มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 603
ในตอนยังเป็นวัยรุ่น นอกจากคนผิดปกติจำนวนน้อยพวกนั้นที่เขาไม่กล้าต่อสู้ด้วยแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาอีก
ทว่าในตอนนี้ เขากลับถูกจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่งถาโถมเข้าใส่ ทำให้เขาทั้งตื่นตะลึงทั้งโมโห
“เด็กหนุ่มคนนี้ไม่รู้จักวิชาลับทางวิญญาณระดับสูง มีเพียงแค่พลังของวิญญาณอันแข็งแกร่งเท่านั้น แม้การโจมตีอาจจะดูโหดร้ายไปบ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นเพียงการกระจายพลังของวิญญาณไปอย่างเสียเปล่า ไม่ได้สร้างความอันตรายแต่อย่างใด”
ปี้คงรู้สึกว่าบางทีตัวเองอาจจะมีโอกาสจะชนะอยู่บ้าง เพราะคนที่ไม่เข้าใจวิชาลับขั้นสูง ความเข้มข้นของวิญญาณจะถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว แม้ว่าความเข้มข้นของวิญญาณจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ก็ไม่สามารถหยุดการเผาผลาญอย่างไม่หยุดยั้งได้
ขอเพียงแค่เขายืนหยัดจนอีกฝ่ายเผาผลาญวิญญาณจนหมดสิ้น ก็จะเป็นโอกาสที่เขาจะพลิกกลับมาชนะได้
เมื่อในใจของเขาคิดได้ถึงความเป็นไปได้นี้ ปี้คงก็ยิ้มเย็นออกมา ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไปโชคดีมาจากไหนถึงได้ฝึกตัวสำนึกจนแข็งแกร่งขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่ต่างอะไรกับคนโง่ที่มีเพียงพลังแต่ไม่รู้จักการใช้ ดังนั้นเขาจะต้องแพ้แก่ตนอย่างแน่นอน
ทว่าต่อให้ปี้คงวางแผนจนปวดหัวแค่ไหน ก็คงไม่มีทางนึกออกได้ว่าการที่เขามีความคิดเช่นนี้คือความจงใจของหลัวซิว
การมีพลังทางวิญญาณแข็งแกร่งอย่างเดียว แต่ไม่รู้จักการใช้วิชาลับ สำหรับจุดด้อยในด้านนี้ หลัวซิวย่อมรู้ดีอยู่เต็มอก
ดังนั้นตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เขาวางแผนเอาไว้แล้วว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะต้องยืดเยื้อ และการที่พยายามยืดเวลาออกไปนั้น ก็เป็นเพราะว่าต้องการเข้าใจพลังวิญญาณของตัวเองลึกซึ้งขึ้น และใช้โอกาสนี้ในการลับคมของตัวเอง
มิเช่นนั้นแล้ว แค่อาศัยตัวสำนึกอันแข็งแกร่งระดับมหายุทธ์อย่างเดียว ต่อให้ไม่เข้าใจวิชาระดับสูง ก็ยังไม่ใช่คนที่ปี้คงจะรับมือได้อยู่ดี
ที่เขายืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้ เป็นเพราะหลัวซิวกดพลังทางวิญญาณของตัวเองเอาไว้
“พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งสามารถจินตนาการรูปแบบในการโจมตีได้ตามความต้องการ”
การที่หลัวซิวพยายามที่จะสกัดความเข้าใจในวิชาลับทางวิญญาณของตัวเองเอาไว้ กลับเป็นการทำให้ปี้คงลำบากเปล่า เพราะต้องพยายามกัดฟันทนเอาไว้ เพื่อรอโอกาสที่พลิกกลับมาชนะได้
“เอาล่ะ ควรจบได้แล้ว……”
หลังจากยืนหยัดอยู่นาน และเนื่องด้วยการเผาผลาญทางวิญญาณมากเกินไป ทำให้ปี้คงมึนงงเมื่อได้ยินประโยคนี้
“แย่แล้ว!”
สีหน้าของปี้คงตื่นตระหนก สิ่งแรกที่เขาทำคือผนึกรวมพลังวิญญาณเพื่อใช้ในการต้านทานการโจมตี แต่กลับเกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที เพราะว่าพลังวิญญาณของเขาใกล้หมดเต็มที หากโคจรอย่างแข็งกร้าวเกินไปจะทำให้สูญเสียพลังดั้งเดิมของวิญญาณ
แต่จุดเริ่มต้นของวิญญาณเกี่ยวข้องกับพื้นฐานของร่างกาย เมื่อเผาผลาญไปหมดแล้วไม่อาจที่จะเสริมกลับมาได้
ในขณะที่ปี้คงยังลังเลตัดสินใจไม่ได้อยู่นั้นเอง เขาจึงรู้สึกว่าตัวหยั่งรู้วิญญาณของตัวเองคล้ายถูกภูเขาถล่มใส่อย่างแรง ทันใดนั้นดวงตาของเขามืดมิดและล้มตึงลงกับพื้น
“หนุ่มตัวดี ตัวสำนึกแข็งแกร่งดีนักนะ”
บริเวณกลางท้องฟ้า แววตาของเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวที่กำลังชมการต่อสู้อยู่นั้นเป็นไปอย่างผ่อนคลาย
“หวูซิว หนุ่มน้อยที่เจ้าเลือกคนนี้ซ่อนความสามารถไว้ลึกนัก ดูผิวเผินเป็นแค่จักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่เพียงแต่มีร่างยุทธ์แดนมกุฎเท่านั้น แต่ตัวสำนึกทางวิญญาณยังไปถึงแดนมกุฎยุทธ์ช่วงปลายแล้ว”
เมื่อจินตนาการว่าตัวเองจะต้องแพ้พนันแก่เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูซิว เจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนก็โกรธอย่างมาก ถึงขั้นคิดว่าคนเฮงซวยอย่างหวูซิวตั้งใจหลอกเขาให้มาติดกับดัก
แต่การแสดงของหลัวซิวที่พยายามเป็นจักรพรรดิยุทธ์ระดับ 7 นั้น สามารถล่อหลอกอีกฝ่ายหนึ่งมาเชือดได้อย่างง่ายดาย
เพราะใครเลยจะรู้ว่าผู้ที่ฝึกตนในแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 จะมีพลังที่กล้าแกร่งขนาดนี้