มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 613
“ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!”
ท่ามกลางเปลวไฟแผดเผาลุกโชน หลัวซิวเหวี่ยงฝ่ามือที่มีเปลวไฟสีดำโหมกระหน่ำเข้าใ่ส่สวีเฟิง
“กระบี่ฟ้า!”
สวีเฟิงตะโกนลั่น แสงจากจุดตันเถียนชี่ไห่สว่างวาบ เกิดเป็นกระบี่ยาวรูปมังกรเขียวพุ่งทะยานออกมา
การสืบทอดของสำนักฟ้าดินขึ้นอยู่กับคำว่าฟ้าดินสองคำนั้นเอง วิชายิ่งเลิศที่สอดคล้องกันแบ่งเป็นกระบี่ฟ้ากับตราดิน
พลังอำนาจของกระบี่ฟ้านั้นมีความแข็งแกร่งกว่าตราดิน สวีเฟิงนำกระบี่ฟ้ามาใช้เพราะว่าเขารับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งอย่างมากของหลัวซิวที่มากระทบตน
กระบี่ยาวเล่มนี้เป็นของขลังที่กลั่นมาจากวิชายิ่งเลิศกระบี่ฟ้า ไม่ใช่นักยุทธ์ทั่วๆ ไป
กระบี่ฟ้าภายใต้การควบคุมของสวีเฟิงได้กลายร่างเป็นมังกรเขียว มันบินทะยานหมุนวน พลางแยกเขี้ยวกางเล็บกว้าง
“แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!”
ร่างของหลัวซิวตอนนี้ปกคลุมไปทั่วด้วยเปลวเพลิงสีดำลุกโชนสูงกว่า 10 กว่าจั้ง เสียงเหล็กกระทบร่างดังสะท้อนก้องไปทั่วเวทีประลอง นี่คือการต่อสู้กันระหว่างกระบี่ฟ้าและร่างยุทธ์แดนมกุฎ
“ทุกท่านคิดว่าศึกครั้งนี้ผู้ใดจะสามารถเข้าไปติดหนึ่งในสิบได้”
“เรื่องนี้ตัดสินยากทีเดียว พลังจิตแท้ของทั้งสองที่โคจรเทียบเท่ากับมกุฎยุทธ์ขั้น 7 แถมทั้งสองยังฝึกทักษะยุทธ์ยิ่งเลิศมาเหมือนกันเสียด้วย”
“ข้าคิดว่าโอกาสที่สวีเฟิงจะชนะมีมากกว่า เพราะกระบี่ฟ้ากับตราดินเป็นวิชายิ่งเลิศขั้นกลาง ส่วนวิชาไท่เสวียนโบราณที่สืบทอดมานั้นล้วนเป็นวิชายิ่งเลิศชั้นล่าง”
ยิ่งระดับของวิชายิ่งเลิศสูงมากเพียงใด การทำศึกกับผู้ที่อยู่แดนเดียวกันจึงยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้นเท่านั้น
“ฮ่าๆ แต่ข้ากลับคิดว่าหลัวซิวมีโอกาสที่จะชนะมากกว่า เด็กคนนี้มีที่มาธรรมดา แต่กลับเป็นคนที่มากับดวง บางทีเขาอาจจะมีไพ่เด็ดอื่นซ่อนอยู่อีกก็ได้”
“จะเป็นไปได้อย่างไร เขาแสดงไพ่เด็ดออกมาหลายใบแล้ว หรือว่าเขาจะยังมีไพ่เด็ดมากกว่านี้อีกหรือ”
ผู้ยิ่งใหญ่จากแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มาชมศึกครั้งนี้ต่างพากันวิเคราะห์การประลองของกลุ่มที่สามบนเวทีประลองยุทธ์
“แต่แม้ว่าหลัวซิวจะชนะ แต่หากต้องไปเจอผู้สืบทอดจากแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ 4 แดนใหญ่ เขาจะต้องไม่ใช่คู่แข่งที่เหมาะสมอย่างแน่นอน” มีคนกล่าวเสริมออกมาอีก
เมื่อคำพูดเช่นนี้หลุดออกมา ผู้ยิ่งใหญ่ที่มาชมศึกครั้งนี้ต่างไม่มีใครเอ่ยความเห็นออกมาอีก
ตั้งแต่ศึกใหญ่จากโบราณมา การฝึกตนของนักยุทธ์ในโลกแสงดาวก็ไม่กลับมารุ่งเรืองอีก ภายในเผ่าพันธุ์มนุษย์มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ 4 แดนใหญ่เท่านั้นที่มีผู้แข็งแกร่งนั่งบัลลังก์ตลอดกาล จึงได้ชื่อว่าแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์
ความเป็นมาของแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ยากที่จะสู้ได้ ยกเว้นในกลุ่มที่สามกลุ่มนี้ ฝีมือการรบของผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์บนเวทีประลองอื่นๆ ล้วนประจักษ์แก่สายตา
แม้ว่าจะมีคนคิดว่าหลัวซิวเกิดมาจากม้าสีดำ แต่หากเปรียบเทียบกับผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์แล้วก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้เต็มที่ว่าจะเอาชนะได้
เสียงปะทะดังสะท้อนไม่ขาดสาย การต่อสู้บนเวทีประลองดุเดือดกว่าปกติ กระบี่ฟ้าที่กลายเป็นมังกรเขียวบินโฉบเฉี่ยวเมื่อถูกการบุกโจมตีของหลัวซิวที่ดุเดือดราวห่าพายุก็เริ่มถอยหนี และส่งเสียงคำรามออกมา
“เพล๊ง!”
เกิดเสียงแตกดังขึ้นกลางท้องฟ้า มังกรเขียวถอยกรูด กระบี่ฟ้าร่วงหล่น สวีเฟิงกระโดดลอยตัวขึ้นเพื่อรับของขลังเอาไว้
“ใช้ทั้งกระบี่ฟ้าและตราดินแล้ว เจ้ามีความสามารถเพียงเท่านี้น่ะหรือ” ร่างของหลัวซิวค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาจากเปลวเพลิงลุกโชนสีดำ แล้วกล่าวอย่างเย็นชา
เมื่อยืมพลังจากกระบี่ฟ้ามาใช้ การโจมตีของสวีเฟิงเทียบเท่าได้กับมกุฎยุทธ์ขั้น 9 แต่หลัวซิวที่โคจรพลังแปรเสวียนเทียนกลับเหนือกว่า
แต่น่าเสียดายที่พลังแปรเสวียนเทียนมีพลังสูงสุดเพียงรอยเท่าเท่านั้น เขาจำเป็นต้องใส่ใจในประเด็นนี้ไม่อย่างนั้นแล้ว พลังการโจมตีที่ปล่อยออกมานั้นจะน่าหวาดหวั่นมากกว่านี้
เขาไม่อยากใช้วิธีรีบลงมือรีบชนะ ทุกครั้งที่เขาโคจรพลังแปรเสวียนเทียน อันที่จริงแล้วคือการใช้โอกาสเพื่อรับรู้ถึงความลับของพลังแปรเสวียนเทียนเพื่อทดสอบว่าตนจะสามารถบรรลุสัจธรรมในแดนสี่ได้หรือไม่