Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1037 ทุ่งน้ำค้างแข็งผลึกเร้น

ตอนที่ 1037 ทุ่งน้ำค้างแข็งผลึกเร้น

ตอนที่ 1037 ทุ่งน้ำค้างแข็งผลึกเร้น
หลายปีก่อน ยามที่อยู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในแดนลับอสูรมารอริยะ เพราะเรื่องที่พ่ายแพ้ในเงื้อมือของหลินสวินพาให้ซูซิงเฟิงคับแค้นฝังใจมาจนบัดนี้

หลายปีต่อมา ซูซิงเฟิงไต่เต้าขึ้นสู่รายชื่อศิษย์แกนหลักแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอย่างราบรื่น เดิมทีคิดว่าเพียงพอจะล้างความอัปยศก่อนหน้านี้ได้แล้ว

แต่ที่ทำให้เขาไม่อาจยอมรับคือ หลินสวินในตอนนี้คือเทพมารหลินที่มีชื่อเสียงเกรียงไกร!

เขาไม่ยอม ไม่เต็มใจ ไม่ยินดีจะถูกหลินสวินบดบังรัศมีอีกครั้ง

ดังนั้นครั้งนี้เมื่อรู้ข่าวว่าหลินสวินปรากฏตัวที่แคว้นหมึกขาว ก็ตั้งใจไปดูศัตรูคู่แค้นที่ทำให้เขาแค้นฝังใจ ให้เห็นกับตาตัวเองว่าจะแข็งแกร่งขึ้นถึงขั้นไหนกันแน่

แต่ยามนี้ในที่สุดซูซิงเฟิงก็เห็นความน่ากลัวของหลินสวินเองกับตัว!

การโจมตีเพียงสามครั้ง เขาก็ถูกสยบโดยตรง ไร้ซึ่งความอนาทร ยิ่งไม่มีพลังขัดขืน ถูกบดขยี้อย่างสิ้นเชิง!

เมื่อเทียบกับหลายปีก่อน หลินสวินในตอนนี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนชัดๆ ฝีมือต่อสู้กร้าวแกร่ง อานุภาพอหังการ พาให้ซูซิงเฟิงยังรู้สึกหมดหวัง

ควรรู้ว่าเขาก็เองก็เหยียบย่างบนมกุฎมรรคาแล้วเหมือนกัน แต่ยามที่เผชิญหน้ากับหลินสวิน สิ่งที่แลกมาก็ยังเป็นจุดจบที่ถูกกำราบตามเคย!

และเวลานี้ ในที่สุดซูซิงเฟิงก็เพิ่งประจักษ์แจ้งว่าในช่วงหลายปีมานี้ที่ตนแข็งแกร่งขึ้น หลินสวินเองก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน แถมยังแกร่งจนห่างชั้นกันลิบลับ!

เขายังสงสัยว่าทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ เกรงว่าคงมีแต่เยี่ยนจั่นชิวลงมือด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะมีโอกาสกำราบหลินสวิน

เพียงแต่ไม่รอให้ซูซิงเฟิงคิดมากก็ถูกหลินสวินซัดสลบเหมือด

และจากนั้นครู่หนึ่ง ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอีกสิบหกคนที่เหลือต่างก็ถูกกำราบ ไม่มีใครรอด และไม่มีใครหลบหนีได้สักคน

……

เมืองเนินยุทธ์

สียามค่ำคืนเหมือนสายน้ำ แต่ในเมืองกลับสว่างไสว

ผู้ฝึกปราณตัวเปื้อนฝุ่นธุลีคนหนึ่งเพิ่งมาถึงนอกเมือง เตรียมจะเข้าไปในเมือง แต่พอช้อนสายตาขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจก็ปากอ้าตาค้างทันที

บนผนังกำแพงสูงตระหง่าน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่มีเงาร่างคนแล้วคนเล่าแขวนห้อยอยู่ ล้วนถูกมัดตัวแน่นหนา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เรียงแถวหน้ากระดาน

และบนนั้นก็เขียนอักษรเลือดตัวใหญ่ที่แสนอุกอาจสะดุดตาแถวหนึ่ง

‘ผู้สืบทอดสำนักใหญ่อันทรงเกียรติส่วนหนึ่ง กลับไม่สนศักดิ์ศรี สมคบคิดกับพวกสวะหมาทมิฬ พฤติกรรมต่ำช้า พาให้ผู้คนเคืองขุ่น ธรรมชาติเกินรับไหว!’

เมื่อเห็นฉากนี้ผู้ฝึกปราณก็สูดหายใจเฮือก ในใจสั่นสะท้าน

ไม่นานนักผู้ฝึกปราณที่รวมตัวกันนอกประตูเมืองก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมองเห็นภาพฉากนี้ต่างพากันหน้าเปลี่ยนสี ตื่นตระหนกไม่สิ้น

“เป็นใครกันถึงกับกล้าแขวนผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณไว้ตรงนี้ ประกาศศักดาต่อธารกำนัล”

ผู้คนมากมายต่างใจสะท้านสะเทือน

เมืองเนินยุทธ์นี้เป็นเมืองที่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณมากที่สุด แต่ยามนี้ ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณกลับถูกมัดตัวแน่นหนา แขวนประจานอยู่บนกำแพงเมือง นี่ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังตอกหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอยู่!

“สมคบคิดกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬหรือ หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เจ้าพวกนี้ก็ไร้ยางอายยิ่งแล้ว ใครไม่รู้บ้างว่าพวกหมาทมิฬเหล่านี้เป็นเผ่าหนึ่งที่ผู้ฝึกปราณในใต้หล้าชิงชังมากที่สุด”

และมีคนร้องอุทาน ข่าวที่ตัวอักษรเลือดแถวนั้นเปิดโปงช่างพาให้ผู้คนตกใจเสียจริง หากพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ชื่อเสียงของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณจะต้องแปดเปื้อนอย่างแน่นอน

“ต้องเป็นฝีมือเทพมารหลินแน่นอน! ก็มีแต่เจ้าหมอนี่ที่ใจกล้าทำเรื่องผิดมนุษย์มนาขนาดนี้!”

“ถูกต้อง หลายวันมานี้แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณไม่ได้ล่าตัวเจ้านั่นตลอดเลยหรือ เห็นชัดๆ ว่าทุกอย่างตรงหน้าก็คือการแก้แค้นจากเจ้านั่น”

ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ต่างเดาถึงชื่อนี้ออกมาได้โดยไม่ได้นัดหมายตั้งแต่จังหวะแรก ในใจก็ว้าวุ่นไม่หยุด ไม่อาจสงบสติอารมณ์

ก่อนหน้านี้ยามที่ได้ยินข่าวว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณล่าตัวหลินสวิน ยังมีผู้ฝึกปราณไม่น้อยตั้งใจจะชมเรื่องสนุก คิดว่าครั้งนี้เกรงว่าเทพมารหลินคงต้องตกที่นั่งลำบากเท่านั้นแล้ว

แต่ใครเลยจะคิดว่าคืนนี้เอง เทพมารหลินสวินก็สำแดงการตอบโต้!

หนำซ้ำการตอบโต้เช่นนี้ยังไม่ได้ปกปิดใดๆ เผด็จการเป็นที่สุด!

“พอเรื่องนี้แพร่ออกไป แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคงไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ แน่ หากไม่เหนือคาด ทั่วทั้งแคว้นหมึกขาวจะเริ่มเปิดฉากมรสุมลูกใหญ่ในคืนนี้…”

มีคนทอดถอนใจ สังหรณ์ใจว่าเรื่องในคืนนี้จะต้องสร้างคลื่นลมที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างแน่นอน

ไกลออกไปหลินสวินและเซียวชิงเหอเก็บสายตากลับมา ต่างฝ่ายต่างสบตากันปราดหนึ่ง พากันหัวเราะอย่างเงียบๆ

“เมื่อของขวัญชิ้นโตนี้ส่งออกไป ทั้งบนล่างแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณต้องเดือดดาลด้วยเหตุนี้เป็นแน่ และเจ้าเดรัจฉานเฒ่าซูคงที่สมคบคิดกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ไม่เพียงต้องแบกรับคำครหา แถมต้องให้คำอธิบายที่น่าพอใจแก่แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอีกด้วย หาไม่ ผลกระทบนี้ก็จะเลวร้ายเกินไป”

เซียวชิงเหอหัวเราะร่วนเอ่ยคำ

เขามาจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา เข้าใจพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของสำนักโบราณเหล่านี้เป็นที่สุด เพื่อศักดิ์ศรีและกิตติศัพท์ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลือกร่วมมือกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างโจ่งแจ้ง หาไม่คงถูกคนทั่วหล้าปรามาสแน่นอน

“แต่น่าเสียดาย ครั้งนี้ไม่ได้พบแม่นางจ้าวจิ่งเซวียนเลย”

เซียวชิงเหอชำเลืองมองหลินสวินปราดหนึ่ง

“ไม่ได้บอกว่านางมุ่งหน้าไปภูเขาเทพไร้มรณะแล้วหรือ พอดีเลย พวกเราก็ต้องไปร่วมศึกประลอง ‘กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์’ ด้วยเหมือนกัน ถึงตอนนั้นค่อยเจอกันก็ไม่เป็นไร”

สีหน้าหลินสวินราบเรียบ ความจริงแล้วในใจก็รู้สึกเสียดายน้อยๆ เช่นกัน

ครั้งนี้มุ่งหน้ามาแคว้นหมึกขาว เป้าหมายแรกเริ่มของเขาก็แค่อยากพบหน้าค่าตาจ้าวจิ่งเซวียน แต่คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะดึงดูดระลอกคลื่นเช่นนี้ขึ้นมาได้

แต่ว่าหลินสวินไม่นึกเสียใจด้วยซ้ำ

ความแค้นระหว่างเขากับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณผูกพยาบาทกันตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ต่อให้วันนี้ไม่ปะทุขึ้นมา วันหน้าก็ต้องระเบิดออกมาอยู่ดี

“แต่ข้าขอเตือนเจ้า ครั้งนี้คนที่เดินทางมุ่งสู่ภูเขาเทพไร้มรณะร่วมกับแม่นางจ้าวจิ่งเซวียน ยังมีเยี่ยนจั่นชิวเจ้าหมอนี่ด้วย”

เซียวชิงเหอเอ่ยเตือน “และเรื่องที่เจ้าทำลงไปในวันนี้ จะต้องเข้าหูเยี่ยนจั่นชิวตั้งแต่แรก ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อจ้าวจิ่งเซวียน แต่ลำพังเพื่อรักษาชื่อเสียงสำนักเอาไว้ เกรงว่าเยี่ยนจั่นชิวคงเห็นเจ้าเป็นหนามยอกอกอย่างแน่นอน”

หลินสวินพยักหน้า เขาย่อมรู้ดีว่าเรื่องราวที่ทำลงไปในคืนนี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์แบบใด

……

ผ่านไปหลายวัน แดนชัยบูรพาสั่นสะเทือน

หลินสวินซึ่งได้รับความสนใจเต็มเปี่ยมเพราะอยู่ในอันดับแรกของกระดานเกียรติภูมิผู้กล้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนร้องอุทานอีกครั้ง

มีคนคำนวณเวลา นับแต่เทพมารหลินเข้าสู่แดนชัยบูรพาจวบจนบัดนี้ยังไม่ครบสามเดือนดีด้วยซ้ำ ก็สร้างความปั่นป่วนให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์แห่งแคว้นกู่ชาง สำนักกระบี่เทียมฟ้าแห่งนครหยกขาว แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแห่งแคว้นหมึกขาวอย่างต่อเนื่อง!

สามขุมอำนาจใหญ่นี้ แต่ละที่ล้วนเป็นถึงสำนักโบราณชื่อเสียงเกรียงไกร รากฐานแน่นหนาไร้ใดเปรียบ!

แต่เด็กหนุ่มไร้สำนักปราศจากสังกัดอย่างเทพมารหลินกลับกล้าท้าทายสำนักโบราณ แต่ละครั้งล้วนสร้างคลื่นลมมหึมา จากนั้นก็จากไปอย่างผ่าเผย สิ่งนี้พาให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนรู้สึกสะท้านสะเทือนยิ่ง น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

สำนักโบราณที่กระจายตัวอยู่ในแดนชัยบูรพาใช่ว่ามีน้อย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึง ‘แหล่งกำเนิดแห่งเหล่าอริยะ’ ‘แดนอริยมรรคนิรันดร์’ อันเป็นที่ยอมรับในดินแดนรกร้างโบราณ

เดิมทีสำนักโบราณส่วนหนึ่งไม่ได้ใส่ใจต่อการปรากฏตัวอุกอาจของเทพมารหลิน คิดว่าเป็นเพียงเรื่องทะเลาะเล็กน้อยของเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง

แต่ยามนี้สำนักโบราณเหล่านี้ต่างถูกทำให้ตกใจ เริ่มเพ่งความสนใจไปที่ตัวเจ้าหนุ่มที่กร้าวแกร่งผงาดง้ำปานดาวหางคนนี้

มาจากโลกชั้นล่าง ไร้สำนักไร้พรรค ไม่มีรากเหง้า แค่ตัวคนเดียวลำพัง แต่กลับสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือสามสุดยอดสำนักโบราณโดยสวัสดิภาพอยู่บ่อยครั้ง นี่เห็นได้ชัดว่าผิดธรรมดายิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!

“เจ้านั่นเหมือนปีศาจ พฤติกรรมอุกอาจกำแหง ไร้ขื่อไร้แป เมื่อผงาดขึ้นมาจะต้องเป็นเภทภัยต่อใต้หล้า” สำนักไม่น้อยต่างออกความเห็นวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้

หลินสวิน คนหนุ่มไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง กลับกล้าท้าทายสำนักโบราณบ่อยครั้ง สิ่งนี้พาให้สำนักอื่นๆ ตื่นตัว ได้กลิ่นภัยคุกคามน้อยๆ แล้วเช่นกัน

“มหายุคใกล้มาเยือน การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อนกำลังสำแดงอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ ระหว่างการเชื่อมต่อเก่าและใหม่นี้ สามารถให้กำเนิดผู้กล้ารุ่นเยาว์อย่างเทพมารหลินขึ้นมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

สำนักโบราณส่วนใหญ่ต่างรักษาจุดยืนของการเป็นผู้ชมอยู่ด้านข้างไปพลางๆ บนโลกใบนี้ไม่มีวันขาดแคลนผู้กล้าและวีรชน ถึงแม้หลินสวินจะแกล้วกล้าน่าจับตามองในช่วงที่ผ่านมา แต่ว่ากันถึงที่สุดแล้ว สุดท้ายก็เป็นเพียงคนหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น

คนรุ่นเดียวกันที่โดดเด่นยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับเขาก็มีไม่น้อย กระทั่งคนที่โดดเด่นเป็นสง่ามากกว่าเขาก็ใช่ว่าไม่มีเลย

จะสามารถเหยียบย่างบนขอบเขตมกุฎระดับราชันในมหายุคได้หรือไม่ บางทีต้องรอถึงตอนนั้นจึงจะสามารถประเมินความตื้นลึกของรากฐานพลังและความสั้นยาวในมรรคาของเขาได้อย่างแท้จริง!

ขณะที่โลกภายนอกต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ หลินสวินและเซียวชิงเหอก็ได้ปรากฏตัวบนทุ่งน้ำค้างแข็งผลึกเร้นที่เวิ้งว้างร้างผู้คนแห่งหนึ่งตั้งนานแล้ว

ทอดสายตาไกลออกไป รอบด้านล้วนเป็นน้ำค้างเย็นน้ำแข็งหิมะ ฟ้าดินไพศาล สีขาวเงินทั้งแถบ

“ภูเขาเทพไร้มรณะตั้งอยู่ภายในแดนลี้ลับ หากคิดเข้าไปในนั้นจะต้องข้ามผ่านทุ่งน้ำค้างแข็งผลึกเร้นแถบนี้ให้ได้ก่อน”

เซียวชิงเหอพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือก ไอร้อนเพิ่งจะแผ่กระจายก็ถูกควบแข็งกลายเป็นแท่งน้ำแข็ง ร่วงตุบลงกับพื้น

“ที่แห่งนี้ลือกันว่าเป็นรังเก่าของเผ่าจู๋หลงบรรพกาล หนาวเย็นกรีดกระดูก สัตว์ปีศาจที่จำศีลอยู่ในนั้นมีเป็นฝูง อยากข้ามผ่านอย่างปลอดภัยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

เซียวชิงเหอแนะนำไปพลาง เหาะเหินมุ่งหน้าพร้อมกับหลินสวินไปพลาง

ยานขนส่งอวกาศถึงจะรวดเร็วถึงขีดสุด แต่ก็เปลืองแรงมหาศาลเช่นเดียวกัน หากไม่จำเป็นหลินสวินก็ไม่อยากขับสมบัติอริยะลำนี้โคลงเคลงข้ามเมืองไป

ยามนี้เหลือเวลาห่างจากการประชันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ราวๆ เจ็ดวัน จากการสันนิษฐานของเซียวชิงเหอ หากไม่เหนือความคาดหมายก็น่าจะเข้าสู่ภูเขาเทพไร้มรณะแห่งนั้นได้ก่อนเวลา

ท่ามกลางลมหิมะเวิ้งว้าง เงาร่างของทั้งคู่ถูกท่วมจมอย่างรวดเร็ว หายลับไปในที่ไกลๆ

ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงเข่นฆ่าอันดุเดือดก็ลอยมาจากระยะไกล หลินสวินและเซียวชิงเหอหยุดฝีเท้าทันควัน แผ่จิตรับรู้กระจายออกไป

บริเวณไกลๆ งูเหลือมยักษ์น้ำแข็งลำตัวยาวเต็มพันจั้ง ร่างหนาเท่าบ้านตัวหนึ่งห้อทะยานกลางอากาศ กำลังโรมรันดุเดือดกับชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่ง

งูเหลือมยักษ์น้ำแข็งทรงพลังไร้เทียมทาน ส่วนหัวมีเขาประหลาดคู่หนึ่งงอกออกมารำไร ถึงกับมีลักษณะจะกลายเป็นมังกร มันห้อทะยานกลางห้วงอากาศ ปลดปล่อยพลังน้ำค้างแข็งและประจุอสนี พาให้ฟ้าดินแถบนี้จมสู่ความสั่นสะเทือน อานุภาพดุร้ายท่วมฟ้า

สามารถกล่าวได้อย่างไม่เกินจริงแม้แต่น้อย ต่อให้ระดับกึ่งราชันมาเอง ก็ต้องฝังร่างอยู่กลางปากสัตว์ตัวนี้แน่นอน!

เพียงแต่เหนือความคาดหมายของหลินสวินและเซียวชิงเหอ ยามนี้งูเหลือมยักษ์น้ำแข็งกลับตกสู่สถานการณ์ถูกควบคุมโดยสิ้นเชิง!

ชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนนั้นมีผมยาวดั่งเพลิง มือกำดาบศึกสีเลือดยาวสี่ฉื่อ ตัวดาบคละคลุ้งด้วยแสงสายฟ้า ท่วงท่าอาจอง หยิ่งผยองกำแหง

รูปแบบการต่อสู้ของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวถึงที่สุด ดาบพุ่งดั่งฟ้าคำราม ว่องไวเต็มพิกัดทั้งยังเผด็จการ ไอดาบเจิดจ้าสายแล้วสายเล่านั้นประหนึ่งควบรวมมาจากสายฟ้าแห่งเก้าสวรรค์ พาดขวางกลางฟ้าดิน เปี่ยมด้วยกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึง พาให้ห้วงอากาศแตกกระจุยกลายเป็นเกลียวคลื่นแผ่กว้างไม่ขาดสาย

เพียงแค่ทอดมองจากไกลๆ ก็ให้บรรยากาศดุกร้าวเผด็จการบีบคั้นแก่ผู้คนได้แล้ว

ปึง!

ขณะที่หลินสวินและเซียวชิงเหอมองไป การต่อสู้ก็จวนจะยุติแล้ว ก็เห็นเงาร่างกำยำดั่งเพลิงสายนั้นห้อทะยานฟ้า ฟันดาบเดียวลงไป ราวกับสายฟ้าสีเลือดร่วงหล่นจากเวิ้งนภา

หัวของงูเหลือมยักษ์น้ำแข็งระเบิดกระจุยดังสนั่น!

แสงอสนีเจิดจรัสส่องสะท้อนบนเงาร่างกำยำที่ยืนถือดาบอยู่ตรงนั้น ทำให้เขาโดดเด่นสง่าสะท้านโลก ราวกับเทพไท้กลางดงดาบ

…………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท