มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 650
ที่เรียกว่าการผสมผสานการป้องกันและโจมตี ดูเหมือนจะยอดเยี่ยม แต่อันที่จริงแล้วสำหรับของขลังชิ้นหนึ่ง การโจมตีและการป้องกันต่างไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก
พูดได้ว่า หากเป็นของขลังที่ใช้ในการป้องกันหรือการโจมตีเพียงด้านใดด้านหนึ่ง จะมีพลังที่มีกว่า
กระบี่ขลังชั้นสูงที่มีคุณสมบัติแห่งความตายนี้ เป็นของขลังที่ใช้ในการโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย หากมีมัน ก็จะทำให้ความสามารถในการโจมตีของหลัวซิวพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น
ตำสำนึกได้แทรกซึมเข้าไปในกระบี่สีดำเล่มนี้ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบี่เล่มนี้ส่งผ่านไปยังตัวหยั่งรู้
กระบี่เล่มนี้มีชื่อว่ากระบี่เสวียนยวน เสวียนหมายถึงสีดำ สีดำเป็นสีแห่งความลึกลับ เรียกได้ว่าในสีดำยังมีสีดำ ลึกลงไปราวกับขุมนรก จึงเป็นที่มาของชื่อนี้
วัสดุที่ใช้หลอมกระบี่เสวียนยวนเล่มนี้ คือเหล็กดำมรณาระดับแปด
หลัวซิววางกระบี่เสวียนยวนลงก่อน จากนั้นจึงหยิบกล่องหินสีน้ำเงินออกมา บนกล่องหินสลักยันต์ที่มีออร่าปิดผนึกอยู่
แม้ว่าในใจจะพอคาดเดาถึงสมบัติที่อยู่ในกล่องหินใบนี้ได้ แต่หลัวซิวก็แทบทนรอไม่ไหวที่จะเปิดมัน
ขณะที่กล่องหินถูกเปิดออก หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ซ่งยืนอยู่ในห้อง ก็สัมผัสได้ถึงออร่าของความเย็นยะเยือกอย่างรุนแรง
“หนาวจังเลย ด้านในคือของอะไรกันแน่ ?” เหยียนเยว่เอ๋อร์หนาวสั่น ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่กลัวความหนาวเย็นมาช้านาน นี่เป็นครั้งแรกที่นางสัมผัสได้ถึงความเย็นเช่นนี้
“ภูตอัคคีเปลวเยือก” หลัวซิวหรี่ตาลง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ถึงแม้เหยียนเยว่เอ๋อร์จะรู้สึกหนาวเย็นเป็นอย่างยิ่ง ที่ในความเป็นจริงแล้วเปลวไฟของภูตอัคคีเปลวเยือก กลับไม่มีความเย็นแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน กลับมีอุณหภูมิที่สูงจนน่าตกใจ และเมื่อภูตอัคคีเปลวเยือก ต้องการรักษาอุณหภูมิที่สูงเช่นนี้เอาไว้ จึงต้องดูดซับความร้อนจากโลกอย่างต่อเนื่อง
และสาเหตุที่เขากับเหยียนเยว่เอ๋อร์รู้สึกหนาวเย็นก็เป็นเพราะ ความร้อนที่อยู่โดยรอบถูกภูตอัคคีเปลวเยือกดูดซับไปจนหมด ถึงขั้นว่าแม้แต่ความร้อนในร่างกายของคน ภูตอัคคีเปลวเย็นก็จะดูดซับจนหมดเช่นกัน
ภูตอัคคีกลืนกินจะเผาทำลายทุกอย่างจนเหลือเพียงความว่างเปล่า จนไม่เหลือแม้ฝุ่นผง ส่วนภูตอัคคีเปลวเยือกกลับดูดซับความร้อนจากทุกสรรพสิ่ง หากสัมผัสเข้าเพียงเล็กน้อย เกรงว่าคงทำให้คู่ต่อสู้ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ตุบ !
หลัวซิวปิดฝากล่องหินลง ถึงแม้รอบห้องจะมีการตั้งค่ายกลที่มีออร่าปิดกั้น แต่สมบัติล้ำค่าอย่างภูตอัคคีนี้ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน จึงควรระมัดระวังเอาไว้จะเป็นการดี
จากนั้นหลัวซิวก็ยื่นมือไปหยิบแผ่นหยกในกล่องไม้ออกมาอีก ของที่เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวให้คนนำมามอบให้ แผ่นหยกนี้เป็นของชิ้นสุดท้าย
เนื้อหาในแผ่นหยก ทำให้ใบหน้าของหลัวซิวปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง เพราะด้านในมีการบันทึกวิชายิ่งเลิศเอาไว้ ชื่อว่าวิชาหลอมอัคคี
ที่เรียกว่าวิชาหลอมอัคคี ความหมายของชื่อก็คือวิชาการกลั่นเปลวไฟ ถึงแม้ชื่อจะฟังดูธรรมดา แต่ด้านในกับบันทึกเกี่ยวกับวิชาฝึกตนพลังไสยอัคคีเอาไว้
จากคำอธิบายในแผ่นหยก หากต้องการฝึกวิชาหลอมอัคคีนี้ จะต้องมีพลังไสยอัคคี เพียงแต่พลังไสยอัคคีก็แบ่งออกเป็นพรสวรรค์และหลังกำเนิด
ที่เรียกว่าพรสวรรค์ ย่อมหมายถึงมีพลังไสยอัคคีติดตัวมาแต่กำเนิด ซึ่งเรียกว่าพลังไสยอัคคีพรสวรรค์
ส่วนหลังกำเนิด ย่อมหมายถึงจอมยุทธ์ผ่านการฝึกตนแล้ว ร่างกายภายในมีการผนึกรวมพลังไสยอัคคีออกมา
ในบันทึกวิชาหลอมอัคคี มีวรยุทธ์อยู่หนึ่งวิชา ซึ่งอธิบายเกี่ยวกับวิธีการที่จอมยุทธ์จะสามารถฝึกตนพลังไสยอัคคีหลังกำเนิดออกมาได้
แต่หลัวซิวไม่จำเป็นต้องฝึกวรยุทธ์ในวิชาหลอมอัคคี เพราะพลังไสยอัคคีภายในร่างกายของเขา ที่จริงแล้วคือพลังไสยอัคคีพรสวรรค์ ซึ่งเป็นพลังที่มาจากโรคชีพจรขาดธาตุไฟของลู่เมิ่งเหยา
สมบัติทั้งสี่ชิ้น ทุกชิ้นล้วนมีประโยชน์มหาศาล ขอเพียงแค่นำออกมาใช้งานอย่างเต็มที่ หลัวซิวเชื่อว่าความสามารถทั้งหมดของตนเองจะถูกพัฒนาขึ้นอย่างมาก