มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 683
ก่อนที่จะเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซิงหลิงก็ได้รับรู้มาจากผู้เป็นพ่อของตนเองแล้วว่า การประลองยุทธ์เพื่อชิงรายชื่อเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเพียงแค่การแสดงของพวกเด็ก ๆ เท่านั้นเอง แต่ทันทีที่เข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่แสดงออกได้โดดเด่นที่สุด มีความเป็นไปได้สูงว่าจะได้รับการให้ความสำคัญและอบรมเลี้ยงดูจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ตอนแรกนั้นซิงหลิงไม่เข้าใจ ตำหนักดารานภาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับนิรันดร์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดในโลกแสงดาวแล้ว เหตุใดถึงยังให้ความสำคัญกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้?
แต่สำหรับเรื่องนี้นั้น ท่านพ่อมิได้อธิบายใด ๆ กับเขา เพียงแค่บอกว่ารอจนเขาถึงระดับที่แน่นอน ก็จะเข้าใจเอง
ได้ทำการตระหนักรู้ร่องรอยแห่งกฎอยู่ในตำหนักเต๋าเป็นเวลาสองเดือน ทำให้ซิงหลิงตระหนักรู้ถึงพลังแห่งกฎเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งใหม่ทั้งหมด
จากนั้นเขาก็ออกจากการปิดขังทันที และไปทะลวงหัวคอยสุกหล้าชั้นที่สามใหม่อีกครั้ง ภายใต้การร่วมมือโจมตีจากผู้แข็งแกร่งมหายุทธ์ช่วงปลายทั้งสาม สามารถอดทนเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปได้สำเร็จ
แต่ซิงหลิงกลับไม่ได้พอใจเลยสักนิด เพราะการทะลวงด่านของหอคอยสุดหล้า ก็มีสองวิธีเช่นเดียวกัน วิธีแรกก็คือทนอยู่ด้านในเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป วิธีที่สองคือสังหารคู่สู้ทั้งสามคนให้ได้ในระยะเวลาหนึ่งก้านธูป!
ดังนั้นซิงหลิงจึงได้ใช้ระยะเวลาฝึกตนในตำหนักเต๋าที่เหลืออยู่ทั้งหมดโดยไม่ลังเล
“รอข้าออกจากการขังตนอีกครั้ง จะต้องสามารถผ่านชั้นที่สามไปได้อย่างสวยงามแน่!”
ในตำหนักเต๋า ดวงตาของซิงหลิงแพรวพราวไปด้วยแสงแห่งดวงดาว “ไม่มีผู้ใดสามารถโดดเด่นไปกว่าข้า สุดท้ายแล้วผู้ที่ได้รับการให้ความสำคัญจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเป็นข้าอย่างแน่นอน!”
ระยะเวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ซิงหลิงออกมาจากตำหนักเต๋า ฝีมือก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“ครั้งนี้ข้ามีความมั่นใจเต็มสิบว่าจะสามารถผ่านชั้นที่สามมาได้โดยใช้วิธีที่สอง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใจร้อนนัก ไปดูที่หอคอยร่างทองก่อนดีกว่า”
นับตั้งแต่ที่เขามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จนถึงตอนนี้ โดยไม่รู้ตัว อัจฉริยะหนุ่มสาวทั้งยี่สิบคนก็ได้ฝึกตนอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลาสี่เดือนกว่าแล้ว
การแข่งขันระหว่างกัน การแย่งชิงการจัดอันดับ ทำให้อัจฉริยะทุกคนต่างพยายามฝึกตนอย่างเต็มที่ ฝีมือรุดหน้าอย่างรวดเร็ว
ในสี่เดือนมานี้ผลการฝึกตนของคนจำนวนมากต่างก็มีการทะลวงขั้น โดยเฉพาะหวูหยุน ซิงหลิงและกุ่ยโยวทั้งสามคน ต่างก็มีผลการบรรลุถึงระดับมกุฎยุทธ์ขั้นเก้า อยู่ในจุดคอขวดที่จะทะลวงสู่แดนมหายุทธ์ได้ทุกเมื่อ
นี่หมายความว่า เมื่อใดที่ล้นคอขวดออกมา และทานยากลายร่างมังกรลงไป ผลการฝึกตนก็จะบรรลุถึงแดนมหายุทธ์ไปตามน้ำทันที!
เดิมทีพวกเขาก็เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุด ทันทีที่บรรลุถึงแดนมหายุทธ์ ความสามารถก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงทันที
“ครั้งนี้หลังจากทะลวงชั้นที่สามของหอคอยฝึกตนทั้งสี่แห่งไปได้ ข้าก็จะได้รับระยะเวลาฝึกตนเพื่อตระหนักรู้ร่องรอยแห่งกฎอยู่ในตำหนักเต๋าเป็นจำนวนมาก แดนมหายุทธ์ก็อีกไม่นานแล้ว!”
ในตอนที่ซิงหลิงมาถึงหอคอยร่างทอง อัจฉริยะบางคนที่ต่อแถวรอเข้าทดสอบต่างก็หลีกทางให้ แม้ว่าในใจของอัจฉริยะนั้นจะเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง แต่ก็ต้องดูเหมือนกันว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร
เมื่ออยู่ด้านหน้ายอดอัจฉริยะอย่างซิงหลิง อัจฉริยะอย่างพวกเขาก็หมดสีสันลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งสถานะหรือความสามารถผลการฝึกตน ต่างก็มิอาจเทียบได้
เมื่อคนที่ทะลวงด่านอยู่ในหอคอยร่างทองถูกส่งตัวออกมา ซิงหลิงไม่ได้ต่อแถว และก้าวเท้าเดินเข้าสู่ค่ายกลของหอคอยร่างทองทันที และคนอื่น ๆ ก็มิได้ขัดขวาง
ชั้นที่สามของหอคอยร่างทอง กระแสพลังอันดุร้ายที่แผ่ซ่านอยู่ด้านในได้เพิ่มเป็นการโจมตีระดับร่างเนื้ออสุราแดนมหายุทธ์ขั้นเจ็ดเป็นที่เรียบร้อย
แม้ว่าตัวสำนึกและพลังจิตแท้จะใช้ไม่เป็นผลในที่นี้ ทว่าพลังแห่งกฎกลับไม่ได้ถูกจำกัด ดังนั้นแม้ว่าแดนร่างเนื้อของซิงหลิงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในแดนมหายุทธ์ขั้นห้าเท่านั้น แต่ภายใต้การหนุนจากพลังแห่งกฎ ต้านทานการโจมตีจากกระแสพลังในแดนมหายุทธ์ขั้นเจ็ดนั้น นับว่าง่ายเพียงนิดเดียว
“ทะลวงให้ข้าในบัดนี้!”