Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1068 พลังหมัดเดียวสะเทือนสวรรค์

ตอนที่ 1068 พลังหมัดเดียวสะเทือนสวรรค์

ตอนที่ 1068 พลังหมัดเดียวสะเทือนสวรรค์
แขนเสื้อจินมู่อวิ๋นโบกพลิ้ว ผมสีดำปลิวไสว

กระบี่พรหมราชมีเปลวเพลิงพลุ่งพล่าน ขับเน้นให้เขาเป็นดั่งเซียนกระบี่ที่สังหารเด็ดเดี่ยวมาเยือนโลกา พลานุภาพดุดันหาใดเทียมนั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสี

“เด็กคนนี้เพิ่งอายุยี่สิบกว่าปีกระมัง แต่ครอบครองวิชาเช่นนี้แล้ว อวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้นก็ไม่เหนือไปกว่านี้!”

“เทพมารหลินจะขายหน้าเสียแล้ว อย่าว่าแต่สามกระบวนท่าเลย ต่อให้หนึ่งร้อยหรือหนึ่งพันกระบวนท่า ก็เกรงว่าจะไม่อาจเอาชนะจินมู่อวิ๋นได้”

“เด็กคนนี้สมกับเป็นผู้นำสิบสามกระบี่แห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า!”

เสียงร้องตกใจดังขึ้นในที่นั้น ต่างตื่นตาไปกับอานุภาพที่จินมู่อวิ๋นสำแดงออกมา

“เขาจะทำอย่างไร”

เยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียน จ้าวจิ่งเซวียน อาหลู่ อวี่หลิงคง หลี่ชิงผิง ฉู่เป่ยไห่ ปี้ตงหลิ่ว…

เหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์ก็จับตามองอย่างใกล้ชิด

มีคนอยากจะให้หลินสวินอับอาย ทำตัวเองเสียหน้าเสียเอง

ทั้งมีบางคนสงสัยว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าคุยโอ่ว่าจะได้เอาชนะในสามกระบวนท่า…

ภายใต้สายตานับหมื่นที่จับจ้อง หลินสวินรวมผมทั้งศีรษะไว้ที่ท้ายทอยอย่างลวกๆ การเคลื่อนไหวเรียบร้อย สีหน้าสงบนิ่งและเฉยชา

เพียงแต่ในดวงตาดำราวเหวลึกของเขาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยจิตต่อสู้เข้มข้นดั่งหินหนืดแผ่พุ่ง

“หืม?”

“นี่…”

ทุกคนรับรู้ได้อย่างฉับไวว่าระหว่างที่หลินสวินเคลื่อนไหวอย่างตามสบายถึงที่สุดนี้ กลิ่นอายแก่กล้าถึงที่สุดกลับแผ่พุ่งขึ้นบนกายเขา

ระหว่างงุนงง หลินสวินเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เรียบเฉยและหลุดพ้นต่างจากแต่ก่อน

บนเงาร่างผอมบางสูงโปร่งของเขามีอานุภาพอหังการประหนึ่งขุนเขา เกรียงไกรดุจเวิ้งฟ้า ประกายเทพไหวเคลื่อนระหว่างที่เขากะพริบตา

อีกทั้ง พลังบนตัวเขายังเพิ่มพูนขึ้น!

เปรียบเหมือนหุบเหวใหญ่ที่ลึกล้ำสุดหยั่งตื่นขึ้นในตอนนี้ โคจรอย่างสะเทือนเลือนลั่น

“สวรรค์!”

ผู้คนไม่น้อยใจสั่นสะท้าน ต่างรู้สึกหายใจลำบากขึ้นมา

หลินสวินในตอนนี้ดูแตกต่างอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย

หากบอกว่าในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาเฉียบแหลมและจองหอง ทรงเดชและแข็งกร้าว ทำลายทุกอย่างที่จับต้องเหมือนดาบแหลมคมปราดเปรียวเล่มหนึ่ง

เช่นนั้นตัวเขาในตอนนี้กลับมีท่วงท่าเป็นผู้อยู่สูงสุดทั้งเหนือฟ้าและใต้หล้า แสงมรรคสีใสโชติช่วงพลุ่งพล่านอยู่รอบกาย ทำให้ดูน่าหวาดหวั่นไร้ที่สิ้นสุด

“เทพมารหลินร้ายนัก ถึงกับปิดบังมาจนตอนนี้ เพิ่งแสดงพลังที่แท้จริงของตนออกมา!”

เซี่ยวชางเทียนกับเยี่ยเฉินพากันจ้องเขม็ง จากนั้นจึงร้องออกมาด้วยความตกใจ

“ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่เก็บซ่อนพลังที่แท้จริงมาตลอด…”

ผู้ชมบางคนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นผิดธรรมดา

เทพมารหลินตรงหน้าเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าก่อนหน้านี้เขาต้องออมพลังต่อสู้มาโดยตลอด!

“น่าชังนัก!”

ยอดมกุฎรุ่นเยาว์อย่างอวี่หลิงคงและฉู่เป่ยไห่ต่างดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ท่าทางตื่นตระหนกระคนโกรธเคือง ไม่อาจทำใจเชื่อได้

“เด็กนี่ช่างอดทนเก่งเสียจริง!”

ที่ตีนเขา ผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสี

“นี่ถึงเป็นเขา!” ดวงตาใสกระจ่างราววารีของจ้าวจิ่งเซวียนเปล่งประกายดุจดารา

“ให้ตายสิ เจ้าหมอนี่ร้ายจริงๆ มาถึงตอนนี้เพิ่งแสดงพลังที่แท้จริงออกมา!” อาหลู่ร้องออกมาอย่างประหลาด

จินมู่อวิ๋นก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย จากนั้นในดวงตาวาบประกายคมกริบน่าตกตะลึง เอ่ยว่า “มิน่าเจ้าถึงกล้าจองหองปานนี้ แต่เจ้าคิดว่าเพียงเท่านี้ก็สามารถเอาชนะข้าในสามกระบวนท่าได้หรือ”

เมื่อพูดเช่นนี้ออกมา ความตื่นตระหนกแต่เดิมในที่นั้นก็ลดลงไม่น้อย

แน่นอน ต่อให้เทพมารหลินแข็งแกร่งกว่านี้ แต่ก็เป็นเพียงยอดมกุฎรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติอยู่ดี ในฐานะที่เป็นคนรุ่นเดียวกัน จินมู่อวิ๋นจะรับแม้แต่สามกระบวนท่าไว้ไม่ไหวได้อย่างไร

คิดถึงตรงนี้ทุกคนก็ยิ่งโล่งอก

โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าเหล่านั้น ใบหน้ายิ่งเผยยิ้มเหี้ยม รอดูเรื่องสนุก

“ได้สิ” หลินสวินพยักหน้า สงบนิ่งและเยือกเย็น เหมือนกำลังพูดเรื่องที่ธรรมดายิ่งเรื่องหนึ่ง

เขาในตอนนี้ยามขยับตัวมีแสงมรรคปรากฏ รัศมีเทพอบอวล ประหนึ่งนายเหนือหัว มีท่วงท่าองอาจควบคุมขุนเขาธารา กลิ่นอายกลืนกินหมื่นแดนดิน

เขาไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ!

ทุกคนสีหน้าประหลาด หลินสวินในตอนนนี้ถึงมีท่าทางของเทพมารโดยแท้ ทำให้ยามทุกคนมองดูอยู่ไกลๆ ล้วนรู้สึกกดดัน

จินมู่อวิ๋นเดือดดาลจนกลายเป็นยิ้ม กระบี่ที่อยู่ในมือชี้ไปยังหลินสวินซึ่งอยู่ห่างออกไป พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้าจะให้เจ้าต้องตบหน้าตัวเอง!”

ชิ้ง!

เขาอดไม่ไหวชิงออกโจมตีก่อนแล้ว กระบี่พรหมราชในมือพลันระเบิดเจตกระบี่เพลิงเทพคับฟ้าออกมาบดขยี้ห้วงอากาศ ประหนึ่งฝนเพลิงดาวตกระเบิดลงมาจากฟากฟ้า

กระบี่นี้ไม่เพียงทรงอำนาจยังมีอานุภาพมหามรรคไพศาล เสียงกระบี่หวีดร้องราวระเบิด ประหนึ่งจะทำลายมารในใจ ฟันพันธนาการให้แหลกสลาย พลังสะท้านสะเทือนถึงก้นบึ้งของจิตใจแผ่กระจาย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจินมู่อวิ๋นบรรลุวิถีกระบี่ถึงขั้นเหนือธรรมดาหาใดเทียบแล้ว เพียงการโจมตีเดียวก็สำแดงความสง่างามไร้ศัตรูของผู้ฝึกกระบี่ไร้เทียมทานผู้หนึ่งออกมา

ทั้งดูออกได้เช่นเดียวกันว่า แม้ไม่เชื่อว่าหลินสวินจะสามารถเอาชนะตนได้ในสามกระบวนท่า แต่ยามเขาลงมือย่อมไม่มีการออมมือแต่อย่างใด

เมื่อกระบี่โจมตีออกไป แสงสาดส่องใต้หล้า สะท้านขวัญไปทั้งสนาม!

กระบี่ที่น่าตื่นตาเช่นนี้ทำให้ยอดมกุฎรุ่นเยาว์บางคนต่างหวาดกลัว สั่นสะท้านไม่หยุด

กระบี่นี้ หลินสวินควรจะสลายเช่นไร

ไม่แน่ว่า กระทั่งตั้งรับยังกินแรงนักกระมัง

ในขณะเดียวกันหลินสวินก็เคลื่อนไหวแล้ว

ที่เหนือความคาดหมายคือหลินสวินไม่ได้ใช้สมบัติ แต่เป็นหมัดเปล่าๆ นิ้วมือรวบเข้าด้วยกัน ปล่อยหมัดหนึ่งออกไป

ตูม!

เพียงแต่หมัดนี้มหัศจรรย์ยิ่งนัก!

ทันทีที่ปรากฏ ชั่วพริบตาก็มีปรากฏการณ์ทำลายล้างมากมายสำแดงออกมา ทั้งภูเขาถล่ม ทะเลแหวก ห้วงอากาศเผาไหม้ มังกรออกจากเหว หงส์เพลิงร้องกังวาน…

ต่อมายังปรากฏภาพประหลาดวันโลกาวินาศอย่างเวิ้งฟ้ายุบตัว นรกจมลง สรรพสัตว์มลายล้าง

ปรากฏการณ์ประหลาดและความเร้นลับอย่างแล้วอย่างเล่านี้ รวมเข้าไปในหนึ่งหมัดในชั่วพริบตา พลันทำให้หมัดนี้เต็มไปด้วยพลังยากบรรยาย

คล้ายสามารถสะเทือนสวรรค์ ทำให้ท้องนภาแยกออก!

หมัดเดียวสะเทือนสวรรค์!

หนึ่งหมัดอันทรงพลังอหังการถึงที่สุด หลอมรวมนัยเร้นลับทุกขนานของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ ถูกพลังแก่นมรรคธาตุน้ำปกคลุม เพิ่มพูนอานุภาพแกล้วกล้าไม่มีสิ่งใดไม่อาจทำลาย

โครม!

หมัดเดียวตัดขวางอากาศ ทุกที่ที่ผ่านห้วงอากาศปั่นป่วน ทำให้จินมู่อวิ๋นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหายใจไม่ออกที่เข้ามาปะทะหน้าในทันใด หายใจได้อย่างติดขัด จิตวิญญาณได้รับผลกระทบถึงที่สุด

เขาหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้เขาถึงกับสับสนว่าจะตั้งรับอย่างไรดี เปรียบเหมือนมดตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะหลบการปกคลุมของกรงเล็บมังกรฟ้าได้ด้วยวิธีใด

เขาพลันกัดปลายลิ้นเรียกสติกลับคืนมา จากนั้นจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าจิตมรรคของตนกลับถูกอานุภาพหมัดของฝั่งตรงข้ามปกคลุม!

ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา

ตอนที่จินมู่อวิ๋นคิดจะเปลี่ยนกระบวนท่าก็ไม่ทันการแล้ว

ตูม!

ก็เห็นว่าเหนือสนามประลองกว้างใหญ่ พลังแกร่งกร้าวอหังการของหนึ่งกระบี่และหนึ่งหมัดปะทะเข้าหากัน ทันใดนั้นห้วงอากาศรอบด้านก็ยุบลงดังโครมเหมือนเศษกระดาษ

รัศมีเทพและแสงมรรคนานาชนิดแผ่พุ่งออก น่าหวาดหวั่นถึงที่สุด ทั้งยังโกลาหลอย่างยิ่งยวด

นี่ต่างจากการประลองก่อนหน้านี้

ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันล้วนต้องการตัดสินผลแพ้ชนะภายในสามกระบวนท่า ดังนั้นทันทีที่ลงมือ สิ่งที่สำแดงออกมาล้วนเป็นไม้ตายของแต่ละคน อานุภาพและพลังทำลายล้างก็ย่อมแตกต่าง

ในลานผู้ฝึกปราณบางคนถึงกับมองรายละเอียดการต่อสู้ไม่ชัด ดวงตาถูกทิ่มแทงจนเจ็บปวด จิตวิญญาณถูกกระทบกระเทือน!

ตึงๆๆ…

ท่ามกลางฝุ่นควันอบอวล ร่างของจินมู่อวิ๋นถอยออกไปต่อเนื่องอย่างสูญเสียการควบคุม เพียงรู้สึกว่าพลังหมัดนั้นพุ่งเข้าไปภายในร่าง ประหนึ่งม้าป่าที่หลุดจากเชือกบังเหียนกำลังพุ่งชน สั่นสะท้านจนอวัยวะตันห้ากลวงหกของเขาแทบพลิกกลับ เลือดเนื้อทุกกระเบียดเจ็บปวดเหมือนเข็มทิ่มแทง

ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นกลับรู้สึกเหมือนฟ้าพลิกดินหมุน คล้ายจะหมดสติ

ทุกคนต่างงงงวย เหม่อลอยอยู่เช่นนั้น จิตวิญญาณถูกภาพนี้เขย่าขวัญ

ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดอยู่เลยว่าหลินสวินจะสามารถตั้งรับกระบี่อันน่าตื่นตานี้ของจินมู่อวิ๋นได้หรือไม่ แต่เพียงชั่วพริบตา หมัดเดียวของหลินสวินกลับทำลายล้างราบคาบ สร้างบาดแผลให้แก่จินมู่อวิ๋น!

การพลิกผันนี้รวดเร็วยิ่งนัก เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทำให้คนจำนวนมากยังคิดว่าดวงตาพร่ามัว ไม่อาจทำใจเชื่อทุกอย่างนี้

พรวด!

ในสนามประลอง จินมู่อวิ๋นอดทนมาครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวกระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย

กลับไปดูหลินสวิน เงาร่างสูงตระหง่าน มั่นคงไม่ไหวติง มีเพียงอาภรณ์สีขาวพระจันทร์กำลังโบกพลิ้ว ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ทุกคนล้วนแตกตื่นอย่างอดไม่อยู่ ส่งเสียงร้องตื่นตระหนก สีหน้าตกตะลึง ตอนนี้ถึงแน่ใจได้ในที่สุดว่าการโจมตีนี้เป็นจินมู่อวิ๋นที่ได้รับบาดเจ็บ!

นี่… จะเป็นไปได้อย่างไร

ทุกคนดวงตาเบิกถลน ตกตะลึงอ้าปากค้าง

“หนึ่งหมัดที่แข็งแกร่งนัก!” เยี่ยเฉินหลับตาลง ในสมองนึกย้อนรายละเอียดทั้งหมดเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว สีหน้าเคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก

‘สะเทือนสวรรค์สะท้านปฐพี ไม่อาจเทียบเทียมได้ หมัดนี้ นัยเร้นลับที่แฝงไว้แข็งแกร่งยิ่งแล้ว…’ เซี่ยวชางเทียนใคร่ครวญในใจ เขาก็เริ่มอนุมานรายละเอียดที่อยู่ภายในนี้โดยไม่ได้นัดหมายเช่นกัน

ผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสบางคนก็อดครุ่นคิดไม่ได้ จากสายตาของพวกเขาย่อมดูออกว่าการโจมตีนี้ไม่ได้เล่นเล่ห์อะไร เป็นการปะทะซึ่งหน้าโดยสมบูรณ์

แต่จินมู่อวิ๋นกลับถูกซัดให้กระเด็นถอยไป พิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อกังขาว่าเทพมารหลินคนนั้นแข็งแกร่งกว่าระดับหนึ่ง!

‘ประเมินเขาต่ำไปอีกแล้วหรือ’ สีหน้าเยี่ยนจั่นชิวปรากฏความอึมครึม

ก่อนหน้านี้เขารับรู้พลังต่อสู้ของหลินสวินใหม่หลายครั้ง เดิมก็ประเมินไว้สูงพอตัวแล้ว ใครจะคิดว่าความเป็นจริงยังเหนือกว่าที่เขาคาดไว้!

บนสนามประลอง จินมู่อวิ๋นสีหน้าอึมครึม สงสัย ท่าทางไม่อาจทำใจเชื่อได้

กระบวนท่าเดียวนะ!

ล้วนเป็นการทุ่มพลังทั้งหมดที่มี แต่เขากลับถูกซัดสะท้าน จะหมายความว่าความสำเร็จบนมกุฎมรรคาของเทพมารหลิน แข็งแกร่งกว่าเขาระดับหนึ่งหรือไม่

“ลืมตาหมาๆ ของพวกเจ้ามาดูซะว่าอย่างไรถึงเรียกว่ามาดแห่งเทพมาร เสียทีที่ก่อนหน้านี้พวกเจ้ายังโวยวายถากถาง ตอนนี้ถูกตบหน้าเข้าแล้วหรือไม่”

ไกลออกไปอาหลู่หัวเราะบ้าคลั่ง เขาปากเปราะแต่กำเนิด เมื่อเห็นโอกาสนี้จะไม่ฉวยโอกาสแสดงฝีปากได้อย่างไร

ที่เชิงเขา หลายคนสีหน้าไม่น่าดู

โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า แทบอยากจะฉีกปากเจ้าคนเถื่อนผู้นี้ให้เละ

“เพิ่งหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น คิดจริงๆ หรือว่าจะเช่นนี้ก็จะเอาชนะได้”

ผู้อาวุโสสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนหนึ่งเอ่ยปากเหี้ยมเกรียม “เรียนรู้แลกเปลี่ยนกันครั้งแรก เลี่ยงไม่ให้เลินเล่อได้ยาก นี่เป็นเรื่องปกติ แต่หากกล่าวว่าเทพมารหลินสามารถเอาชนะได้ในสามกระบวนท่า นั่นต่างหากที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องตลกใหญ่เท่าฟ้า!”

เมื่อพูดเช่นนี้ออกไปก็ดึงดูดให้เกิดความคิดคล้อยตามไม่น้อย ต่างเป็นผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณที่มองหลินสวินเป็นศัตรู ย่อมไม่อาจยืนอยู่ฝั่งหลินสวิน

“ชิชะ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา หากเปลี่ยนข้าเป็นพวกเจ้าคงตบหน้าตัวเองไปนานแล้วโว้ย!” อาหลู่ยิ้มหยัน

“พอแล้ว!”

จินมู่อวิ๋นตะคอกดัง สีหน้าคล้ำเขียวจนน่ากลัว ตนมีฐานะเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่หยิ่งยโส ย่อมทนให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้

จากนั้นเขาพลันมองไปยังหลินสวิน เอ่ยว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือความคาดหมายของข้าก็จริง แต่ว่า… แบบนี้ชนะข้าไม่ได้แน่!”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท