มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 749
ถึงแม้พลังของต้าวหวูซินจะเทียบได้กับเจ้ายุทธจักร แต่ภูตมารเป็นวิชาเงาลวง บ้างก็เป็นพลังของกฎความตายที่ผนึกกันขึ้นมา การโจมตีหลายครั้งมันไม่ได้ผล
และเหลียนเอ๋อร์ก็ได้เข้าใจกฎชีวิตดั้งเดิมบ้างเล็กน้อย แต่ระดับยังไม่สูงมากนัก จำนวนภูตมารก็มีมาก การชำระพลังชั่วร้ายของนางสู้กับความเร็วที่ภูตมารเข้ามารวมตัวกันไม่ได้
“พวกเจ้าสองคนมาฝั่งข้านี่” หลัวซิวใช้ตัวสำนึกส่งเสียงพูดออกมา
พอได้ยินเสียงที่หลัวซิวส่งมา ต้าวหวูซินกับเหลียนเอ๋อร์ถึงจะสังเกตเห็นทางฝั่งของหลัวซิว พอเห็น ก็ตาค้างพูดไม่ออก
เห็นภูตมารหลายร้อยตัวบุกกันเข้ามาล้อมรอบหลัวซิวไว้ แต่ภูตมารทั้งหลายเข้าใกล้ตัวไม่ได้เลย ถ้าเข้าใกล้ก็จะถูกเผาและกลั่นแปร ตอนนี้หลัวซิวเป็นเหมือนไฟที่ถูกโยนเข้าไปในกองฟาง เหมือนมาเพื่อจัดการกับภูตมารพวกนี้โดยเฉพาะ
“เหอะ ไอ้คนชุดดำก็ยังคงเก่งกว่าข้า” เหลียนเอ๋อร์บืนปาก
“คิดไม่ถึงว่าระดับพลังกฎเกณฑ์ของเขาจะสูงเช่นนี้” ต้าวหวูซินสาดสายตาไป
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม รอบๆ ทั้งสามคนก็ไม่เหลือภูตมารแล้วสักตัว และหลังจากที่หลัวซิวกลั่นแปรภูตมารไปเป็นพันตัวแล้วนั้น เพลิงมรณะที่เคลื่อนไหวรอบตัว ก็ดูเข้มข้นและแข็งแกร่งขึ้น
ตอนนี้เขาก็นั่งสมาธิลง ผลการฝึกตนกำลังมุ่งหน้าไปยังแดนมกุฏยุทธ์ขั้นแปด
“พี่หวูซิน ผลการฝึกตนของเขาไม่สูง ทำไมถึงได้เก่งกาจแบบนี้?” เหลียนเอ๋อร์ถามอย่างสงสัย พอได้เห็นเมื่อสักครู่นี้ นางก็ต้องยอมรับว่าที่คนอื่นบอกนางสู้หลัวซิวไม่ได้มันเป็นความจริง บางทีพี่หวูซินก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหมอนี่
“เพราะว่าระดับเข้าใจในกฎความตายมีสูงมาก” ต้าวหวูซินกล่าว
ในตอนนี้เอง หลัวซิวก็ลืมตาขึ้น ผลการฝึกตนได้บรรลุไปถึงขั้นมกุฏยุทธ์ขั้นแปดแล้วเรียบร้อย
และในตอนที่เขากำลังบรรลุขั้นอยู่นั้นเอง ลำตัวอันอ่อนช้อยของต้าวหวูซินก็สั่นเบาๆ รู้สึกได้ว่าแรงกดดันจากหลัวซิวมันจะบีบตนเองรุนแรงขึ้น
เห็นได้ชัดว่า พลังของหลัวซิวได้แข็งแกร่งขึ้นแล้ว
“ผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นแค่ขั้นเดียว แต่ข้ากลับรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นขนาดนี้ ความลับบนตัวเขามันคืออะไรกันแน่?” ต้าวหวูซินเอาสายตัวไปมองบนตัวของหลัวซิวอยู่บ่อยครั้ง
จากการสู้ครั้งใหญ่นี้ หลัวซิวไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย แถมยังเพิ่มผลการฝึกตนไปอีกครั้งหนึ่งอีก ต้าวหวูซินกับเหลียนเอ๋อร์กลับเสียแรงไปไม่น้อย ผมเพร่ายุ่งเหยิงไปหมด
เหลียนเอ๋อร์จ้องมองหลัวซิวอย่างสงสัย เพราะว่าความคิดที่ไม่ยอมแพ้ จากการประลองแพ้หลัวซิวมาครั้งก่อน ตอนนี้มันก็ได้หายไปหมดแล้ว แถมยังมีความชื่นชอบและเคารพหลัวซิวอยู่ลึกๆ
อย่างไรเสียเหลียนเอ๋อร์ก็เป้นแค่เด็กสาวที่อายุ10กว่าปีเท่านั้น ในโลกฝึกยุทธ์นี้ เด็กสาวจะชื่นชอบและเคารพผู้แข็งแกร่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ต้าวหวูซินก็จัดผมที่ยุ่งเหยิง “ถ้าครั้งนี้ไม่มีศิษย์พี่หลัวอยู่ด้วยล่ะก็ เมื่อครู่ที่เจอกับภูตมารกลุ่มนั้น ข้ากับเหลียนเอ๋อร์คงจะรับมือไม่ไหว”
“นั่นสิๆ พี่ชายเก่งมากเลย ข้าคงจะสู้เจ้าไม่ได้แล้วล่ะ” เหลียนเอ๋อร์ก็พูดเสริมอยู่ด้านข้าง แม้แต่คำที่ใช่เรียกหลัวซิว ก็เปลี่ยนจาก ไอ้คนชุดดำ เป็น พี่ชาย เสียแล้ว
ส่วนต้าวหวูซินใช้ฐานะที่เป็นเทพธิดาของสำนักดำเหลืองเรียกหลัวซิวว่าศิษย์พี่ ก็เพราะรู้ว่าพลังตนเองสู้เขาไม่ได้ ในโลกฝึกยุทธ์นี้ ล้วนนับคนแข็งแกร่งกว่าเป็นใหญ่ ถ้าต้าวหวูซินคิดว่าพลังของหลัวซิวสู้ตนเองไม่ได้ ก็จะไม่ลดฐานะตนเองไปเรียกหลัวซิวว่าศิษย์พี่หรอก
หลัวซิวก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เขาแค่อยากรู้ว่าที่เทวทูตจื่อเยียนบอกว่าที่นี่มีภูตอัคคี แล้วภูตอัคคีมันอยู่ส่วนไหนของเหวปีศาจมรณา
ฝ่ามือค่อยๆ เปิดออก เพลิงสีทองก็ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นจากฝ่ามือของหลัวซิว