มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 772
ปัง! ปัง! ปัง! ……
หมัดกระบี่เก้าสายโจมตีลงบนม่านแสงสีม่วงทอง กระหน่ำโจมตีจนสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีร่องรอบของรอยร้าวปรากฏให้เห็น
เห็นได้ชัดว่า เกล็ดสีม่วงแดงนี้ไม่ธรรมดา เกรงว่าต่อให้ผู้แข็งแกร่งระดับ เจ้ายุทธจักรช่วงปลายมา คิดจะทำให้ม่านแสงนั้นแตกออกก็คงยังต้องใช้เวลาอย่างมาก
“ข้าพูดแล้ว เจ้าตายแน่!” มีม่านทิพย์ป้องกันตัว เฟิงเฉิงโจวไม่มีความกลัวใด ๆ
“กระดองเต่านี่แข็งจริงด้วย ลองวิธีนี้ของข้าสักหน่อยเป็นไร?” หลัวซิวสีหน้าไม่เปลี่ยน มือซ้ายปล่อยตราหมัด มือขวากำตราทวยมรณะไว้แน่น
ไม่เพียงเท่านี้ ที่จุดตันเถียนของเขายังมีแสงสีดำและอัสนีโลหิตเปล่งประกายอีกด้วย ทุกการโจมตีต่างรวมทุกอย่างเข้าไป
กระบี่คือกระบี่เสวียนยวน เป็นของขลังชั้นสูงที่เป็นรางวัลจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พลังอำนาจไม่ด้อยไปกว่าอาวุธขลังชั้นดีเลย
และมีดโลหิตเล่มนั้น ก็คือของขลังดาบรบชั้นยอดได้มาจากการฆ่าเซี๋ยลี่เฟิง
เจ้ายุทธจักรทั่วไปหาได้ยากนักที่จะได้ครอบครองนักยุทธ์ของขลังชั้นยอดสักชิ้น แต่ในมือหลัวซิวกลับมีถึงสองชิ้น ทำให้คนส่วนมากทั้งอิจฉาและริษยาในเวลาเดียวกัน
“น่าเสียดายที่นักรบจื่อโม่ถูกไอ้แก่สารเลวเจ้าดาบปีกเพลิงนั่นแย่งไปเสียได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงจะได้สามารถทำลายกระดองเต่าของเจ้าให้แตกได้เป็นแน่”
หลัวซิวยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลำแสงสีม่วงทองบนร่างของเฟิงเฉิงโจวยิ่งจืดจางลงเรื่อย ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรในท้ายที่สุดก็ยังไม่ทีท่าว่าจะแตกออก
แต่เฟิงเฉิงโจวก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไรนัก การโจมตีของหลัวซิวแข็งแกร่งมากถึงระดับใด ต่อให้ถูกแสงทิพย์สีม่วงทองต้านไว้เกือบครึ่ง แต่ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการโจมตี เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเพร้ากระเซิง เลือดซิบออกจากมุมปาก สภาพดูน่าเวทนาอย่างมาก
“ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!” แม้ว่าจะบาดเจ็บ แต่สายตาของเฟิงเฉิงโจวกลับยิ่งดุร้ายขึ้น รังสีอาฆาตก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น
“โฮก!”
และในเวลานี้เอง ด้านนอกของตำหนักเกิดเสียงอึกทึกคึกโครมขึ้น เพียงชั่วครู่ก็เกิดภูเขาสั่นแผ่นดินไหว ตำหนักทั้งตำหนักต่างก็สั่นไหวตามไปด้วย
นักยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ภายในตำหนัก จอมยุทธ์บางกลุ่มที่มีผลการฝึกตนค่อนข้างต่ำก็รู้สึกถึงความเลือนลางในสมอง แต่ละคนต่างล้มหัวทิ่มพื้น เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด
สามารถเข้ามาในตำหนักแห่งนี้ได้ ผลการฝึกตนอย่างต่ำต้องถึงมกุฎยุทธ์ขั้นเจ็ดขึ้นไป ความแข็งแกร่งระดับนี้ไม่สามารถต้านทานเสียงสะท้อนของเสียงคำรามได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของเสียงคำรามนี้น่ากลัวมากเพียงใด
ปัง! ปัง! ปัง! ……
ด้านนอกของตำหนักแผ่นดินสั่นไหว ผู้แข็งแกร่งหาตัวจับยากกำลังต่อสู้ครั้งใหญ่
“ผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจของข้ามาถึงแล้ว!” เฟิงเฉิงโจวหัวเราะเสียงดัง จ้องเขม็งมาทางหลัวซิวด้วยแววตาอาฆาต
“วันหลังหากมีโอกาส ข้าจะมาฆ่าเจ้าอีกครั้งแน่!” หลัวซิวยืดขาออกไปถีบเฟิงเฉิงโจวจนกระเด็นออกไป มีแสงทิพย์สีม่วงทองป้องกันตัวไว้ ดูสภาพของเขาที่น่าเวทนาเช่นนั้น แต่ในความจริงแล้วบาดแผลไม่ได้หนักหนาเท่าไรนัก
ในเมื่อมีผู้แข็งแกร่งหาตัวจับยากมาเยือน หลัวซิวก็มีความคิดว่าจะล่าถอยไปก่อน แต่สายตาของผู้คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ กำลังจ้องมองมาที่เขา ทำให้รู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก
“ทุกท่านนี่หมายความว่าอย่างไร?” หลัวซิวชะงักไปเล็กน้อย ถึงแม้พลังของเขาจะแข็งแกร่ง แต่สองมือก็ยากจะสู้ศัตรูที่มากกว่า อัจฉริยะหาตัวจับยากเหล่านี้ทุกคนต่างมีพลังที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีไพ่ไม้ตายที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย
“ทิ้งม้วนหยกไว้” ดวงดาราเก้าดวงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของซิงหลิง สีหน้าราบเรียบ
“เอาม้วนหยกให้ข้า จะรับรองได้ว่าเจ้าจะไม่ตาย และแก้ไขความแค้นระหว่างนิกายมารศักดิ์สิทธิ์ของข้าและเจ้า” กุ่ยโยวก็เอ่ยปากพูดเสียงขรึม
แต่ต้าวหวูซินและหวูหยุนกับยังคงนิ่งเงียบอยู่ ต้าวหวูซินเป็นเพราะกังวลถึงพลังของหลัวซิว แต่หวูหยุนไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับหลัวซิว ด้วยเหตุผลเพราะว่าเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิว
อนาคิน เจ้ายุทธจักร ถึงแม้ตระกูลยุทธ์อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จะถือว่ามีฐานะไม่ด้อย แต่ก็ใช่ว่าจะสูงมาก อย่างไรก็ตามเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวได้เข้ากฎแสงดาว เมื่อสามารถ เมื่อสามารถบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ สถานะก็จะไม่ธรรมดาอีกต่อไป แม้ว่าหวูหยุนจะเป็นคนแรกของรุ่นหลัง แต่ก็จำเป็นต้องประเมินให้รอบครอบ
“ถอยไป ไม่เช่นนั้นอย่างหาว่าข้าไม่ปรานี”
หลัวซิวสีหน้านิ่งเรียบเปลวเพลิงสีทองโหมกระหน่ำรอบตัวเขา
“ภูตอัคคี!”
ซิงหลิงและกุ่ยโยวมีสีหน้าเปลี่ยนไป เพราะพวกเขารับรู้ได้ถึงพลังอำนาจที่น่ากลัวอย่างมาก จากกลางเปลวเพลิงสีทองบนร่างของหลัวซิว