เมื่อคำพูดนี้ของหลินสวินออกมา เยี่ยเฉินชะงักเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงหัวเราะลั่นออกมา
เสียงราวกับกระบี่ครวญ สะเทือนฟ้าดิน
“เทพมารหลินเจ้านี่นะ ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้าว่า หากเจ้าเอาชนะข้าได้จริงๆ ต่อไปเมื่อใดก็ตามที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย เพียงแค่เรียกมาคำหนึ่ง ข้าเยี่ยเฉินก็จะออกหน้าให้เจ้า!”
คำพูดของเขาแฝงความเย่อหยิ่ง แข็งแกร่งทรงพลังราวกับกระบี่
ทั้งลานเงียบกริบ ทุกคนต่างดูออกว่าแม้หลินสวินกับเยี่ยเฉินต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน แต่กลับให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมาก
ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ทั้งสองก็ไม่มีทางจะกลายเป็นศัตรู!
“เทพมารหลินนี่โชคดีจริงๆ ได้เชื่อมสัมพันธ์ผู้มีอิทธิพลของตระกูลเยี่ยแห่งเขาจื่อเวยเชียว” ในใจหลายคนต่างแฝงความอิจฉา ส่วนใหญ่ล้วนเป็นขุมอำนาจที่เห็นหลินสวินเป็นศัตรู
“เชื่อมสัมพันธ์ผู้มีอิทธิพลหรือ ด้วยพรสวรรค์ของเทพมารหลิน เพียงแค่กลายเป็นราชัน ขุมอำนาจใดจะมีคุณสมบัติให้เขาพึ่งพิง พวกเจ้าดูถูกกันเกินไปแล้ว”
และมีคนท้วงเถียง
ขณะที่ในลานถกเถียงวุ่นวาย หลินสวินขมวดคิ้วพูด “อะไรคือข้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าจะออกหน้าให้ข้า เจ้าน่ะดีทุกอย่าง แต่ชอบทำตัวเด่นเกินไป”
เยี่ยเฉินหัวเราะลั่นออกมาอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “เจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้จริงๆ หรือ”
“ลองดูก็รู้”
หลินสวินพูดจบพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง พลังรอบตัวยิ่งแข็งแกร่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เงาร่างถูกแสงมรรคสีเขียวอร่ามท่วมท้น
“หึ!”
เยี่ยเฉินสะบัดแขนเสื้อ กระบี่โบราณไม่พันผูกลอยขึ้น พริบตานั้นเจตกระบี่ไพศาลสะเทือนอากาศ ปลดปล่อยปราณกระบี่สีม่วงหนาแน่นแถบหนึ่ง โจมตีเข้าใส่หลินสวินด้วยท่วงท่าผ่าเผย
นี่ราวกับป่ากระบี่ที่กระจายอยู่กลางห้วงอากาศ แฝงด้วยค่ายกลมหามรรค ไม่มากไม่น้อย เพียงหนึ่งร้อยแปดปราณกระบี่พอดิบพอดี
ปราณกระบี่ทุกสายล้วนแสดงอานุภาพแห่งจักรพรรดิวิถี กึกก้องสะเทือนหู แสงม่วงเรืองรอง
เสียงตูมดังลั่น อากาศยุบทลาย ราวกับเทพมารบรรพกาลก้าวทะยานฟ้า รอบตัวหลินสวินเกิดปรากฏการณ์ประหลาดมากมาย รวมเข้าไปในหมัด ปลดปล่อยพลังหมัดนับร้อยพันชั้นออกมาในชั่วพริบตา เขย่าฟ้าสะเทือนดิน
ปังๆๆ!
แรงหมัดทะลวงอากาศ ทลายปราณกระบี่แต่ละสายจนแตกหักท่ามกลางเสียงกึกก้องสะเทือนหู แข็งแกร่งจนน่าตกใจ ถึงกับคล้ายจะหนาแน่นและดุร้ายกว่าปราณกระบี่
“เยี่ยม!” เยี่ยเฉินคำราม ถือกระบี่พุ่งเข้ามา เปิดฉากโจมตีดุเดือด
เขาฟาดฟันออกมาหนึ่งกระบี่ ประหนึ่งภูผาธาราทั้งผืนเคลื่อนขวาง แสงมรรพลุ่งพล่าน หมายจะสยบหลินสวิน
ทุกคนต่างรู้สึกรางๆ ว่ายามเผชิญกับกระบี่นี้ก็ราวกับกำลังรบกับภูผาธาราแถบหนึ่งของโลก รู้สึกกดดันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
วิชากระบี่จักรพรรดิจื่อเวย!
นี่แสดงให้เห็นถึงการเคี่ยวกรำเจตกระบี่จนถึงขั้นสูงสุด ชักนำอานุภาพแห่งฟ้าดิน ไม่ยึดติดกับกระบวนท่าใดๆ ทุกท่วงท่าล้วนเผยแก่นอัศจรรย์วิถีกระบี่ออกมาอย่างหมดจด
หลินสวินไร้ซึ่งความกลัว มือขวากำหมัดกระแทกไปข้างหน้า เรียบง่ายธรรมดา แต่กลับมีอานุภาพทลายจักรวาลสลายอากาศ สาดแสงมรรคอันไร้ขีดจำกัด
ปัง!
ทั้งสองต่อสู้กันราวกับสุริยันเข้าปะทะ หมัดกระบี่ตัดประสาน ทำให้ฟ้าดินล้วนเปลี่ยนสี เสียงมรรคดังกึกก้อง พาให้ทุกคนในลานต่างตกใจ
นี่เพิ่งจะเริ่มปะทะกันก็ปรากฏพลานุภาพที่พลิกฟ้าระดับนี้แล้ว ไม่ว่าใครล้วนอดหวั่นไหวไม่ได้
“ฟัน!”
ผมดำของเยี่ยเฉินพลิ้วสยาย แววตาดุจสายฟ้า กระบี่ไม่พันผูกแฝงแสงม่วงเย้ยฟ้า ม้วนแผ่ลงมาราวกับจักรพรรดิโจมตีโลก
รอบตัวหลินสวินดุจถูกเผาไหม้ สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณประหนึ่งเตาหลอม ทำให้พลังหมัดของเขายิ่งสว่างไสว เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ที่สำแดงออกมาก็ยิ่งน่ากลัว
โทสะหยาจื้อ วิชาอริยะยุทธ์ แก่นมรรคแห่งวารี…
ภายใต้การเกื้อหนุนของพลังเหล่านี้ ทำให้เขาปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่ เสียงโครมหนึ่งดังขึ้น ก็สลายการโจมตีของเยี่ยเฉินได้ในทันที
ทั้งสองต่อสู้ปะทะกันบนสนามประลองไม่หยุด เจตกระบี่เดือดพล่าน พลังหมัดยิ่งใหญ่ ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดุเดือดถึงขีดสุด
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
นี่คือเสียงลำนำกระบี่ เดือดดาลราวกับมังกรครวญ กึกก้องสะเทือนหู กระบี่ของเยี่ยเฉินประหนึ่งเมฆมงคลตะวันออก มีอานุภาพแห่งจักรพรรดิวิถี แต่ละครั้งที่โจมตีล้วนพาให้คนใจสั่น หนังหัวชาวาบ
ที่น่ากลัวที่สุดคือกระบวนท่าของเขาไม่ถูกผูกมัด ก้าวเดินกลางอากาศ ตัดผ่านคำรามขวาง ปลายกระบี่ชี้ไปที่ใด ล้วนกลายเป็นอานุภาพอันยิ่งใหญ่แห่งดินแดนตน
หลินสวินก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน แม้จะปล่อยหมัดมือเปล่า พลังหมัดกลับทะลวงนภาสยบปฐพี ไม่มีสิ่งใดไม่อาจทำลาย กวาดล้างสรรพสิ่ง พาให้ตะลึงจนอ้าปากค้าง ยากจะจินตนาการได้เช่นเดียวกัน
ทั้งสองปะทะกันไปแล้วหลายร้อยครั้งโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนในลานดูจนลืมหายใจ จิตใจราวกับพายุพัดโหม ยากจะควบคุมตัวเอง ไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ ว่า ในขอบเขตมกุฎระดับกระบวนแปรจุติสามารถสำแดงพลังระดับนี้ออกมาได้อย่างไร
แทบไม่มีใครสงสัยว่า หากราชันกึ่งระดับเข้าร่วมการต่อสู้ จะต้องตายอย่างอนาถแน่นอน!
ครืนโครม!
ท่ามกลางการปะทะที่สะเทือนฟ้าดิน ทั้งสองต่างกระเด็นออกไป
มุมปากเยี่ยเฉินมีรอยเลือดสายหนึ่งไหลออกมา ร่างกายสั่นเล็กน้อย สายตากลับยิ่งเจิดจ้า เต็มไปด้วยประกายกระบี่อันเยียบเย็นและน่ากลัว
บริเวณไหล่ของหลินสวินมีรอยกระบี่รอยหนึ่งเพิ่มเข้ามา ผิวเปิดเนื้อแตก มีเลือดไหลออกมา แต่เขาเหมือนไม่รู้สึก กลิ่นอายราวกับหินหนืดที่เดือดพล่าน ปั่นป่วนลมเมฆ
ทุกคนตะลึง ทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนไม่มีใครได้เปรียบทั้งนั้น
“หลินสวิน พลังเท่านี้ยังไม่พอหรอกนะ”
“ไม่รุนแรงพอหรือ เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าสัมผัสอีกที!”
ระหว่างที่ต่อปากต่อคำกัน ภาพมายาสัตว์เทพแถบหนึ่งปรากฏขึ้น คุมเชิงรอบตัวหลินสวิน ชือน้ำแข็ง ซวนหนี ปี้อั้น ป้าเซี่ย…
ภาพมายาของสัตว์เทพเก้าตัว สั่นหัวกระดิกหาง ม่านแสงสว่างไสว เสมือนมีชีวิตจริง คำรามอย่างเย่อหยิ่ง ขับให้หลินสวินดูเหมือนเจินหลงมาเยือนโลก
มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร!
เยี่ยเฉินนัยน์ตาหดรัด เขาเคยเห็นความน่ากลัวของวิชาลับนี้ ในมือพลันสั่นขึ้นมา เสียงชิ้งดังขึ้น จู่ๆ กระบี่ไม่พันผูกสีม่วงเจิดจ้าก็แยกเป็นเก้าชิ้น
กระบี่เก้าเล่มราวกับสุริยันสีม่วง วนเวียนรอบกายเยี่ยเฉิน ปลดปล่อยเจตกระบี่ไม่มีที่สิ้นสุด!
“เก้ากระบี่รบจื่อเวย!”
แม้แต่หายใจทุกคนยังรู้สึกกดดัน แสบตาไปหมด ก่อนหน้านี้ในยกแรกที่เขาประลองกับเซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉินก็เคยใช้วิชาลับนี้แล้ว
ภายใต้เก้ากระบี่ที่ปรากฏพร้อมเพรียง อานุภาพนั้นทำให้เทพผียังถอยหนี!
ตูม!
การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง และดุเดือดกว่าเดิม
บนสนามประลองเต็มไปด้วยเสียงคำรามของสัตว์เทพและเสียงลำนำกระบี่ที่ราวกับกระแสน้ำ ทั้งสองสู้กันจากพื้นดินขึ้นไปกลางอากาศ แล้วกลับลงสู่สนามประลองอีกครั้ง มองจากไกลๆ ราวกับมารเทพกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด สะเทือนฟ้าดิน
เยี่ยเฉินได้รับบาดเจ็บ
หลินสวินเองก็บาดเจ็บเช่นกัน!
และท่ามกลางเวลาที่ล่วงเลยไป แผลบนร่างกายของทั้งสองก็มากขึ้นเรื่อยๆ เลือดสดๆ โชกเสื้อผ้า แต่ไม่เพียงไม่สะบักสะบอม กลับยังให้ความรู้สึกฮึกเหิม
“สลาย!”
ตอนที่ประลองกันถึงพันกระบวนท่า เยี่ยเฉินส่งเสียงตะโกนราวกับฟ้าร้องออกมา
กระบี่วิญญาณเก้าเล่มโฉบออกมา ราวกับสุริยันเก้าดวงหล่นร่วงและปะทุในสนามประลอง
ชั่วขณะนี้ผู้แข็งแกร่งหลายคนต่างส่งเสียงร้อง จิตใจได้รับความกระทบกระเทือน รับการปะทะเช่นนี้ไม่ไหว ในปากกระอักเลือด
แม้เป็นผู้กล้ายอดมกุฎรุ่นเยาว์เหมือนกันยังสูดหายใจด้วยความตกใจ จิตวิญญาณสั่นไหว
ยามนี้หลินสวินก็รับรู้ได้ถึงอันตรายถึงขีดสุด ขับเคลื่อนพลังของตนเต็มกำลัง ทั้งตัวเปล่งแสงเจิดจ้า
วู้ม!
รอบตัวเขาจู่ๆ เงามายาสัตว์เทพเก้าตัวนั้นก็แปรสภาพเป็นอักษร ‘เคราะห์’ ที่ราวกับภาพมายาเป็นสายๆ
ทุกอักษรเคราะห์ล้วนแตกต่างกัน ราวกับสื่อถึงยุคสมัยและอารยธรรมที่แตกต่างกัน บ้างบิดเบี้ยวเหมือนไส้เดือน บ้างเป็นสัญลักษณ์รูปลิ่ม บ้างเหมือนภาพสัญลักษณ์โบราณ…
ทันทีที่ เก้า ‘เคราะห์’ ปรากฏขึ้น ในใจทุกคนพลันกระตุกวูบ ราวกับประสบเคราะห์สวรรค์อย่างไรอย่างนั้น จิตมรรค จิตวิญญาณ ทั้งในและนอกร่างกายล้วนรู้สึกถึงความกดดันยากจะอธิบายเป็นคำพูด
โชคดีที่อักษรเคราะห์เก้าตัวนี้คลุมเครือและลวงตาอย่างมาก ไม่ได้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน มิฉะนั้นอานุภาพจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าอย่างแน่นอน!
แม้เพียงเท่านี้ ก็เรียกได้ว่าน่าสะพรึงอย่างที่สุดแล้ว
ตูม!
กระบี่เก้าเล่มที่ราวกับดวงสุริยัน และอักษรเคราะห์ที่ลึกลับไม่อาจคาดเดาทั้งเก้าปะทะกันในสนามประลอง
ชั่วขณะนั้นแม้แต่ข้ารับใช้วิญญาณยังนัยน์ตาหดรัด โบกสะบัดแขนเสื้อ พลังแห่งกฎระเบียบที่ไม่มีที่สิ้นสุดปรากฏขึ้น ปกคลุมทั้งสนามประลอง
แม้จะเป็นเช่นนี้ การประลองที่ตะลึงโลกนี้ก็ทำให้ในสนามประลองราวกับพิบัติโลกาวินาศมาเยือน เสียงดังสะเทือนกึกก้อง เจตกระบี่และแสงศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่านไปมา ปั่นป่วนโกลาหล
“นะ นี่… น่ากลัวเกินไปแล้ว…”
ในลานสีหน้าของผู้ชมอึ้งงัน ตะลึงจนพูดไม่ออก ห่างกันแสนไกล แต่กลับทำให้จิตใจของพวกเขาถูกโจมตีไปด้วย
การประลองระดับนี้แม้ในโลกภายนอกยังเรียกได้ว่าหาดูได้ยาก ยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา เพียงพอที่จะทำให้เกิดความฮือฮาทั่วหล้า!
‘พลังแห่งมังกรเคราะห์แปรสภาพ! เขา… กลับทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว!’ เยี่ยนจั่นชิวเป็นคนเย่อหยิ่งมาโดยตลอด แต่กลับคล้ายพะวงการเข้าถึงพลังมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรของหลินสวิน ประหนึ่งไม่สามารถยอมได้
ยิ่งหลินสวินสำแดงความแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เขาโกรธ สีหน้าก็ยิ่งเฉยเมยและเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
“ต้านทานได้หรือไม่”
อย่างพวกเซี่ยวชางเทียน จินมู่อวิ๋น ตอนนี้ต่างจับจ้องในสนามประลองอย่างใกล้ชิด
ความโกลาหลของที่นั่นกำลังจางหายไป ไม่นานก็ปรากฏเงาร่างของหลินสวินและเยี่ยเฉิน
เพียงแต่ตอนนี้สภาพของทั้งสองต่างย่ำแย่มาก
หลินสวินสีหน้าซีดเซียว มือทั้งคู่เปื้อนเลือด บนร่างกายมีรอยกระบี่ที่น่าสยดสยองมากมาย ยังมีเลือดไหลพรูออกมา
เยี่ยเฉินเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน รอบตัวของเขาอาบเลือด หายใจหอบ ภายนอกแม้ไม่มีบาดแผล แต่กลับบอบช้ำภายใน
ตอนเห็นภาพนี้ทกคนต่างเงียบกริบ ล้วนจมสู่ความตกตะลึง
ครั้งนี้กลับไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้!
“อยากชนะข้า ยังคงไม่พอ!”
เยี่ยเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สายตาเปล่งประกาย กลิ่นอายไม่เสื่อมถอย กลับดุร้ายและน่าทึ่งกว่าก่อนหน้านี้
“หากเจ้ายังไม่แสดงไพ่ตายที่แท้จริงของเจ้า จะต้องพ่ายแพ้แน่!”
ระหว่างที่พูด ทุกคนต่างค้นพบอย่างตกตะลึง ว่าบาดแผลรอบตัวของเยี่ยเฉินกลับประสานด้วยความเร็วน่าตกใจ ส่วนพลังของเขาก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามมาด้วย
“สวรรค์! เขาแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่” เหล่าผู้ชมร้องเสียงหลงอย่างตกตะลึง ความสามารถของเยี่ยเฉินสะดุดตาและวิปริตเกินไปแล้ว
“เจ้าพูดผิดแล้ว ยังไม่ถึงเวลา”
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกดาบหักออกมาพร้อมพูดว่า “หลังจากนี้ หากเจ้าสามารถต้านทานการโจมตีรอบนี้ได้ บางทีอาจมีความเป็นไปได้ที่ข้าจะใช้ไพ่ตายที่แท้จริง”
“เจ้ามันบ้าคลั่งจริงๆ ไม่ด้อยไปกว่าเซี่ยวชางเทียนเลย” เยี่ยเฉินเลิกคิ้ว
เซี่ยวชางเทียนที่อยู่ห่างออกไปแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเยียบเย็น ไม่พอใจอยู่บ้างที่เยี่ยเฉินเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ
“หยุดพูดไร้สาระ มาสู้กัน!”
ครั้งนี้หลินสวินออกโจมตีก่อน ดาบหักโฉบพุ่งกลางอากาศ ละอองแสงสว่างไสวนับพันหมื่นพรั่งพรู ลวงตาราวกับแสงดารา แฝงไอดุร้ายพลิกฟ้า
รบกันมาถึงตอนนี้ ความฮึกเหิมในร่างกายของเขาถูกกระตุ้น จิตต่อสู้ลุกโชนเดือดดาล ผิวหนังทุกส่วนล้วนแฝงความปรารถนาในการต่อสู้
นับตั้งแต่เข้าร่วมการประลองในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินต่อสู้อย่างตื่นเต้นขนาดนี้
เหตุผลง่ายมาก เยี่ยเฉินเป็นคู่ต่อสู้ที่โดดเด่นและยอดเยี่ยมอย่างมาก!
มีเพียงการประลองกับผู้แข็งแกร่งระดับนี้ จึงจะมีความรู้สึกเดือดพล่าน จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกโชนเช่นนี้!
มองออกไปไกลๆ เงาร่างของหลินสวินราวกับเทพมารที่โจมตีเก้าสวรรค์ จิตต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรงทำให้ผู้ชมทั้งลานตกใจ
——