Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1049 เคลื่อนกวาดเหล่าศัตรู

ตอนที่ 1049 เคลื่อนกวาดเหล่าศัตรู

ตอนที่ 1049 เคลื่อนกวาดเหล่าศัตรู
ศิลามังกรขด!

สื่อถึงจำนวนของพลังโชควาสนามหามรรคที่ผู้กล้าคนหนึ่งสามารถได้รับ

ปีนเขาลำบาก ครองภูผายิ่งยากกว่า

เมื่อยืนอยู่บนแท่นมรรคก็บ่งชี้ว่าอาจถูกผู้กล้าคนอื่นท้าทายได้ทุกเมื่อ

ซ้ำการท้าประลองนี้ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว หากเวลาหนึ่งก้านธูปไม่ปิดฉาก การต่อสู้ก็ไม่จบสิ้น!

สายตาหลินสวินจ้องมองศิลามังกรขดโดยละเอียดครู่ใหญ่ ไอสังหาร ปณิธานต่อสู้ เพลิงโทสะ ความภาคภูมิ… อารมณ์ความรู้สึกหลากหลายที่สั่งสมภายในใจ ทำให้จิตต่อสู้ในใจเขาฮึกเหิม พลุ่งพล่านตามไปด้วย!

นี่เป็นเพียงกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เท่านั้น

ในเมื่อตนมาแล้ว แน่นอนว่าเป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว…

อันดับหนึ่ง!

เพราะแต่ไหนแต่ไรอันดับหนึ่งของการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ นอกจากได้รับโชควาสนามหามรรคมากกว่าแล้ว ยังสามารถได้รางวัลฝึกปราณใน ‘แดนลับไร้มรณะ’ ครั้งหนึ่ง

ความอัศจรรย์ของแดนลับไร้มรณะนั้นง่ายมาก ผันเปลี่ยนกฎกาลเวลา!

บำเพ็ญเพียรในนั้นหนึ่งปี โลกภายนอกเพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งวัน วิธีการพลิกฟ้าเช่นนี้แม้แต่อริยะที่ก้าวสู่อริยมรรคล้วนได้แค่แหงนมองไม่อาจกระทำ!

เพราะกฎกาลเวลาคือกฎระเบียบสูงสุดแห่งสวรรค์ สูงส่งและไม่อาจคาดเดาเกินไป แม้แต่อริยะก็ได้แค่ทอดถอนใจว่า ‘กาลเวลาผ่านไปดั่งสายน้ำ ไม่อาจเปลี่ยนแปลง’

สำหรับหลินสวิน เวลาคือสิ่งเร่งด่วนที่เขาต้องการโดยไม่ต้องสงสัย

เพราะเขารู้ดีว่าช่องว่างระหว่างเขากับอวิ๋นชิ่งไป๋อยู่ที่การตกตะกอนของเวลา!

‘อันดับหนึ่งนี้ ข้าต้องเอามาให้ได้!’

หลินสวินพึมพำในใจ สีหน้านิ่งสงบแผ่เจตจำนงแห่งความเด็ดเดี่ยวไร้ขอบเขต

จากนั้น…

เขาเหลือบสายตาไปยังทางขึ้นเขาด้านล่าง

สามารถมองเห็นแต่ไกล ว่ามีเงาร่างมากมายดั่งอสรพิษกำลังพุ่งมาใกล้ยอดเขาด้วยความเร็ว

คนจำนวนมากเต็มเส้นทางสีทองกว้างห้าจั้ง พวกเขาต่างเข้าใจกันอย่างลับๆ ไม่ประชัน ไม่เข่นฆ่า

เพราะพวกเขาล้วนผูกพันธมิตร เล็งเป้าหมายสำคัญอันดับแรกไปที่หลินสวินคนเดียว!

หลินสวินสองมือไพล่หลัง ยืนนิ่งสงบ ชุดขาวพระจันทร์พลิ้วสะบัดกลางสายลม หมอกเมฆใกล้เคียงห้อมล้อม ขับเสริมร่างเขาจนโดดเด่นไร้มลทิน

นัยน์ตาดำลุ่มลึกเยียบเย็น เปี่ยมความเฉยชา

“เทพมารหลิน ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง กระโดดลงจากเขานี่ไปซะ พวกข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจอีก จะได้ไม่ต้องประสบความทุกข์ทนทางกาย!”

คนของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มาถึงแล้ว มองหลินสวินที่ยืนโดดเดี่ยวบนแท่นมรรค สีหน้าเปี่ยมความหยามเหยียดและอึมครึม

“เสวี่ยเชียนเหินและจางเจิงถูกทำลายปราณ ไม่ทำให้พวกเจ้าเข็ดเลยรึ” หลินสวินเอ่ยราบเรียบ

ประโยคเดียวทำเอาอีกฝ่ายสีหน้าพลันอึมครึม คล้ำเขียวหาใดเปรียบ

“กระโดดลงไป? นี่ไม่ง่ายกับเขาเกินไปรึ ถึงแม้ว่าบนเขาเทพไร้มรณะต่อให้สังหารเขาแล้วก็ไม่ตายจริง แต่ข้ายังคิดแล่เนื้อเถือหนังเขาทั้งเป็นทีละดาบ!”

เพียงชั่วขณะผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าก็มาถึง คนที่เอ่ยวาจาคือกระบี่นงคราญข่งหลิง นางเป็นทายาทเผ่านกยูงห้าสี สวมชุดกระโปรงแดงเพลิง ในดวงตาเปี่ยมความเกลียดชัง

ตอนนั้นกระบี่แสงราตรีของอวิ๋นชิ่งไป๋ถูกหลินสวินแย่งไปจากมือนาง นี่ทำให้นางเดือดดาลเกินต้าน รู้สึกอับอายด้วยเหตุนี้

“คนแพ้ยังกล้าเอ็ดตะโร ประเดี๋ยวจะถอนขนเจ้าให้หมดตัว!” หลินสวินยิ้มเยาะ สีหน้าไม่ยี่หระ

“เจ้ารนหาที่ตาย!” ดวงตาทั้งสองของข่งหลิงดุจเปลวเพลิงร้อนระอุ

“เทพมารหลิน สถานการณ์ตอนนี้เจ้าก็เห็น ไม่อยากแพ้จนน่าเกลียดก็รีบไสหัวลงมาจากแท่นมรรค!”

“ไสหัวลงมา!”

เวลานี้เหล่าผู้กล้าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ แดนพิสุทธิ์อมตะ สำนักยุทธ์สมุทรคราม เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬต่างทยอยมาถึง

พวกเขารวมตัวแออัดกันตรงนั้น ชี้นิ้วสั่งหลินสวินเอ็ดตะโรไม่หยุด สีหน้าบ้างเจือความเกลียดชัง บ้างแฝงไอสังหาร

“อาศัยคนเยอะกำลังมากก็คิดว่าไม่ต้องเกรงกลัวอะไรรึ เสียแรงที่พวกเจ้าทุกคนเรียกได้ว่าเป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณ ช่างอับอายขายขี้หน้า!”

นัยน์ตาดำลุ่มลึกของหลินสวินเยียบเย็น เสียงดั่งระฆังยักษ์สะท้อนก้องเหนือเมฆา “ข้าไม่มีอารมณ์มาพูดไร้สาระกับพวกเจ้า หากใครไม่พอใจก็ขึ้นมา!”

เขาท่วงท่าไร้มลทิน เหยียดหยันเหล่าผู้กล้า วาจาราบเรียบแต่มีความหยิ่งหยอง สะเทือนไปทั่วยอดเขาลูกที่เก้า ปั่นป่วนลมเมฆ!

ณ เชิงเขา ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยที่ติดตามการต่อสู้นี้นานแล้วดวงตาพลันเปล่งประกาย เรียกใบต้นข่าวสารทองคำที่เตรียมไว้ออกมา บันทึกฉากนี้ลงไปโดยไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย

บนยอดเขาเหล่าผู้กล้าเดือดดาล สีหน้าอึมครึม เดิมคิดว่าการมาด้วยท่าทีข่มขู่คุกคาม อย่างน้อยเทพมารหลินต้องหวาดกลัวอยู่สามส่วน ไหนเลยจะคิดว่าฝ่ายหลังยังกำเริบเสิบสาน ใจกล้าเหิมเกริมเช่นนี้!

“หึๆ ช่างเป็นพวกบ้าคลั่งรนหาที่ตายจริงๆ อาศัยเจ้าตัวคนเดียวยังกล้าคุยโวเช่นนี้รึ” มีคนยิ้มเยาะ สีหน้าหยามเหยียด

ตูม!

บนแท่นมรรคหลินสวินกดฝ่ามือลงไป ห้วงอากาศพลันปรากฏประทับฝ่ามือหนึ่ง แหวกความว่างเปล่าพิฆาตลงมา

ทุกคนรู้สึกเพียงเบื้องหน้าพลันพร่ามัว ประทับฝ่ามือนั้นดั่งตะวันดวงโตทะยานฟ้า เปล่งแสงเจิดจ้าถึงขีดสุด ความเร็วก็ไวจนหาใดเปรียบ

“อ๊าก…” คนผู้นั้นตะโกนลั่น เรียกสมบัติออกมาขวางทั้งยังหลบหลีกเต็มกำลัง แต่ล้วนไร้ประโยชน์

นี่คือผู้กล้าที่ครองพลังระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์คนหนึ่ง ทั้งยังเป็นศิษย์สืบทอดแท้จริงของสำนักโบราณแห่งหนึ่ง ผลตอนนี้คือถูกประทับฝ่ามือบดขยี้ราววัชพืช

พรูด!

ร่างกายเขาระเบิดออก ฝนโลหิตสาดกระจาย

การโจมตีนี้ของหลินสวินเรียกได้ว่าเผด็จการหาใดเปรียบ รวดเร็วดุดันไร้ใครเทียม ซัดอัจฉริยะสำนักโบราณผู้หนึ่งแหลกกระจุยพริบตา!

ฉากนองเลือดนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกฉับพลัน!

และเวลานี้หลินสวินยังยืนอยู่บนแท่นมรรคตามเดิม ชายเสื้อพลิ้วไหว นัยน์ตาดำเยียบเย็น กลิ่นอายว่างเปล่าไร้มลทิน ประหนึ่งว่าไม่เคยลงมือมาก่อน

ทุกคนสีหน้าแปรปรวนไม่หยุด บ้างตระหนกขุ่นเคือง บ้างก็นึกกลัว

“ทุกท่านเข้าไปพร้อมข้า สังหารเจ้าเดรัจฉานนี่ซะ!”

เห็นหลินสวินเชือดไก่ให้ลิงดูตัดขวัญกำลังใจ ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนหนึ่งพลันก้าวออกไปโดยไม่ลังเล

นี่คือชายหนุ่มสวมชุดป่านเท้าเปล่าคนหนึ่ง ยังไม่ทันสิ้นเสียงก็ทะยานเข้ามา เรียกบรรทัดหยกชิ้นหนึ่งออกมา ประดุจสายฟ้าสีน้ำเงินส่องสว่างชั่วนิรันดร์

กลิ่นอายบรรทัดหยกนี้แข็งแกร่งดุดัน เห็นชัดว่าเป็นยอดศาสตรามรรคราชันที่ชวนประหวั่นชิ้นหนึ่ง อานุภาพไม่ถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะ

ชิ้ง!

ข่งหลิงแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าเองก็ออกจู่โจม เรียกกระบี่นงคราญออกมา ปราณกระบี่เจิดจ้ายาวร้อยจั้งที่พรั่งพรูเจิดจรัสแสบตา

ไม่ว่าชายหนุ่มชุดป่านหรือข่งหลิงล้วนเป็นบุคคลที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ ยามนี้ลงมืออย่างแข็งกร้าวหาใดเปรียบ

เห็นดังนี้ผู้แข็งแกร่งที่เดิมลังเลอยู่บ้างก็ออกโจมตี เข้าสังหารหลินสวินที่อยู่กลางแท่นมรรคจากทั่วสารทิศ!

นี่ไม่ใช่การประลองบนสังเวียน ไม่มีคำว่ายุติธรรม การยืนเหนือแท่นมรรคก็ต้องพบเจอการล้อมปราบและรุมจู่โจม

ตู้ม!

ทั่วร่างหลินสวินปะทุแสงศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ไร้ขอบเขต ประหนึ่งคลื่นมหาสมุทรสุดลูกหูลูกตาโถมกระหน่ำ ส่องห้วงอากาศแถบนี้ให้สว่างไสว ขวางบรรทัดหยกนั่นเอาไว้

ขณะเดียวกันประทับปี้อั้นควบรวมออกมาราวกับเป็นของจริง ปลดปล่อยอานุภาพพิฆาตฟ้าดิน รับปราณกระบี่เจิดจ้าดุจหิมะนั่น

“ฆ่า!”

ศึกใหญ่จุดชนวนเปิดฉากโดยสมบูรณ์ในชั่วพริบตา

เหล่าผู้กล้าทรงพลังที่มาจากต่างขุมอำนาจต่างพุ่งสังหารไปยังแท่นมรรค พลานุภาพสะท้านฟ้าน่าหวาดกลัวไร้ขีดจำกัด

แต่หลินสวินไม่ถอยร่นกลับพุ่งเข้าไปรับ เปิดศึกใหญ่กับพวกเขาด้วยตัวเอง

ตั้งแต่เข้าสู่เขตหวงห้ามไร้มรณะ ตลอดทางขึ้นเขาก็ถูกคนหมายหัวทุกแห่งหน ตั้งท่าอยากกำจัดเขาให้สิ้นซาก

กระทั่งขึ้นเขา ผู้สืบทอดสำนักโบราณที่สง่าผ่าเผยกลับร่วมมือกันหมายจัดการตนคนเดียวอย่างไร้ยางอาย!

นี่จะให้หลินสวินอดกลั้นได้อย่างไร

ตัวตลกกระโดดโลดเต้นกลุ่มหนึ่งล่วงเกินกันหลายครั้ง หากไม่กำราบความหยิ่งทะนงของพวกเขาจนราบคาบ ต่อไปภายหน้ายังจะถามหาคุณธรรมอะไรได้

เหมือนที่จ้าวจิ่งเซวียนคาดเดาก่อนหน้า คราวนี้หลินสวินตัดสินใจลงมือสังหารครั้งใหญ่ ไม่เช่นนั้นคงไม่พอจะระบายความเดือดดาลภายในใจ!

ฆ่า!

นัยน์ตาเย็นชาของหลินสวินวาบแสงอสนี เงาร่างเปล่งประกายเจิดจรัสแสบตา ประหนึ่งตะวันเขียวสาดส่องภูผาธารา

ตูม!

นัยเร้นลับเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์โคจรบ้าคลั่ง พลังหมัดหลากสายปะทุพล่าน ดั่งเทพมารแกว่งหมัดทะลวงเวิ้งฟ้า

เสียงปึงดังสนั่น กระบี่นงคราญของข่งหลิงถูกซัดกระเด็นส่งเสียงครวญ ร่างอรชรของนางสั่นสะเทือน แทบร่วงคะมำออกไป

อีกฟากหนึ่ง บรรทัดหยกของชายหนุ่มชุดป่านถูกเท้าหนึ่งของหลินสวินเหยียบไว้ ไม่ว่าดิ้นรนอย่างไรล้วนไม่เป็นผล

พรูดๆๆ

และยามนี้ หลังจากพลังหมัดชวนสะพรึงที่สามารถสะท้านฟ้าสะเทือนดินนั่นของหลินสวินยิงพุ่งออกมา เงาร่างผู้กล้ามากมายที่เข้ามาใกล้ ยังไม่ทันหลบหลีกร่างกายก็ระเบิดออกราวดอกไม้ไฟเบ่งบาน ฝนโลหิตหลั่งรินโดยรอบ ย้อมห้วงอากาศเป็นสีชาด

ณ เชิงเขา เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น

หลังกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เปิดฉาก ผู้กล้าที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันมากมายเริ่มเคลื่อนไหวนานแล้ว เหลือเพียงพวกผู้เจนจัด ผู้ติดตาม ข้าบ่าวรับใช้เก่าแก่บางส่วนที่อยู่ตรงเชิงเขา

เมื่อมองเห็นภาพนี้ต่างเลี่ยงไม่ได้ที่จะตกตะลึง หน้าพลันเปลี่ยนสี

ผู้สืบทอดสำนักโบราณเหล่านั้นแต่ละคนล้วนเป็นพวกชั้นยอดในรุ่นเดียวกัน อิทธิพลดั่งดวงตะวันโชติช่วง บัดนี้รวมตัวจ่อคมศาสตราใส่หลินสวินคนเดียว พลังเช่นนั้นน่าหวาดกลัวระดับไหน

แต่ผลคือหลินสวินรับมือได้ ทั้งสบายหาใดเปรียบ เปิดฉากสังหารครั้งใหญ่อย่างแข็งกร้าวดุจเทพมาร ตัดสลับไปมาบนแท่นมรรค!

“ตาย!”

หลินสวินกางนิ้วออก ธารดาราลุกโชนสายหนึ่งแผ่ขยายกลางอากาศ ผลาญนภาทลายปฐพี ระเบิดร้อนแรงน่าตื่นตะลึง

วิชามรรคชั้นเลิศ มรรคธารดาราหลอมเพลิง!

อาศัยพลังมหามรรคธาตุไฟขั้นแก่นมรรค ทันทีที่วิชามรรคส่วนนี้สำแดง บนแท่นมรรคดั่งมีดาวดวงโตลุกโชนมากมายระเบิดออก

พลังทำลายล้างชวนประหวั่นนั่นกลืนกินเหล่าผู้กล้าสิบกว่าคนตรงนั้นทันที ส่งเสียงร้องทุรนทุรายโหยหวนหาใดเปรียบ

“ไอ้มารผจญเจ้าบังอาจ!” ชายหนุ่มชุดป่านโกรธจัด บรรทัดหยกเปล่งแสงแวววาว ซัดสาดรัศมีสายฟ้าพันหมื่นชั้นออกมา

“ไสหัวไป!” หลินสวินที่กำลังพุ่งสังหารไม่แม้แต่หันหลังกลับ เงามายาสัตว์เทพฟู่ซี่ปรากฏจากแผ่นหลัง ทะยานฟ้าออกไป

พริบตานั้นชายหนุ่มชุดป่านและบรรทัดหยกในมือเขาถูกซัดละลิ่วไปพร้อมกัน ภายในร่างส่งเสียงกระดูกแตกละเอียด ทำเอาเขาจมูกปากกบเลือด เกือบประสบเคราะห์

ตูม!

ขณะเดียวกันพลังหมัดหลินสวินดุจมังกรคำรามก้องฟ้าดิน พุ่งเข้ารับผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะ พลังหมัดแข็งแกร่งไม่มีสิ่งใดไม่อาจทำลาย อานุภาพไร้ขีดจำกัด สยบศัตรูทั่วทิศ!

ณ เชิงเขา เหล่าผู้เจนจัดและข้ารับใช้แต่ละขุมอำนาจต่างใจสะท้าน พวกเขาส่วนใหญ่เพิ่งเคยเห็นหลินสวินลงมือเป็นครั้งแรก เดิมคิดว่าบุคคลแห่งยุคคนเดียว ต่อให้แกร่งแค่ไหนภายใต้สถานการณ์ที่ถูกล้อมกรอบก็คงหนีคราวเคราะห์ไม่พ้น

แต่ใครเล่าจะคาดคิด เทพมารหลินนี่แข็งแกร่งกว่า น่ากลัวกว่าคำเล่าลืออยู่โข!

เขาแค่ตัวคนเดียว แต่อานุภาพกลับเปี่ยมล้นฟ้าดิน ครองแท่นมรรคนั่นดั่งเจ้าเหนือหัว เคลื่อนกวาดศัตรูทั้งมวล!

………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท