หลัวซิวพลันลืมตาขึ้นมา ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนมกุฎยุทธ์ช่วงปลาย เช่นนั้นเป้าหมายต่อไปของเขา ก็คือบรรลุแดนมหายุทธ์!
“เพิ่มความแข็งแกร่งโดยอาศัยลูกแก้วเสวียนดำ ก็เท่ากับว่าข้ามีผลการฝึกตนในแดนมหายุทธ์ขั้นเจ็ด” ภายในใจของหลัวซิวรู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างมาก
แดนมหายุทธ์ นับว่าเป็นยอดฝีมือในบางพื้นที่ แต่สำหรับทั่วทั้งโลกแสงดาว กลับไม่นับอะไร
มีเพียงก้าวเข้าสู่แดนเจ้ายุทธจักร ถึงจะนับว่าได้เข้าสู่ระดับยอดฝีมือของโลกแสงดาว ต่อให้เป็นในแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ผู้แข็งแกร่งเจ้ายุทธจักรก็จะถูกให้ความสำคัญ แม้แต่เจ้ายุทธจักรขั้นปฐมภูมิธรรมดาทั่วไป อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถได้รับสถานะผู้อาวุโสนอกสำนัก
ทว่าหลัวซิวในตอนนี้กลับมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แม้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้ายุทธจักรขั้นผู้หนึ่ง ตราบใดที่ระดับแดนกฎของอีกฝ่ายไม่บรรลุถึงระดับความเข้าใจเบื้องต้น ตนก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้
และนี่ก็หมายความว่า ความแข็งแกร่งของเขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับยอดฝีมือของโลกแสงดาวแล้ว
“เจ้ายุทธจักรหงส์ แม้ว่าท่านจะไม่ใส่ใจเรื่องในสำนักหลัวเทียน แต่ข้าหลัวซิวกลับจำได้ขึ้นใจ!”
แม้ว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ความสามารถจะเพิ่มขึ้นมามาก แต่หลัวซิวรู้ดีว่าตนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้ายุทธจักรที่ถูกตั้งฉายา
เจ้ายุทธจักรที่ถูกตั้งฉายาสามารถข้ามแดนสังหารมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้ จะต้องไม่ใช่เรื่องพูดเล่น ๆ แน่
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองของภูตอัคคีฝึกฝนสำเร็จ หลัวซิวเองก็ได้บรรลุถึงแดนมกุฎยุทธ์ขั้นเจ็ด ในช่างเวลาไม่กี่วันต่อมา หลัวซิวก็ได้มุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การตระหนักรู้กฎ
ในเมื่อก่อน ผังกฎดั้งเดิมภาพที่สี่จับต้นชนปลายไม่ได้เลย และหลังจากที่แดนแห่งกฎของเขาบรรลุถึงแดนความเข้าใจเบื้องต้นช่างกลาง หลายจุดที่ไม่สามารถเข้าใจมาก่อน ต่างก็เริ่มเข้าใจขึ้น
……
บนจุดสูงสุดของยอดภูเขาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“เทวทูต หลัวซิวได้จากไปแล้ว” เจ้าแดนหลิวแดนมายังด้านหลังของเทวทูตจื่อเยียนและกล่าว
“อืม ข้าทราบแล้ว หวังว่าเขาจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” สายตาของจื่อเยียนมองทอดออกไปยังอากาศที่ไม่มีสิ้นสุด
“เหตุใดถึงไม่รั้งเขาไว้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์? สภาพแวดล้อมการฝึกตนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จากพรสวรรค์และมันสมองของเขา น่าจะเพิ่มระดับได้เร็วยิ่งกว่า” หลิวหงเทียนกล่าวด้วยความสงสัย
จื่อเยียนส่ายศีรษะ “อัจฉริยะทุกคนต่างก็มีโชคชะตาและโอกาสของตนเอง หากเราเข้าไปแทรกแซงมากเกินไป จะสิ่งผลกระทบต่อการพัฒนาตนเองของเขา”
“สิ่งที่ข้าชี้แนะเขาได้ก็ชี้แนะไปแล้ว ในอนาคตจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ต้องดูที่ตัวเขาเองแล้ว บางทีสักวันหนึ่ง เขาอาจจะมีความหวังอันเล็กน้อยที่จะกลายเป็นเทพฟ้าจริง ๆ ก็ได้” จื่อเยียนกล่าวเช่นนี้
อยู่ที่โลกแสงดาวมานับหมื่นปี ไม่เคยมีอัจฉริยะคนไหนที่เคยได้รับการประเมินที่สูงเช่นนี้จากนางเลย เพราะต่อให้เป็นในพิภพกลาง หมื่นปีถึงจะพบเทพฟ้าได้หนึ่งครั้ง ต่อให้มีความหวังเพียงน้อยนิดที่จะกลายเป็นเทพฟ้า ก็นับว่าเป็นพรสวรรค์เหนือมนุษย์แล้ว
อย่างไรก็ตามตัวจื่อเยียนเองก็รู้ดี ต้องการกลายเป็นเทพฟ้านั้นมันยากเพียงใด? ยกตัวอย่างในโลกเสวียนเทียน มีเทพฟ้าทั้งหมดสี่สิบสามคน และเทพฟ้าเหล่านี้ ล้วนเกิดจากยุคสมัยอันยาวนาน อายุขัยของเทพฟ้าบางคน ถึงขั้นที่มีอายุมานานหลายล้านปีเลยทีเดียว
ความยากลำบากในการบรรลุถึงเทพฟ้านั้นยากที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ แม้ว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ที่เพียงพอ ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถกลายเป็นเทพฟ้าได้ เพราะคนที่มีพรสวรรค์และมันสมองอันแข็งแกร่งนั้นมีอยู่มากมาย ประมาณทุก ๆ สิบปี ก็จะมีอัจฉริยะกลุ่มหนึ่งถือกำเนิดขึ้น ต่อให้เจ้าเป็นที่โดดเด่นในหมู่อัจฉริยะกลุ่มนั้น แต่ใครจะรู้ล่ะว่าอนาคตของเจ้าจะเป็นอย่างไร?
ตอนนี้พรสวรรค์ของเจ้าสูงส่ง ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะรักษาเอาไว้ได้ตลอดไป ไม่แน่พอถึงระดับที่แน่นอนระดับหนึ่งและกำลังแฝงถูกใช้จนหมดไป ก็จะตกอยู่ในธุลีแห่งประวัติศาสตร์
และไม่ใช่ว่าอัจฉริยะทุกคนจะเคยเป็นที่โดดที่สุดในหมู่อัจฉริยะ ในโลกเสวียนเทียนก็มีเทพฟ้าบางคนที่ไม่มีชื่อเสียงในช่วงวัยหนุ่มสาว ความสามารถไม่ได้เป็นที่โดดเด่น แต่ในเวลาต่อมา บรรดาผู้คนที่มีพรสวรรค์กว่าพวกเขา กลับถูกพวกเขาค่อย ๆ ตามมาทัน และแซงไปในที่สุด!