ตามข้อมูลทั้งหมดที่หงเทียนได้ส่งต่อมาให้ ตำหนักจื่อเซียวแห่งนี้ ไม่ใช่ตำหนักจื่อเซียวที่แท้จริง แต่เป็นนักยุทธ์เทพมกุฎชิ้นหนึ่งที่ถูกสร้างเลียนแบบขึ้นมา
ถึงแม้ว่าจะเป็นของเลียนแบบ แต่ก็เป็นนักยุทธ์เทพราชาชิ้นหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะได้รับความเสียหาย แต่พลังก็ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าอัญมณีแห่งเทพฟ้าอยู่ดี
มือของหลัวซิวบีบตราประทับ รู้สึกได้ชัดเจนว่าผลการฝึกตนของของตนนั้นลดลงอย่างรวดเร็ว แค่เพียงการเก็บเจ้าตำหนักจื่อเซียวแห่งนี้ ก็สามารถทำให้เขาสูญเสียผลการฝึกตนจนเกือบสิ้น
เขานำเอาตำหนักจื่อเซียวเก็บเข้าไปในตัวหยั่งรู้ วิญญาณดั้งเดิมเข้าอาศัยอยู่ภายใน ไม่ติดต่อกับความดีชั่วของโลกภายนอก
ที่ทำให้เขารู้สึกเสียอายอย่างมากนั้นคือ ตอนที่ร่างเนื้อของหงเทียนแหลกสลายไป แหวนเก็บของของเขารวมถึงสมบัติอื่น ๆ ที่ติดตัวเขาก็แหลกสลายตามไปด้วย เขาผู้ครอบครองพลังอันแข็งแกร่งเช่นนี้ก็เหลือแค่เพียงเศษจิตสำนึกยาง ๆ เท่านั้น ได้รับการคุ้มกันจากตำหนักจื่อเซียวที่พังทลาย หนีเข้าสู่อนัตตาไม่สิ้นแห่งนี้และเร่ร่อนมาจนถึงปัจจุบัน
“จะออกไปจากอนัตตาไม่สิ้นอย่างไร?” หลัวซิวเงยหน้ามองไปรอบ ๆ ทิวทัศรอบข้างนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย ราวกับโลกที่อยู่ภายในฟองอากาศ มีสีสันแปลกประหลาด
“หากเป็นเพียงอนัตตาไม่สิ้นของโลกพิภพชั้นล่าง เพียงแค่จำเป็นต้องให้ข้ากลายเป็นจิตภัณฑ์อย่างสมบูรณ์ เจ้าก็สามารถใช้หอกรบฝืนบังคับเปิดทางออกอนัตตา ก็จะสามารถออกไปได้อย่างง่ายดาย” หงเทียนพูดตอบ
ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของหลัวซิวก็เผยความยินดีออกมา หงเทียนผู้นี้เป็นถึงราชาเทพผู้แข็งแกร่งในสมัยโบราณ ความรอบรู้มากมาย สามารถช่วยเหลือเขาได้มาก ราวกับเสือที่ติดปีก
ในเมื่อรู้วิธีการที่จะออกไปจากที่แห่งนี้ได้แล้ว จิตใจของหลัวซิวก็พลันสงบลง เขาร่อนเร่อยู่ในอนัตตาไม่สิ้นเป็นระยะเวลาหกปี ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ยังมีโอกาสอีกมากที่จะออกไป
หงเทียนสัมผัสรู้กฎปริภูมิดั้งเดิมแต่ละประเภทหลอมรวมเข้าไปในหอกรบ ผสานรวมเข้ากับกฎความตาย ตัวของหลัวซิวเองก็สามารถรับรู้ได้ถึงความลึกลับไม่มีที่สิ้นสุดของกฎปริภูมิดั้งเดิม กระทั่งสามารถจับสิ่งสำคัญบางอย่างจากในนั้นได้
โดยไม่รู้ตัว เขาก็เข้าสู่สภาวะรู้แจ้ง ไม่รู้ว่าวันเวลานั้นผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดแล้ว
“สามารถเข้าสู่สภาวะรู้แจ้งได้รวดเร็วถึงเพียงนี้?”
หงเทียนก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย สภาวะรู้แจ้งสำหรับจอมยุทธ์นั้นเป็นโชคดีที่ได้มาอย่างยากลำบากที่สุด การรู้แจ้งหนึ่งครั้งมีประโยชน์มากกว่าการบำเพ็ญตบะนับหมื่นนับพันปี นี่ไม่ใช่คำพูดหลอกลวงแต่อย่างใด
ในสมองของหลัวซิว อรรถาธิบายความลึกลับของปริภูมิวิชาล่องหนไท่เสวียนและการสัมผัสรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับกฎปริภูมิดั้งเดิมของเขายืนยันเข้าด้วยกัน เขาจมดิ่งลงท่ามกลางการสัมผัสรู้ของกฎปริภูมิดั้งเดิม
ก่อนหน้านี้ได้ใช้การตรวจสอบของภูตมรณะมารเทพ ทำให้เขาสามารถครอบครองการผสานความลึกลับระหว่างกฎ เช่นเดียวกับเทพมารอัสนีที่อยู่ข้างกายเขา หลังจากกลายเป็นภูตมรณะแล้ว กฎสายฟ้าและกฎความตายผสานเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ไม่อาจประเมินได้ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่ากฎสายฟ้าทั่วไป
เส้นทางของกฎ แฝงไปด้วยสัจธรรมไร้ที่สิ้นสุด ยิ่งได้รู้มากเท่าไร ก็ยิ่งค้นพบว่าสิ่งที่ตนนั้นไม่รู้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว เมื่อหลัวซิวลืมตาขึ้น เขาก็พบว่าการสัมผัสรู้กฎปริภูมิดั้งเดิมของตนนั้น มันได้บรรลุถึงระดับควบคุมกฎขั้นต้น!
ในเวลาเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นว่า เศษจิตสำนึกของหงเทียนได้ผสานรวมเข้ากับหอกยุทธ์มังกรดำ กลายเป็นจิตภัณฑ์อย่างสมบูรณ์แล้ว
ทั้งร่างของหอกยุทธ์มังกรดำยังคงมีประกายแสงสีดำระยิบระยับอยู่ รูปทรงราวกับมังกร แต่ให้ความรู้สึกเลือนราง สอดคล้องกับกฎปริภูมิดั้งเดิมโดยรอบ
ไม่เพียงแค่เขา หอกรบของเขาก็ได้รับการเปลี่ยนร่างหนึ่งครั้งแล้ว กลายเป็นอาวุธทรงพลังที่แฝงไปด้วยกฎระดับสุดยอดทั้งสองชนิดอย่างความตายและปริภูมิ
“จะบ้าตาย การรู้แจ้งของเจ้าหนูนี่ทำให้แม้แต่ข้ายังต้องอิจฉา” เสียงของหงเทียนดังออกมาจากกลางหอกรบ เพราะนี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงหนึ่งปีเท่านั้น เจ้าหนุ่มคนนี้ที่ยังไม่เคยฝึกตนกฎปริภูมิดั้งเดิมมาก่อน กลับสามารถบรรลุถึงแดนควบคุมขั้นต้นได้แล้ว
ถึงแม้ที่โลกโลกพิภพชั้นสูงจะพบเห็นอัจฉริยะมากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังคงสามารถทำให้หงเทียนอิจฉาตาร้อนได้อยู่ดี