มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 707
หลิงหงเทียนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีแล้ว เทวทูตจื่อเยียนนั้นเป็นถึงเทพมารที่ฝึกฝนกฎความตาย และยังเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดในหมู่เทพมารความมหัศจรรย์ที่แม้แต่นางยังมองไม่ออก หลัวซิวสามารถเข้าใจได้อย่างไร?
เทวทูตจื่อเยียนเห็นท่าทางของหลิวหงเทียน ก็รู้ว่าในใจเขาคิดสิ่งใดอยู่ ดังนั้นก็เลยได้กล่าวอธิบาย: “นี่น่าจะเป็นทักษะยุทธ์ที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะเป็นเค้าโครงของจุลอมตะหรือเค้าโครงของพลังอมตะ แต่ก็เป็นเพียงเค้าโครงเท่านั้น จะสามารถสำเร็จเป็นพลังอมตะที่แท้จริงได้หรือไม่ ยังต้องดูว่าในด้านการตระหนักรู้กฎของเขาจะสามารถบรรลุถึงแดนไหนได้”
มีอัจฉริยะมากมายที่สามารถสร้างทักษะยุทธ์ที่มีเค้าโครงของพลังอมตะขึ้นมา แต่ผู้ที่สามารถบรรลุถึงแดนเทพฟ้า เปลี่ยนแปลงเค้าโครงของพลังอมตะให้กลายเป็นพลังอมตะที่แท้จริงได้ กลับหาได้ยากมากเลยทีเดียว
เค้าโครงของพลังอมตะนั้นไม่เป็นที่หายาก พลังอมตะที่แท้จริงถึงเป็นที่น่าสะพรึงกลัว!
แต่อย่างไรก็ตามในการเผชิญหน้าในระดับเดียวกัน ผู้ที่เข้าใจถึงเค้าโครงของพลังอมตะ แทบจะสามารถจัดการกับคนอื่น ๆ ได้โดยง่าย หรือต่อให้เป็นผู้ที่เคยได้ฝึกพลังอมตะที่แท้จริงมา ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของผู้ที่เข้าใจถึงเค้าโครงของพลังอมตะได้
เพราะเค้าโครงพลังอมตะนั้นเป็นสิ่งที่คิดค้นขึ้นด้วยตนเอง ส่วนคนที่ได้ฝึกพลังอมตะที่แท้จริงนั้น กลับได้เดินตามเส้นทางของคนรุ่นก่อน เป็นไปไม่ได้ว่าจะเหมาะสมกับตนเอง และไม่สามารถแสดงอานุภาพของพลังอมตะออกมาได้อย่างเต็มที่
เค้าโครงพลังอมตะนั้นมีกำลังแฝง ก็เหมือนกันกับกำลังแฝงของอัจฉริยะ กำลังแฝงไม่ได้หมายถึงความสำเร็จ!
เจ้าแดนหลิวคิดว่า ความสามารถของหลัวซิวนั้นสามารถสังหารเจ้ายุทธจักรได้จริง ให้เวลาที่เพียงพอกับเขา เจ้ายุทธจักรขั้นปฐมภูมิทั้งสามคนในชั้นที่สี่ของหอคอยสุดหล้า เขาสามารถสังหารได้
แต่ถ้าหากจะต้องสังหารให้ได้ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
เพราะเวลามีไม่พอแล้ว และเขาพึ่งสังหารไปได้แค่เจ้ายุทธจักรกลั่นร่าง นอกจากนี้ตนเองยังได้รับบาดเจ็บ
ในหอคอยสุดหล้า หลัวซิวมองข้ามอาการบาดเจ็บของตนเองไปโดยสิ้นเชิง และฝืนขับเคลื่อนพลังแห่งกฎความตาย มือซ้ายแสดงทักษะยุทธ์กระบี่หมัดออกมา มือขวาแสดงตราทวยมรณะ!
ภายใต้การโจมตีของกระบี่หมัดและตรามรณะ เจ้ายุทธจักรกลั่นวิญญาณถูกเขาสังหารในทันที แต่ก่อนที่เจ้ายุทธจักรกลั่นวิญญาณจะตายไปนั้นก็ได้จู่โจมด้วยพลังทั้งหมดออกมา บวกกับการโจมตีของเจ้ายุทธจักรที่มีพลังจิตแท้ล้ำลึกผู้นั้น ทำให้หลัวซิวได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง
และครั้งนี้ เขาได้รับบาดเจ็บหนักยิ่งกว่าเดิม เกิดรอยแผลขึ้นมาที่ตรงกลางระหว่างคิ้ว เลือดไหลหยดย้อย ที่แผ่นหลังของเขานั้นเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดสด ๆ ถึงขนาดที่มองเห็นได้แม้กระทั่งกระดูกสีขาว
วินาทีนี้ หลัวซิวแทบจะใช้พลังไปจนหมดแล้ว แต่คู่ต่อสู้ของเขา ยังเหลือเจ้ายุทธจักรอยู่อีกหนึ่งคน
“พินาศไปด้วยกันเถอะ!”
หลัวซิวตัดสินใจอย่างโหดเหี้ยม เมินเฉยต่อการโจมตีของอีกฝ่าย เพิ่มระดับความเร็วของการเคลื่อนไหวจนถึงขีดสุดกระโจนเข้าไปยังตรงหน้าของอีกฝ่าย กระบี่หมัดและตรามรณะถูกซัดออกไปพร้อมกัน
ตูม!
ในวินาทีที่สังหารคู่ต่อสู้ หลัวซิวเองก็ได้รับบาดเจ็บอีกเช่นเดียวกัน อย่างไรเสียการโจมตีด้วยวิชายิ่งเลิศของผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักร อานุภาพทรงพลังไม่น้อย
บาดแผลขนาดใหญ่เป็นที่น่าหวาดกลัว จากบริเวณคอของหลัวซิว ยาวลงไปจนถึงเอว มองเห็นแม้กระทั่งหัวใจที่เต้นอยู่อย่างเลือนราง
“ออกไป!”
ในตอนที่เขากำลังจะสิ้นสติไปนั่นเอง หลัวซิวก็เอ่ยออกมาสองพยางค์อย่างหมดแรง จากนั้นร่างของเขาก็หายไปจากพื้นที่ในชั้นที่สี่ของหอคอยสุดหล้า
จนกระทั่งเงาร่างของหลัวซิวได้หายไปจากหอคอยสุดหล้า เจ้าแดนหลิวผู้นั้นก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา
“เจ้าหนุ่มคนนี้เหี้ยมโหดพอ! ปณิธานแรงกล้า!”
สิ่งที่ทำให้เจ้าแดนหลิวตกตะลึงอีกครั้งไม่ใช่การที่หลัวซิวทะลวงผ่านชั้นที่สี่ของหอคอยสุดหล้ามาได้ แต่เป็นความใจกล้าเหี้ยมโหดในตอนสุดท้ายของเขา
มีอยู่หลายครั้ง การต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ที่ฝีมือต่างกันไม่มาก ผู้ที่มีปณิธานแรงกล้า โดยธรรมดาแล้วจะกลายเป็นผู้ชนะในที่สุด
ถึงขนาดที่มีบางคนสามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งแม้ตนเองจะอ่อนแอกว่าได้ มิใช่ว่ามีความสามารถในการต่อสู้ข้ามขั้น แต่เป็นเพราะมีปณิธานอันแรงกล้า