของขลังมาช่วยด้วย เพียงแต่พวกเราคงสังเกตไม่เห็น”
ในความคิดของจอมยุทธ์ที่มาชมการต่อสู้วันนี้ ศึกครั้งนี้ ชื่อของหลัวซิวนับว่าเป็นชื่อแห่งความพิลึกพิลั่น
ในตอนเริ่มแรก ไม่มีใครให้ค่าเด็กหนุ่มที่ฝึกตนถึงขั้นจักรพรรดิยุทธ์เลยสักคน แต่เมื่อเขาทำการต่อสู้ผ่านไปหลายสนาม ทุกคนต่างพากันตกตะลึง
“น่าสนใจยิ่ง” เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวยิ้มออกมา เมื่อครู่นี้เขายังกังวลอยู่เลยว่าหลัวซิวจะแพ้ในศึกครั้งนี้
“หนุ่มน้อยผู้นี้มีวิชายิ่งเลิศที่สามารถยกระดับการโจมตีได้” เจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนหรี่ตาลง
การเพิ่มระดับกับการเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นไม่เหมือนกัน โดยทั่วไปแล้วการเพิ่มระดับโดยใช้ตัวเลขมาตัดสิน แต่การเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นค่อนข้างจะทำได้จำกัด
ในสายตาของเจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนนั้นสามารถมองออกได้ว่าในขณะที่หลัวซิวโคจรวิชาลับอยู่นั้น พลังการโจมตีได้เพิ่มขึ้นถึงยี่สิบเท่า
“ในร่างกายของเขาคงซ่อนสมบัติล้ำค่าบางอย่างเอาไว้ ทำให้เขาสามารถยกระดับการโจมตีได้หลายแดนมากขนาดนี้” เทวีหานยู่เองก็มองถึงความผิดปกติได้เช่นกัน นางหันไปมองเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวแล้วกล่าวว่า “มิน่าเล่าเจ้ายุทธจักรอัคคีถึงมั่นใจในตัวเขาเช่นนั้น นั่นเป็นเพราะว่าเขามีสมบัติติดตัวอยู่ อย่างนี้ก็ไม่ถือว่าเขาเป็นเพียงผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์แต่เป็นถึงมกุฎยุทธ์ขั้น7แล้ว”
สมบัติที่สามารถยกระดับการฝึกตนแดนใหญ่เช่นนี้อาจจะฟังดูแล้วน่าหวั่นเกรง แต่สำหรับสี่เจ้ายุทธจักรย่อมรู้ว่าสมบัติประเภทนี้มีข้อจำกัด อย่างมากสุดก็สามารถยกระดับการฝึกตนได้ถึงแดนมกุฎยุทธ์เท่านั้น เพียงเท่านี้ก็จะถึงจุดจำกัดสูงสุดของมันแล้ว
โดยทั่วไปแล้วสมบัติประเภทนี้มักจะยกระดับได้เพียงสองแดนเล็กๆ เท่านั้น แต่การที่สามารถยกระดับแดนใหญ่ได้จึงนับได้ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าหายากยิ่ง
เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวหัวเราะแต่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เพราะในความเป็นจริงหลัวซิวมีไม้เด็ดอะไรบ้าง เขาเองก็ยังไม่แน่ชัดเท่าไหร่นัก
“ธิดาเทพหยุนไห่วางแผนได้อย่างเฉียบแหลมนัก……”
อันที่จริงแล้วเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวรู้อยู่แก่ใจดี การที่เขาให้ความสำคัญกับหลัวซิวเพียงคนเดียวในบรรดาอัจฉริยะทั้งหมด เป็นเพราะว่าเขาได้รับคำชี้แนะจากบุคคลสูงศักดิ์
ในฐานะที่เป็นเจ้ายุทธจักร และยังเป็นเจ้ายุทธจักรที่ได้รับการแต่งตั้งสูงสุด สิ่งที่หวูซิวต้องการมากที่สุดนั่นคือการบรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์
เพียงแต่การบรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่เช่นนั้นแล้วจำนวนผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ในโลกแสงดาวคงไม่มีจำนวนน้อยเช่นนี้
ธิดาเทพแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ในแดนใต้มีความชำนาญในด้านการทำนายดวงชะตา เขาต้องใช้ความพยายามมากมายกว่าจะแลกการทำนายของธิดาเทพมาได้ จึงรู้ว่าตนเองจะบรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเด็กหนุ่มที่มีนามว่าหลัวซิวผู้นี้
หวูซิวรู้ดีว่าการจะบรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้นั้น เขายังมีจุดอ่อนอยู่ที่แดนร่างเนื้อ จำเป็นต้องมีวิชากลั่นร่างขั้นสูง
แม้ว่าที่แดนศักดิ์สิทธิ์ตระกูลยุทธ์จะมีบางคนที่มีวิชากลั่นร่างที่ไม่เลว แต่กลับไม่ได้มีความชำนาญในด้านการกลั่นร่างนัก ย่อมไม่อาจเปรียบเทียบกับวิชากลั่นร่างยิ่งเลิศอันสูงสุดนั่นได้
ดังนั้นเขาจึงสนใจพลังเก้าภพของต้วนฉือเทียน และยืมมือของหลัวซิวมาช่วยด้วยในครั้งนี้ จะทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้หากเขาต้องการบรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ เขายังขาดความเข้าใจในกฎธาตุไฟ หากหลัวซิวได้ตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งได้ ในฐานะผู้แนะนำ เขาก็จะได้รับโอกาสในการฝึกฝนเพื่อเข้าไปสู่โลกแสงดาวด้วย