มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 845
ไม่นานมานี้ในแดนดารานอก ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาเพิ่งจะเข้าสู่แดนเจ้ายุทธจักรขั้น 1 บัดนี้หลังจากได้สูดเอาพละกำลังชีวิตของเจ้าเมืองทองคำไป ทำให้เพิ่มขึ้นเป็นแดนเจ้ายุทธจักรขั้น 3 ก้าวเข้าสู่สภาพที่สูงสุดในแดนเจ้ายุทธจักรขั้นปฐมภูมิแล้ว
หลัวซิวออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว เขาเพิ่งจะจากไปไม่นานเท่าไหร่ ผู้แข็งแกร่งของเผ่าเทพเพิ่งจะมาถึงที่นี่ แต่กลับเห็นเพียงสนามรบที่วุ่นวายไปหมด พอผ่านการรบครั้งนี้ไป เจ้าเมืองทองคำก็สิ้นชีพ และยอดฝีมือหลายร้อยคนที่รวมตัวกันไล่ฆ่าสัตว์ดุร้ายในเมืองนั้นก็สิ้นชีพเช่นกัน!
คราวนี้ไม่ต้องกล่าวถึงเทพสุริยะ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ของเผ่าเทพก็ถูกทำให้ตกใจเช่นกัน
เนื่องจากเจ้าเมืองทองคำไม่เหมือนกับคนปกติ ยังไงก็ขึ้นชื่อว่าสามารถเอาร่างเนื้อฝึกตนไปจนถึงมหาเจ้ายุทธจักรที่แดนเจ้ายุทธจักรขั้น 9!
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ก็ยังถูกสังหาร ไม่ต้องคิดเลยว่าความสามารถของผู้ลงมือจะแข็งแกร่งมากระดับไหน
“ข้าต้องการเคล็ดวิชาออร่าแปลงโฉมแขนงหนึ่ง”
หลัวซิวใช้ห้วงความคิดติดต่อกับเทพแห่งวัฏจักรชีวิต ต้องการจะใช้ข้อจำกัดของผู้สืบทอดกฎดั้งเดิมผ่านวัฏจักรชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งเคล็ดวิชาอาถรรพณ์
ในบันทึกของวัฏจักรชีวิตมีชีวประวัติของผู้แข็งแกร่งอย่างนับหน้าไม่ถ้วน รวมทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมาของพวกเขาและวรยุทธ์ที่พวกเขาฝึกตน
แต่ทว่าข้อจำกัดที่ได้รับจากผลการฝึกตนของตัวเขาเอง หลัวซิวจึงได้รับเพียงแค่วิชาอาถรรพณ์ระดับมหายุทธ์เท่านั้น เทียบเท่ากับวิชายุทธ์ระดับ 9
ตามคำอธิบายของเทพแห่งวัฏจักรชีวิต หากหลังจากที่ผลการฝึกตนของเขาไปถึงแดนเจ้ายุทธจักรก็สามารถผ่านวัฏจักรชีวิตได้ และจะได้รับวิชายิ่งเลิศ
วิชายิ่งเลิศ หลัวซิวไม่ได้ขาดแคลน แต่วิชาอาถรรพณ์ที่มีความสามารถพิเศษบางอย่างจะแฝงไว้ด้วยความเป็นเลิศอยู่ในนั้น
ตัวอย่างเช่นบัดนี้ร่างของเขาอยู่ในโลกเชิ่งถิง จำเป็นจะต้องปิดบังฐานะของตนเอง จึงต้องการเคล็ดวิชาหนึ่งที่สามารถซ่อนเร้นอำพรางออร่าได้ และวิชาที่สามารถแปลงโฉมได้
วิชาอาถรรพณ์แบบนี้โดยทั่วไปจะมีข้อจำกัดมากมาย โดยตัวของหลัวซิวเองก็สามารถดัดแปลงเคลื่อนย้ายกระดูกเพื่อแปลงโฉมได้ แต่หากว่ามีผู้แข็งแกร่งที่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ใช้กระแสสัมผัสตัวสำนึกก็สามารถมองทะลุการปิดบังของเขาได้โดยง่ายดาย
หลังจากนั้นไม่นาน หลัวซิวหาเจอวิชาอาถรรพณ์อย่างหนึ่ง เมื่อแสดงวิชาอาถรรพณ์นี้ออกมาก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ของบุคคลอื่นได้ แม้ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็ยากที่จะมองออกได้
“มันของดีเลยนี่!”
สีหน้าของหลัวซิวแฝงไว้ด้วยความยินดี และในตอนนั้นเองก็หาสถานที่ที่ปลอดภัยที่จะศึกษาวิชาอาถรรพณ์นี้ได้แล้ว
หลายวันถัดมา เขาได้แปลงร่างเป็นชายหนุ่มเผ่าเทพที่มีผมสีทองตาสีฟ้า คลื่นของออร่าอยู่แค่ระดับมกุฎยุทธ์
เนื่องจากข้อจำกัดของวิชาอาถรรพณ์ รูปลักษณ์ที่เขาสามารถแปลงร่างได้นั้นจำเป็นจะต้องเป็นคนที่ตนเองเคยพบเจอเท่านั้น และลักษณะท่าทางชายหนุ่มมกุฎยุทธ์เผ่าเทพที่เขาแปลงร่างอยู่ตอนนี้ก็คือหนึ่งในคนที่ไม่เข้าตาท่ามกลางกลุ่มผู้ไล่สังหารกลุ่มใหญ่ในเมืองทองคำ
“ยอร์ค หลายวันนี้เจ้าไปไหนมาน่ะ? ”
เมื่อตอนที่หลัวซิวมาถึงเมืองทองคำอีกครั้งก็พบว่าทั้งเมืองอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกแล้ว ทุกคนที่เข้าไปในเมืองจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะจอมยุทธ์จากเผ่าพันธุ์มนุษย์
เขาแปลงร่างไปเป็นรูปลักษณ์ชายหนุ่มเผ่าเทพแล้ว ตอนที่เข้าเมืองมีตัวสำนึกหลายดวงกวาดสายตาผ่าน แต่กลับมองร่างจริงของเขาไม่ออก
พอเพิ่งเข้ามาสู่ในเมืองก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หลังจากนั้นหลัวซิวก็รู้สึกเหมือนมีฝ่ามือหนึ่งมาตบที่ไหล่ของตน
เขาหันหน้ามองกลับไป มองเห็นชายหนุ่มผมสั้นสีทองคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของตน ฝ่ามือใกล้กับไหล่ของตนมาก ห่างเพียงไม่กี่นิ้วเท่านั้น
“ยอร์คเจ้าเพื่อนคนนี้ เมื่อกี้ข้าเรียกเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ? ” ชายหนุ่มผมสั้นใช้กำปั้นทุบไปที่หน้าอกของหลัวซิวเบาๆ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคนจะไม่เลวเลยทีเดียว
หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าฐานะที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผยแล้วหรือไม่ และก็ไม่รู้ว่ายอร์คที่ชายหนุ่มผมสั้นผู้นี้พูดถึงนั้นใช่หรือไม่ใช่ฐานะของชายหนุ่มเผ่าเทพคนนี้ที่ตนเองแปลงร่างอยู่ในขณะนี้
เขาพยายามหาความผิดปกติบางอย่างจากสีหน้าท่าทางของชายหนุ่มผมสั้น แต่กลับพบว่าท่าทางการแสดงออกของฝ่ายตรงข้ามจริงใจมาก ปราศจากซึ่งความเท็จและการล่อลวงเป็นอย่างมาก