Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1060 อานุภาพแห่งกระบวนเฉือนเกิดดับ

ตอนที่ 1060 อานุภาพแห่งกระบวนเฉือนเกิดดับ

ตอนที่ 1060 อานุภาพแห่งกระบวนเฉือนเกิดดับ
โก่วเหยียนเจินดั่งแปลงเป็นอสูรโลกันตร์ ผมโลหิตดุจเพลิงผลาญ ทั่วร่างมีแสงโลหิตพลุ่งพล่าน

พร้อมๆ กับที่เขาเคลื่อนเข้าต่อสู้ กลางอากาศปรากฏเงามายาราวอสูร ยักษา มารร้ายหลากหลายตนแผดคำรามก้องฟ้าดิน ซึมจิตชิงวิญญาณ

ท่ามกลางความพร่าเลือน ในลานประลองประหนึ่งกลายเป็นนรกขุมทมิฬ และโก่วเหยียนเจินก็คือจอมราชัน ทำให้ผู้ชมการประลองไม่น้อยต่างมองด้วยใจสั่นสะท้านไม่หยุด

หลินสวินกลับเงาร่างดุจห้วงมายา ดาบหักดั่งอาวุธดุดันพลิกฟ้า ประกายดาวร้อยล้านดวงแผ่พุ่ง ดุจน้ำตกธารดาราหลากสายม้วนแผ่ลงจากสวรรค์ ดุดันเผด็จการ ไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้

ทั้งคู่ต่อสู้อยู่บนสนามประลองตรงกลาง ทำให้ทุกคนสับสนตาลาย อกสั่นขวัญแขวน

“พวกเจ้าว่าห้ำหั่นกันเช่นนี้ต่อไป ใครจะแพ้ใครจะชนะ”

“โก่วเหยียนเจินใช้พลังมหามรรค ‘อสูรมายาทมิฬ’ ที่สำแดงคือความเร้นลับแห่ง ‘วิชาแปรโลหิตเซินหลัว’ พลังทำลายล้างน่าอัศจรรย์ โอกาสชนะของเขาต้องมากกว่าอยู่บ้างโดยไม่ต้องสงสัย”

“ดาบหักในมือเทพมารหลินนั่นคือศาสตราจิต พลานุภาพมหัศจรรย์เกินคาดเดา ทั้งเขายังบรรลุมหามรรคธาตุน้ำถึงขั้นแก่นมรรค ทุกการโจมตีล้วนมีอานุภาพเกรียงไกรมหาศาล ไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ จากมุมมองของข้า เขาน่าจะได้หัวเราะทีหลัง”

“อันที่จริงหากบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่จะดีที่สุด! โก่วเหยียนเจินชวนให้รู้สึกรังเกียจ เทพมารหลินนั่นมีหรือไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกต่อต้าน”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นโดยรอบ ผู้ชมการประลองคิดเห็นต่างกันไป

ตูม!

ในสนามประลองโก่วเหยียนเจินนัยน์ตาแดงก่ำ หลังปะทะกับหลินสวินครู่หนึ่งเขาอดยิ้มเย็นไม่ได้ “หลินสวิน ป่านนี้แล้วเจ้ายังคิดเก็บงำไพ่ตายอีกรึ มีฝีมืออะไรก็ปล่อยออกมาให้หมด อย่าทำให้ข้าดูถูกเจ้า!”

ขณะกล่าวมือซ้ายที่ว่างเปล่าของเขาพลันปรากฏแส้ยาวโลหิตเส้นหนึ่ง แบ่งเป็นเจ็ดสิบสองปล้องราวกระดูกสันหลัง เพียงสะบัดแผ่วเบาเงาแส้พลันเต็มฟ้า ห้วงอากาศไหวเคลื่อน ก่อนวิวัฒน์เป็นเงามายาอสูรยักษามากมาย พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน

แส้อสูร!

พริบตานั้นพลังต่อสู้ของโก่วเหยียนเจินพุ่งทะยานอีกครั้ง หนึ่งดาบหนึ่งแส้ อานุภาพการโจมตีดั่งมรสุมคลั่ง มืดฟ้ามัวดิน ทำให้ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสีอยู่บ้าง

ขณะเดียวกันหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล

เทียบกับชิงเหวินเจวี้ยนแล้ว เห็นชัดว่าโก่วเหยียนเจินทรงพลังกว่าไม่น้อย

ไม่ใช่เพราะพลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าชิงเหวินเจวี้ยน แต่เป็นพลังมหามรรคอสูรมายาทมิฬที่เขาครอบครอง จัดเป็นมหามรรคพิเศษซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าสิบเก้ามหามรรคบนกระดานมรรคเทียมฟ้า พลานุภาพระดับนั้นแข็งแกร่งเกินไป

ปึงๆๆ

ดาบหักดั่งแสงไหลเคลื่อน หลังสลายการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม หลินสวินก็ถูกกระเทือนจนถอยร่นนอกระยะสิบกว่าจั้ง

นี่ทำให้ผู้ชมการประลองไม่มีใครไม่สูดหายใจหนาวเยือก ต่างคิดไม่ถึงว่าโก่วเหยียนเจินจะดุดันถึงขั้นนี้ แม้แต่คนอย่างเทพมารหลินยังถูกกำราบ

แต่สีหน้าหลินสวินกลับไม่ตระหนก นัยน์ตาดำวาบแววเยียบเย็นไม่อาจอธิบาย กล่าวว่า “จัดการลูกหมาอย่างเจ้า ดาบหักเล่มเดียวก็เพียงพอ!”

ตูม!

ในสนามประลองทั้งสองห้ำหั่นกันอุตลุดอีกครั้ง พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยหมอกโลหิตแผ่ไพศาล เงามายานานัปการเผยปรากฏ

ต่อสู้มาถึงขั้นนี้ สิ่งที่ประลองกันคือรากฐานบนมกุฎมรรคา!

รากฐานนี้ไม่เกี่ยวข้องกับปราณเท่าไร แต่บ่งชี้ถึงพลังมหามรรค วิชาลับวิถียุทธ์ที่ครอบครอง รวมถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ของแต่ละคน

หากเทียบกันบนรากฐานมหามรรค ความสามารถของโก่วเหยียนเจินในลานเจิดจรัสกว่าโดยไม่ต้องสงสัย เขาวาดดาบฟาดแส้ดั่งอสูรโลกันตร์กรำศึกเหนือเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน เปี่ยมพลังทำลายล้างยากจินตนาการ

เมื่อหันมองดูหลินสวิน ตั้งแต่ต้นจนจบอาศัยดาบหักต่อกรศัตรู แม้ดุดันและเผด็จการยิ่ง แต่วิธีต่อสู้กลับดูซ้ำซากเกินไป

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่แสดงออกมาภายนอก ไม่มีใครโง่คิดว่าหลินสวินจะมีความสามารถแค่นี้

เคร้ง!

การปะทะอุบัติขึ้นอีกครั้ง ทั่วร่างโก่วเหยียนเจินปรากฏสัญลักษณ์โลหิตเก่าแก่ แฝงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ชวนประหวั่น หลอมรวมกับดาบแหลมสีเลือดในมือ

พริบตานั้นในดาบโลหิตพลันมีอสูรวิญญาณศึกหลายสิบตนพุ่งออกมา เตรียมพร้อมลงสมรภูมิ ไอชั่วร้ายทะลวงฟ้าดิน

นี่คือยอดวิชาสังหารอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นพลังลึกลับต้องห้ามในวิชาแปรโลหิตเซินหลัว เล่าลือกันว่า หากใช้โดยอสูรที่แท้จริงจะสามารถทำให้เทพผีสิ้นหวัง!

“หลินสวิน ข้าอยากดูนักว่าเจ้าจะต้านการโจมตีนี้อย่างไร!” โก่วเหยียนเจินหัวเราะลั่น ผมโลหิตแผ่สยาย ท่าทางดั่งพญาอสูรห้อทะยานแดนนรก

“เจ้าอยากรู้ไพ่ตายของข้าไม่ใช่รึ ดั่งเจ้าปรารถนา!”

นัยน์ตาดำของหลินสวินฉายแววเยียบเย็น ดาบหักทะลวงเมฆเสียงดังวู้ม สัญลักษณ์ลายมรรคคลุมเครือพลันเปล่งแสงวาบบนปลายดาบ

พริบตานั้นทุกคนรู้สึกเพียงเบื้องหน้าแสบแปลบ ประหนึ่งสายฟ้าสายหนึ่งฉีกกระชากความขุ่นมัว สะท้อนปรากฏบนโลก ส่องประกายและเจิดจ้ายิ่ง ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองโดยตรง

ฉัวะ!

ท้องฟ้าเหนือสนามประลองแหวกออกเป็นรอยแยกยาวเหยียด จากนั้นทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง ฟ้าดินเงียบสงัด ทุกเสียงและการเคลื่อนไหวราวหายไปจนหมด

มีเพียงแสงดาบเจิดจ้าราวสายฟ้าแลบที่พุ่งออกมาจากความเงียบ

กระบวนเฉือนนภาสงัด!

ต่อสู้มาถึงตอนนี้ ในที่สุดหลินสวินก็ใช้กระบวนเฉือนที่สี่ของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าแล้ว!

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

เงามายาดั่งอสูรเทพสงครามสิบกว่าตนที่พุ่งเข้ามาถูกกำจัดในชั่วพริบตา ร่างกายระเบิดสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นละอองแสงโปรยปราย

“กระบวนท่าแข็งแกร่งนัก!” คนไม่น้อยต่างใจสะท้าน ถูกอานุภาพการโจมตีนี้ทำเอาตกตะลึง

หืม?

ดวงตาแดงก่ำของโก่วเหยียนเจินพลันหดรัด ไม่ช้าก็หัวเราะลั่น “นี่น่ะหรือคือฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่!”

เขาก้าวย่างดั่งมังกรพยัคฆ์ พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ไม่มีถอยร่น แสงโลหิตทั่วร่างส่องประกาย แผดคำรามเปิดฉากบุกจู่โจมอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้เขาหวาดกลัวหลินสวินอยู่บ้าง เป็นเพราะไม่อาจหยั่งรู้ไพ่ตายของหลินสวิน

แต่ตอนนี้เขาได้รู้ไพ่ตายของหลินสวินโดยคร่าวๆ แล้ว ความหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่งในใจจึงหายไป โคจรผสานพลังมรรคอสูรมายาทมิฬร่วมกับนัยเร้นลับวิชาแปรโลหิตเซินหลัวถึงขีดสุด

ทั้งตัวทรงพลังยิ่งกว่าเดิม!

ต่อสู้ถึงตอนนี้ ปะทะกันมาห้าร้อยกว่ากระบวนท่า ถึงเวลาตัดสินผลแพ้ชนะแล้ว!

ในดวงตาแดงก่ำของโก่วเหยียนเจินไอสังหารไร้ขีดจำกัด เขารอเวลานี้มานานแล้ว

หลินสวินเห็นดังนี้กลับยืนนิ่งอยู่จุดเดิมไม่ขยับ นัยน์ตาดำล้ำลึก ในดวงตาสะท้อนเงาร่างโก่วเหยียนเจินที่พุ่งเข้ามา

เขารวบนิ้วกรีดตวัดคราหนึ่ง

ฟุ่บ!

พริบตานั้นแสงเรืองรองเจิดจ้าพุ่งโฉบออกมาจากดาบหักกลางอากาศ

กระบวนเฉือนนี้เกิดๆ ดับๆ เหมือนมายาไร้รูป รวดเร็วปานอสนี เปี่ยมล้นพลังสังหารยากจินตนาการ

เร็วเกินไปแล้ว!

ดั่งทำลายพันธะเวลา ทะลวงผ่านพันธนาการฟ้าดิน

ยามกระบวนเฉือนนี้พุ่งทะยาน คนส่วนมากนอกสนามประลองต่างไม่ทันได้ตอบสนอง

แม้แต่โก่วเหยียนเจินก็เพิ่งสังเกตเห็นยามกระบวนเฉือนนี้จวนเข้าใกล้ เขาพลันขนพองสยองเกล้า ตกใจจนหนังศีรษะแทบระเบิด

เขาทำการป้องกันตามสัญชาตญาณ

น่าเสียดาย สุดท้ายยังช้าไปก้าวหนึ่ง ทั้งตัวเขาลอยกระเด็น แขนซ้ายถูกเฉือนขาดกลางอากาศ

และหน้าอกเขาก็ถูกแยกออกเป็นบาดแผลยาวตรง ผิวแตกเลือดอาบเผยกระดูกรางๆ โลหิตแดงก่ำหลั่งริน

เสียงตูมพรืดดังขึ้นมา ร่างกายเขากลิ้งลงไปกับพื้น ส่งเสียงร้องทุรนทุรายรวดร้าวหาใดเปรียบ

ขณะนี้มวลชนเงียบกริบไร้สุ้มเสียง ดวงตาทุกคนต่างเบิกกว้าง ท่าทางตกตะลึงยากจะเชื่อ

เร็วเกินไปแล้ว!

โก่วเหยียนเจินก่อนหน้านี้ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ พลังโจมตีดั่งวายุพิโรธเพลิงปะทุ เงาร่างดุจอสูรท่องรัตติกาล เหี้ยมโหดและอหังการ ดึงดูดสายตามวลชน

แต่ชั่วพริบตาเขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัส!

คนมากมายยังไม่เชื่อ อดขยี้ตาไม่ได้ด้วยคิดว่าตาลาย

แต่คนอีกมากกลับจิตใจสั่นสะท้าน รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่ไม่อาจอธิบาย กระบวนเฉือนเมื่อครู่นั่นถึงขั้นไม่อาจถูกพวกเขาจับสัมผัส นี่ได้พิสูจน์โดยไม่ต้องสงสัยว่าความเร็วของการโจมตีนี้บรรลุถึงขั้นเขย่าขวัญ!

และโก่วเหยียนเจินถูกการโจมตีเดียวทำเอาบาดเจ็บสาหัส ก็เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนี้ไม่เพียงแค่รวดเร็ว พลังสังหารยังน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต!

นี่ก็คือกระบวนเฉือนเกิดดับ!

ชั่วดีดนิ้วคือหกสิบขณะ ชั่วขณะคือเกิดดับเก้าร้อย

กระบวนเฉือนเกิดดับ มาจากแก่นอัศจรรย์แห่ง ‘การเกิดดับชั่วพริบตา’ การเกิดและการดับแบ่งแยกได้ในชั่วพริบตา

ความเร็วอันว่องไว ความดุดันแห่งการสังหาร เรียกได้ว่าหาใดเปรียบ แน่นอนว่าเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดในหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าซึ่งหลินสวินครอบครองในปัจจุบัน

กระบวนท่านี้หลังถูกหยั่งถึง หลินสวินยังไม่เคยใช้จริงมาก่อน และตอนนี้ก็ใช้กับโก่วเหยียนเจินเป็นครั้งแรก

แน่นอนว่าหลินสวินยังเก็บงำไว้บางส่วน

ไม่เช่นนั้นหากเขาโคจรพลังโทสะหยาจื้อ วิชาอริยะยุทธ์ รวมถึงมรรคดับดารากลืนกินร่วมกับการโจมตีนี้ อานุภาพนั้นต้องไม่หยุดแค่ตรงหน้านี้แน่!

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้โก่วเหยียนเจินก็บาดเจ็บสาหัสแล้ว

“เป็นไปได้อย่างไร!?” โก่วเหยียนเจินตระหนกระคนขุ่นเคือง สีหน้าซีดเผือด กระหืดกระหอบหมอบคลานอยู่บนพื้น ถึงขั้นลุกยืนไม่ไหว

บาดแผลภายนอกไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือพลังของกระบวนเฉือนนั่นดุดันเกินไป ทะยานเข้าใส่ร่างกายทำลายโจมตี ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหนักกว่าภายนอก

นี่ก็คือจุดที่ทำให้โก่วเหยียนเจินรู้สึกหวาดกลัว

กระบวนเฉือนนั่นคือพลังอะไรกันแน่

ทำไมน่ากลัวเช่นนี้

หลินสวินมีหรือจะปล่อยโอกาสให้โก่วเหยียนเจินพักหายใจ เขาบุกโจมตีโดยไม่ลังเล พุ่งเข้าไปหมายจับตัวโก่วเหยียนเจิน

กลับเห็นโก่วเหยียนเจินส่งเสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียม อาฆาตแค้นหาใดเปรียบ แสงโลหิตทั่วร่างพลุ่งพล่าน ทั้งตัวแผ่กลิ่นอายอันตรายสุดขีด

หืม?

นัยน์ตาหลินสวินพลันหดรัด เงาร่างหยุดชะงักทันที จากนั้นจึงพุ่งถอยไปข้างหลัง ขณะเดียวกันก็โคจรดาบหักเต็มกำลังป้องกันไว้ด้านหน้า

“ในเมื่อพ่ายแพ้ ข้าก็จะลากเจ้าไปปรโลกด้วย!”

โก่วเหยียนเจินคำรามกราดเกรี้ยว ร่างระเบิดภายใต้สายตาตื่นตระหนกมากมายที่จับจ้อง ราวภูเขาไฟที่เงียบสงัดผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุดลูกหนึ่งระเบิดออกในขณะนี้

ทั้งสนามประลองถูกแสงโลหิตไร้สิ้นสุดปกคลุม ทำให้ฟ้าดินสั่นคลอนเกิดเสียงกัมปนาทสะเทือนโสตประสาท

น่าสะพรึงเกินไปแล้ว โก่วเหยียนเจินนี่ถึงกับสำแดงวิชาต้องห้ามบางอย่างทำการระเบิดตัวเอง!

นี่คือสิ่งที่ใครต่างคาดไม่ถึง

เพียงแต่กระบวนท่านี้ก็เหี้ยมโหดยิ่ง ด้วยผนึกต้องห้ามของภูเขาเทพไร้มรณะ ถึงแม้เขาระเบิดตัวเองก็ไม่อาจตายได้อย่างแท้จริง

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เพียงพอมอบการโจมตีถึงชีวิตแก่หลินสวินแล้ว!

ไม่ว่าผู้ชมการประลองตรงเชิงเขาหรือเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์บนยอดเขา ขณะนี้ต่างไม่อาจนิ่งสงบ การประลองนี้ช่างอันตรายน่าหวาดกลัวถึงขีดสุด ทำให้ผู้คนแม้มองอยู่ห่างไกลล้วนรู้สึกจิตวิญญาณสั่นสะท้าน หวาดหวั่นยากสงบ

โดยเฉพาะการระเบิดตัวเองในตอนท้ายของโก่วเหยียนเจิน ทำให้เหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์นั้นต่างจิตใจสั่นสะท้าน สูดหายใจเย็นไม่หยุด

คนไม่น้อยต่างแอบยินดีที่คราวนี้ไม่ใช่ตนที่เจอกับโก่วเหยียนเจิน ถ้าไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงไม่อยากจะคิด!

“เทพมารหลินยังรอดไหม”

ท่ามบรรยากาศสั่นสะเทือนชวนตระหนก สายตามากมายมองไปยังสนามประลองโชควาสนาเขม็ง ที่นั่นแสงโลหิตแผ่ลอยเปี่ยมกลิ่นอายทำลายล้าง

‘เกรงว่าคงจบเห่แล้ว…’

พวกจินมู่อวิ๋น หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคงในใจเลี่ยงที่จะมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นไม่ได้

โก่วเหยียนเจินเป็นถึงบุคคลชั้นยอดในหมู่บุคคลแห่งยุค พลังระเบิดพลีชีพของเขามีหรือจะเป็นสิ่งที่สามารถต้านทานได้ง่ายดาย

………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท