มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 688
“เจ้าเป็นใคร?” หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามั่นใจได้ว่าในบรรดาอัจฉริยะหนุ่มสาวทั้งยี่สิบคนไม่มีสตรีเช่นนี้อยู่
ดังนั้นหลัวซิวเลยนึกถึงเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ฝึกตนอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลานานพวกนั้น ภายในใจก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มานี้ เขาก็ได้รับรู้ถึงเรื่องราวบางอย่างในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่าผู้ที่มีคุณสมบัติฝึกตนอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระยะยาวได้ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขึ้นไป
สตรีผู้พราวเสน่ห์นางนี้สวมด้วยชุดผ้าโปร่งสีดำ เรือนร่างอ่อนช้อยงดงามผลุบ ๆ โผล่ ๆ เต็มไปด้วยความเย้ายวนชวนหลงใหล
ใบหน้าของนางงดงามจนทำให้คนรู้สึกหลงใหล แฝงไปด้วยความป่าเถื่อน ทำให้ห้ามใจไม่ได้ที่จะกำราบนาง
“เจ้าหนุ่ม เจ้านายของข้าต้องการพบเจ้า” สตรีผู้พราวเสน่ห์ในชุดผ้าโปร่งสีดำยิ้มอย่างน่าหลงใหลพลางกล่าว
“ข้าไม่รู้จักเจ้านายของเจ้า” หลัวซิวมีท่าทางเฝ้าระวัง เพราะเขาไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายมาหาตัวเองนั้นมีจุดประสงค์อะไร
หากเป็นศัตรู เช่นนั้นเขาคงต้องมีอันตรายแล้ว
“เจ้าต้องไม่รู้จักเจ้านายของข้าแน่นอนอยู่แล้ว” สตรีในชุดผ้าโปร่งสีดำยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “ทำให้เจ้านายต้องการพบได้ นับเป็นกียรติของเจ้า”
“ขออภัยด้วย ข้าไม่มีเวลา” ในขณะที่พูด ร่างของหลัวซิวก็เคลื่อนไหว ใช้วิชาล่องหนเพื่อถอยห่างออกมา
“เหอะ ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะตัดสินใจได้”
สำหรับการเคลื่อนไหวของหลัวซิว สตรีในชุดผ้าโปร่งสีดำไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด นิ้วมือจิ้มลงไปในอากาศ ช่องว่างในอากาศบริเวณหนึ่งก็แตกสลายไปทันที บีบให้ร่างของหลัวซิวปรากฏออกมา
จากนั้นก็ไม่รอให้หลัวซิวได้มีโอกาสตอบโต้เลยสักนิด มวลอากาศสีดำได้ม้วนร่างของเขาขึ้นมา และหายไปกับที่ทันที
หลัวซิวรู้สึกฟ้าพลิกแผ่นดินตลบ มวลอากาศสีพันธนาการร่างของเขาเอาไว้ พลังจิตแท้ในร่างกายและร่างเนื้ออสุราล้วนไม่สามารถใช้ได้ เห็นได้ว่าความสามารถของเขาและสตรีในชุดผ้าโปร่งสีดำนั้นแตกต่างกันเพียงใด
จากนั้นไม่นาน เมื่อการมองเห็นตรงหน้าของหลัวซิวกลับเป็นปกติ ก็พบว่าตนได้มาอยู่ในตำหนักใหญ่แห่งหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย
ในตำหนัก มีสตรีชุดม่วงนางหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์หยกขาว ที่ด้านข้างของนาง นั่งอยู่ด้วยชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงผู้หนึ่ง
สตรีชุดม่วงดูแล้วอายุราวยี่สิบกว่า เหมือนจะเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง แต่กลับมีท่าทางสูงศักดิ์เหนือคนทั่วไป ชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงผู้นั้นสีหน้าไร้ความรู้สึก รอบกายพลุ่งพล่านไปด้วยกระแสพลังอันมหาศาลที่มิอาจคาดเดาได้
ทั้งสองคนนี้ หลัวซิวมองความตื้นลึกหนาบางไม่ออกเลยสักนิด ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่พลังชีวิตในร่างกายของอีกฝ่ายก็ยังสัมผัสไม่ได้ หากไม่ได้เห็นกับตา เขาไม่มีทางที่จะค้นพบทั้งสองคนนี้ได้เลย
“ผู้น้อยหลัวซิว คารวะผู้อาวุโสทั้งสอง”
หลัวซิวทำความเคารพอย่างนอบน้อม ดูจากโครงสร้างของตำหนักแห่งนี้ เขาสามารถเดาออกได้ว่า ทั้งสองท่านน่าจะเป็นบุคคลใหญ่โตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เพราะต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรอย่างสี่เจ้ายุทธจักร กระแสสัมผัสพลังชีวิตของเขาก็ยังสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของพวกเขาได้ แต่ทั้งสองท่านนี้กลับล้ำลึกจนมิอาจคาดเดา จักต้องเป็นระดับยอดบุคคลในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขึ้นไปอย่างแน่นอน
“หลัวซิว ข้าคือเทวทูตจื่อเยียนแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของโลกแสงดาว ส่วนคนที่อยู่ข้างกายของข้าผู้นี้คือเจ้าแดนแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของโลกแสงดาวหลิวหงเทียน”
สตรีชุดม่วงเอ่ยขึ้นมาอย่างช้า ๆ มือลูบแมวสีดำที่นอนอยู่บนเข่าทั้งสองข้างเบา ๆ และในตอนที่หลัวซิวสังเกตเห็นเจ้าแมวตัวนี้ แมวตัวนี้ก็ได้มองมาที่เขาพอดี สายตาที่เหมือนกับสายตามนุษย์นั่น ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยนักง
เมื่อได้ยินถึงสถานะของสตรีชุดม่วงและชายชรารูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นรัวขึ้นมา ท่านหนึ่งคือเทวทูต อีกท่านคือเจ้าแห่งดินแดน เรียกว่าเป็นบุคคลระดับสุดยอดในสุดยอดของโลกแสงดาวก็ไม่มากเกินไป
“หลัวซิว เจ้าคิดว่าโลกแสงดาวใหญ่หรือไม่?”
เหนือความคาดหมายของหลัวซิว จู่ ๆ เทวทูตจื่อเยียนก็เถามคำถามเช่นนี้ขึ้นมา
บทที่ 687
บทที่ 689