Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1061 สวรรค์ช่วย

ตอนที่ 1061 สวรรค์ช่วย

ตอนที่ 1061 สวรรค์ช่วย
การระเบิดตัวเองของโก่วเหยียนเจินทำให้ทุกคนคาดไม่ถึง รวมถึงจ้าวจิ่งเซวียนด้วย

เมื่อได้เห็นภาพนี้ในใจของนางก็อดกังวลขึ้นมาไม่ได้ มือหยกเรียวเล็กขาวสะอาดทั้งสองกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ดวงตากระจ่างจดจ้องแน่วนิ่งบนลานประลองโชควาสนา

แม้เชื่อมั่นในตัวหลินสวินเป็นอย่างยิ่ง แต่เวลานี้นางกลับไม่อาจไม่กังวลใจ

‘วิธีการต่ำช้าเกินไป พาตัวเองขึ้นมาบนกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์กับเขา ช่างเป็นความอัปยศของพวกเรา’ เยี่ยเฉินนิ่วหน้า ในใจมีความชิงชังผุดขึ้นอย่างล้นเหลือ

แค่การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ ทุกคนต่างอาศัยฝีมือของตัวเองก็พอแล้ว แต่โก่วเหยียนเจินผู้นี้กลับทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ได้ ทำให้เยี่ยเฉินขัดตานัก

‘เหิมเกริมไม่เกรงกลัว ไม่มีขีดจำกัด เจ้าคนแซ่โก่วผู้นี้ไม่ใช่คนดีดังคาด น่าเสียดายเทพมารหลินผู้นี้ ถ้าเขาก็ถูกคัดออกเช่นกัน การประลองต่อๆ ไปคงเสียอรรถรสไปบ้าง’ เซี่ยวชางเทียนทอดถอนใจในใจ

ที่เชิงเขา เหล่าขุมอำนาจที่มองหลินสวินเป็นศัตรูแต่ละแห่งล้วนหมายจะให้หลินสวินถูกคัดออกตั้งแต่ตอนนี้ ส่วนพวกที่วางตัวเป็นกลางกลับตกใจกับวิธีการร้ายกาจของโก่วเหยียนเจิน

ทว่าขอเพียงคิดสักหน่อยก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล

เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬชื่อเสียงเลวร้ายลือกระฉ่อน พ่นพิษทั่วสี่สมุทร ฉาวโฉ่อย่างยิ่ง แต่ที่พวกเขายังสามารถยืนหยัดในดินแดนรกร้างโบราณมาถึงตอนนี้ได้นั้นมีเหตุผลมากมาย

ดังเช่นการต่อสู้ในครั้งนี้ แม้ว่าโก่วเหยียนเจินจะแพ้ แต่ก็สำแดงอานุภาพร้ายกาจออกมาแล้ว ภายหลังหากบังเอิญพบเขาที่โลกภายนอกเข้า ขอเพียงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกรงว่าคงไม่มีใครต้องการสร้างความยุ่งยากให้กับบุคคลโหดเหี้ยมที่กล้าเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนี้แล้ว

“รีบดูเร็ว! เทพมารหลินยังมีชีวิตอยู่!”

ทันใดนั้นมีคนร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก

ในขณะเดียวกันฝูงชนที่ทอดสายตาจับจ้องไปบนสนามประลองโชควาสนาอยู่ก่อนแล้วต่างมองเห็น ว่าเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับที่แสงโลหิตมลายหายไป

เป็นหลินสวินจริงๆ!

เพียงแต่ตอนนี้เขากลับโชกเลือดไปทั้งตัว สีหน้าซีดเผือด เสื้อผ้าขาดวิ่น ปากยังคงกระอักเลือดอย่างรุนแรง

ท่าทางน่าอนาถนัก!

แต่อย่างไรเขาก็ยังมีชีวิตอยู่!

ทุกคนอื้ออึงเซ็งแซ่กันโดยสมบูรณ์ราวกับได้เห็นปาฏิหาริย์ครั้งหนึ่ง

“ขนาดนี้ยังไม่ตายอีกหรือ” พวกจินมู่อวิ๋นงงงวย ทำใจเชื่อได้ยาก

เดิมทีพวกเขายังมีความสุขที่ได้เห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ แต่ตอนนี้กลับเหมือนกินแมลงวันตายเข้าไป รู้สึกแย่ปานใดอย่าได้พูดถึงเลย

“เป็นไปไม่ได้!”

ที่ตีนเขา ชาวเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคำราม ดวงตาแดงก่ำไปหมดแล้ว ค่าตอบแทนมหาศาลที่โก่วเหยียนเจินจ่ายออกไปเช่นนี้ กลับไม่สามารถลากอีกฝ่ายลงจากเวทีได้ดังเดิม นี่ทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับได้

“น่าเสียดายเกินไปแล้ว”

สำนักโบราณที่มองหลินสวินเป็นศัตรูเหล่านั้นเวลานี้ต่างอดส่ายหัวไม่ได้ หดหู่ใจนัก เทพมารหลินผู้นี้ดวงแข็งเสียจริง

“ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะไม่ถูกคัดออก เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงนัก…” จ้าวจิ่งเซวียนถอนหายใจโล่งอกยิ่งนัก อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงแทนหลินสวินอยู่บ้าง

ตอนนี้ไม่มีฝนวิญญาณเทพมาช่วยสลายอาการบาดเจ็บ ฟื้นฟูกำลังวังชา

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หลินสวินได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ในการประลองครั้งต่อๆ ไป ทันทีที่ถูกคู่ต่อสู้หมายหัว สถานการณ์จะต้องไม่สู้ดีแน่!

ดังคาด เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น จ้าวจิ่งเซวียนก็สังเกตได้อย่างฉับไวว่าสายตาของเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์บางคนแปรเปลี่ยนเป็นลึกลับขึ้นมา

ประหนึ่งพรานล่าสัตว์มากประสบการณ์จับจ้องเหยื่อ

โดยเฉพาะพวกจินมู่อวิ๋น หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคง ยิ่งไม่ปกปิดจิตสังหารของพวกตนเลยสักนิด เริ่มกระสับกระสายหมายจะลงมือ

‘ถ้าข้ามีโอกาสชิงออกโรงก่อน ต้องเลือกประลองกับหนึ่งในพวกเขาสามคนเพื่อช่วยหลินสวินชิงโอกาสฟื้นฟูกำลังวังชาได้มากขึ้น!’

จ้าวจิ่งเซวียนลอบตัดสินใจ

ทันใดนั้นอาหลู่ที่อยู่บนยอดเขาอีกยอดหนึ่งตะโกนออกมาว่า “เทพมารหลิน เจ้าจะขลาดกลัวไม่ได้นะ ในแดนชัยบูรพา ข้าอาหลู่ก็มีแต่เจ้ากับเซียวชิงเหอเป็นเพื่อน ถ้าข้ามีโอกาสออกโจมตี จะต้องช่วยเจ้ากำจัดคู่แข่งทิ้งสักคน!”

สีหน้าของพวกจินมู่อวิ๋นพลันอึมครึมขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าวาจาของเจ้าคนเถื่อนผู้นี้กำลังพุ่งเป้ามาที่พวกเขา!

แทบจะในเวลาเดียวกัน มารกระบี่เยี่ยเฉินก็เอ่ยปาก “หลินสวิน อยากให้ช่วยไหม ถ้าเจ้าถูกคัดออกเสียแล้ว ข้าร่ำสุราคนเดียวไม่ใช่ว่าจะหมดสนุกไปหน่อยหรือ”

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเอ่ยปากแล้ว ออกหน้าแทนหลินสวิน ป่าวประกาศถึงความอยุติธรรม!

พวกจินมู่อวิ๋นยิ่งสีหน้าทะมึน ต่างคิดไม่ถึงว่าเยี่ยเฉินจะถึงกับให้ความสำคัญกับหลินสวินเช่นนี้

ในสนามประลอง หลินสวินหยุดอาการไอ เช็ดรอยเลือดที่มุมปากทิ้งไปแล้วยิ้มพูดว่า “ไม่ต้องแล้ว แค่บาดเจ็บเล็กน้อยสองสามที่เท่านั้น ยังไม่ต้องให้เจ้ามาเดือดร้อนหรอก”

คุยโวอย่างไม่ละอาย!

ผู้ชมการต่อสู้ไม่น้อยแทบจะกลอกตา คนโง่ยังดูออกว่าเจ้าเทพมารหลินเลือดไหลรินไปทั้งกาย พลังปราณของเขายุ่งเหยิงร่อแร่เต็มที นี่ใช่การบาดเจ็บเล็กน้อยเสียที่ไหน

“เขากลัวขายหน้า ถูกผู้อื่นหมายหัว อย่างไรเสียต่อไปยังมีการประลองอีกสองรอบ เขาที่ได้รับบาดเจ็บต้องถูกมองเป็นเหยื่อชั้นเลิศแน่ๆ”

บางคนวิเคราะห์อย่างเชื่อมั่นในตัวเองยิ่ง ท่าทางมองความรู้สึกนึกคิดของหลินสวินออก

หลินสวินไม่ได้พูดอะไรอีก หายตัวกลับไปยังแท่นมรรคบนยอดเขา เพียงแต่ยามเพิ่งลงมาถึงเท้าก็ซวนเซ เงาร่างโงนเงน ในปากพลันไอออกมาอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง

“ดูเข้าสิ! จะรับไม่ไหวแล้วกระมัง ตอนนี้ขอเพียงแค่มีคนลงมือ จะต้องเอาชนะเทพมารหลินได้อย่างง่ายดายแน่!”

ผู้ชมการต่อสู้ไม่น้อยตื่นเต้นขึ้นมา

ทั้งมีคนถอนหายใจเพราะสิ่งนี้ โก่วเหยียนเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เขาระเบิดตัวเองไม่ว่า ยังทำร้ายเทพมารหลินด้วย เดิมทีเทพมารหลินยังมีโอกาสทะลวงกระดานได้ แต่ตอนนี้… เกรงว่าจะหยุดลงเสียแล้ว!

หลินสวินไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เขานั่งขัดสมาธิกับพื้น ก้มหน้าก้มตาเอายาลูกกลอนวิญญาณชั้นดีออกมา แล้วกรอกลงปากอย่างไม่เสียดาย

นี่ทำให้ผู้อื่นยิ่งมั่นใจว่าบาดแผลที่เทพมารหลินได้รับคราวนี้ต้องร้ายแรงถึงที่สุด!

มีเพียงจ้าวจิ่งเซวียนที่ออกจะแคลงใจ แต่ก่อนแม้ได้รับบาดเจ็บหนักหน่วงกว่านี้ หลินสวินก็ไม่แสดงออกอย่างชัดเจนเช่นนี้มาก่อน เขาจะอดทนไว้ ไม่ยอมให้คนอื่นระแคะระคายอะไรได้

‘ตกลงอาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรกันแน่แล้ว’ นางอดไม่ได้สื่อจิต

หลินสวินไอไม่ว่างเว้น สีหน้าซีดเผือด เอ่ยอย่างยากลำบากว่า ‘ข้าเป็นถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังดูไม่ออกหรือ…’

‘จริงหรือเปล่า’ ดวงตากระจ่างของจ้าวจิ่งเซียวเบิกกว้าง ในใจออกจะกังวลอยู่บ้าง

‘อย่างน้อย… ทนจนจบรอบที่สองก็คงไม่มีปัญหากระมัง’ หลินสวินขยิบตา แม้สีหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาดำกลับเจือรอยยิ้ม

‘เจ้านี่มันเลวจริงๆ!’ จ้าวจิ่งเซวียนมองเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ วาจาเจือความโกรธ ความกังวลที่ปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วจางหายไป ถูกความปรีดาเข้าแทนที่

‘เจ้าอย่าแพร่งพรายไปเด็ดขาดเชียว ข้าอยากเห็นนักว่าใครจะทนไม่ไหวแจ้นออกมาก่อน’ หลินสวินรีบร้อนสื่อจิต

จ้าวจิ่งเซวียนกลอกตา เอ่ยว่า ‘เจ้าคิดจะเสแสร้งไปถึงเมื่อไร’

‘แสร้งได้จนจบจะดีที่สุด’ คำพูดนี้ของหลินสวินเดิมก็ออกจะเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ แต่เขากลับพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาตินัก

จ้าวจิ่งเซวียนสีหน้าพิกล พยักหน้าน้อยๆ อย่างไม่เป็นที่สังเกต

ในใจนางกลับพึมพำว่า ‘ไม่เจอกันหลายปี เจ้าหมอนี่หน้าเนื้อใจเสือปานนี้ตั้งแต่เมื่อไร คงไม่ได้ถูกเจ้าคางคกนั่นพาเสียคนหรอกกระมัง…’

ยามสนทนา บนศิลามังกรขดที่หลินสวินครอบครองพลันมีโชควาสนามหามรรคเพิ่มมาสองสาย เป็นรางวัลจากภูเขาเทพไร้มรณะสายหนึ่ง

อีกสายหนึ่งก็มาจากโก่วเหยียนเจินที่แพ้ไป เพียงแต่โชควาสนามหามรรคสายนี้ดูแข็งแกร่งผิดธรรมดา เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นกลับทำให้ส่วน ‘ตัวมังกร’ บนป้ายศิลาฉายแสงสีทองอร่าม อัศจรรย์เกินธรรมดา

ดวงตาดำของหลินสวินแข็งทื่อ รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

ในขณะเดียวกันบนยอดเขาก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้น

กลับเห็นว่าเหนือแท่นมรรคบนยอดเขาที่เดิมเป็นของโก่วเหยียนเจินในตอนแรก พลังโชควาสนามหามรรคที่อยู่บนศิลามังกรขดกลับมลายหายไปสิ้นในชั่วพริบตา!

“เขาใช้วิธีต้องห้าม ฝ่าฝืนกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะ ถูกถอนสิทธิ์ในการเข้าประลองรอบที่สอง!”

“ก็หมายความว่า อันดับที่เขาได้ในการประลองรอบแรกก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะหลุดออกไปจากสิบแปดอันดับหรือ”

“นี่เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว ใช่ว่าแต่ก่อนไม่เคยเกิดเรื่องทำนองนี้เสียหน่อย”

“เทพมารหลินนี่ได้ทุกขลาภจริงๆ โชควาสนามหามรรคที่โก่วเหยียนเจินได้ไปในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นของเทพมารหลินหมดแล้ว!”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ระลอกแล้วระลอกเล่าดังขึ้น สายตาที่มองมายังหลินสวินมากมายต่างแปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อน

หากเปรียบเทียบโชควาสนามหามรรคที่อยู่บนศิลามังกรขดของเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์ หลินสวินได้อันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!

แน่นอนว่าการช่วงชิงโชควาสนายังไม่สิ้นสุดลง อันดับหนึ่งในตอนนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรักษาอันดับหนึ่งไปจนจบได้

ส่วนยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่เดิมมองหลินสวินเป็นเหยื่อบางคน ตอนนี้ออกจะควบคุมแรงกระตุ้นที่อยู่ในใจไว้ไม่อยู่แล้ว

หลินสวินในตอนนี้อยู่ในช่วงที่เจ็บหนักอ่อนแอพอดี แต่โชควาสนามหามรรคของเขากลับนำโด่ง ถ้าสามารถเอาชนะเขาได้ ต้องชิงพลังโชควาสนาที่เหนือธรรมดายิ่งมาครองได้แน่!

เมื่อเผชิญกับสายตาเหล่านี้ หลินสวินก็ทำเพียงนิ่วหน้าไอ ทั้งยังคายเลือดออกมาคำหนึ่ง ท่าทางบาดเจ็บสาหัส

‘เสแสร้งเก่งเกินไปแล้ว’ จ้าวจิ่งเซวียนต่อว่าในใจไม่หยุด

‘โอกาสเช่นนี้ ถ้าถูกข้าเอาไป ไม่เพียงสามารถบดขยี้เทพมารหลินได้โดยสมบูรณ์ ยังสามารถชิงโชควาสนามหามรรคของเขามาได้ด้วย เรียกได้ว่ายิงธนูครั้งเดียวได้นกสองตัว เพียงแต่ทุกคนต่างมองจุดนี้ออก ก็ไม่รู้ว่าเจ้าคนโชคดีที่ไหนจะได้ประลองเป็นคนที่สอง สามารถได้ประโยชน์ไปโดยไม่เปลืองแรง…’

หลี่ชิงผิงพึมพำในใจ

หืม?

ทันใดนั้นเขาเพียงรู้สึกว่าร่างกายถูกพลังไร้รูปปกคลุม ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวขึ้นบนสนามประลองโชควาสนา!

นี่…

หลี่ชิงผิงเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง รู้สึกเหมือนได้ส้มหล่น ตัวเขามีความปรีดาอย่างบอกไม่ถูก

สวรรค์ช่วยชัดๆ!

เขาอดกลั้นไม่ให้ส่งเสียงหัวเราะออกมา อีกทั้งยังควบคุมความรู้สึกยินดีปรีดาของตัวเองไว้ ทำให้ตนรักษาความเยียบเย็นขึงขังไว้ได้อย่างเต็มกำลัง

ถ้าถูกคนอื่นมองออกว่าบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างเขาจะฉวยโอกาสเอาเปรียบหลินสวินที่กำลังย่ำแย่ ใช้ความแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแอ พูดออกไปจะดูไม่โสภาอยู่บ้าง

‘เป็นเขาเสียอย่างนั้น!’ ในใจของมกุฎรุ่นเยาว์ไม่น้อยบังเกิดความอิจฉา ลอบด่าว่าหลี่ชิงผิงช่างโชคดีเป็นบ้า ดันชิงนำไปก่อนได้

ที่ตีนเขา ผู้ชมการต่อสู้ก็ทอดถอนใจ ต่างไม่แน่ใจอยู่บ้างว่าผลสุดท้ายเทพมารหลินนั้นโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่

จะกล่าวว่าโชคร้าย แต่กลับรอดชีวิตจากการระเบิดตัวเองของโก่วเหยียนเจิน ทั้งยังได้รับโชควาสนามหามรรคที่เดิมเป็นของโก่วเหยียนเจินทั้งหมดมาเพิ่มเติม

แต่จะกล่าวว่าเขาโชคดี คนที่ออกมาประลองเป็นคนที่สองกลับเป็นหลี่ชิงผิงเสียอย่างนั้น!

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นอาจจะยับยั้งชั่งใจ ไม่ลงมือกับเขา

แต่หลี่ชิงผิงต่างออกไป บุคคลขอบเขตมกุฎที่มาจากสำนักยุทธ์สมุทรครามผู้นี้ ตั้งแต่ก่อนขึ้นเขาก็เผยเจตนาสังหารหลินสวินอย่างไม่ปิดบังสักนิด!

ในสถานการณ์เช่นนี้ คนโง่ยังรู้ดีว่าหลี่ชิงผิงจะเลือกทำเช่นไร

ดังคาด ก็เห็นว่าสายตาราวสายฟ้าของหลี่ชิงผิงพลันจับจ้องไปที่ร่างหลินสวิน มุมปากยกยิ้มเหี้ยมเกรียม เอ่ยอย่างเฉยชาว่า “หลินสวิน แม้เจ้าจะบาดเจ็บสาหัส แต่เจ้าน่าจะรู้ดีว่านี่เป็นการช่วงชิงโชควาสนา ภายใต้กฎเกณฑ์นี้ แม้เจ้าจะเหลือเพียงลมหายใจเดียว วันนี้ก็ต้องเดินขึ้นมาบนสนามประลองสู้กับข้าสักตั้ง!”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท