ประโยชน์ของตราผนึกเทพนี้ คือสามารถผนึกช่องจิตของอีกฝ่าย เมื่อผนึกพลังวิญญาณของอีกฝ่าย พลังเทพก็จะไม่สามารถใช้การได้ อีกทั้งยังไม่สามารถเรียกใช้พลังแห่งกฎอีกด้วย
เทพมารอสูรเหยี่ยวทองแบกรับการโจมตีของแสงค่ายจำนวนมหาศาล เขาไม่สามารถที่จะยกมือขึ้นมาเพื่อป้องกันการโจมตีนี้ได้เลย ถูกนิ้วของหลัวซิวที่สลักสัญลักษณ์ ผนึกลงไปบริเวณหว่างคิ้ว
“ฮึ เจ้าคิดจะโจมตีช่องจิตของข้า? บอกเจ้าตามจริง ข้าไม่เกรงกลัววิชานี้ของเจ้า เพราะช่องจิตของข้ามันไม่ได้อยู่ที่ตัวหยั่งรู้บริเวณหว่างคิ้วอยู่แล้ว” เทพมารอสูรเหยี่ยวทองหัวเราะเสียงเย็น จากนั้นร่างกายของเขาก็ร่วงลงมาบนพื้นดิน คลายการโจมตีจากวิชาห้ามค่ายกลที่ตรงอากาศนั้นได้
“งั้นหรือ?” หลัวซิวยิ้มบาง ๆ “เป็นเรื่องจริงที่ช่องจิตของเจ้าไม่ได้อยู่บริเวณหว่างคิ้ว แต่อยู่ที่จุดชีพจรของเจ้า”
ตราผนึกเทพ หากสามารถคลายได้โดยง่ายเช่นนั้น ก็คงจะไม่มีทางถูกเก็บบันทึกเอาไว้ในพลังอมตะ 36 ชนิดของตระกูลหลี่แห่งโลกมหาจักรภพ เพียงแค่ถูกพลังอมตะนี้โจมตี ออร่าวิชาตราประทับก็จะตรงเข้าไปค้นหาตำแหน่งช่องจิตของอีกฝ่ายด้วยตัวเอง จากนั้นก็ทำการผนึก
สีหน้าของเทพมารอสูรเหยี่ยวทองเหยเกขึ้นอีกครั้ง ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่พูดคุยกับหลัวซิว เขาก็สัมผัสได้ว่าช่องจิตที่ถูกซ่อนเอาไว้ที่จุดชีพจร ถูกสัญลักษณ์หนึ่งห่อหุ้มไว้ พลังของวิญญาณตัวสำนึกได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในทันที และอ่อนแอลงราว ๆ ห้าในสิบ
ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็เป็นเพราะแดนผลการฝึกตนของหลัวซิวยังไม่สามารถใช้ตราผนึกเทพ ผนึกช่องจิตของเทพมารได้อย่างสมบูรณ์
แต่นี่ก็มากเพียงที่จะทำให้เทพมารอสูรเหยี่ยวทองเกรงกลัวแล้ว เขาส่งเสียงเหยี่ยวร้องออกมาครั้งหนึ่ง ไม่กล้าจะบินขึ้นไปกลางอากาศ ทำได้เพียงสาวท้าวออกวิ่ง
“คิดจะหนีหรือ?”
หลัวซิวหัวเราะเสียงเย็น ใช้หมื่นจักรวาลไร้รูปแปรเป็นพลังอมตะอีกวิชาหนึ่ง ความเร็วนั้นรวดเร็วราวกับสายฟ้า ไม่ทันไรก็ตามมาได้ทัน
เขาเอื้อมมือขนาดใหญ่ออกไป วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่อยู่กลางฝ่ามือก็หมุนขึ้น พุ่งเข้าไปบดขยี้เทพมารอสูรเหยี่ยวทอง
“ปัง!”
เทพมารอสูรเหยี่ยวทองไม่ทันได้ระวังตัว ถูกวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพโจมตีเข้ากลางหลัง ครึ่งท่อนบนราวกับถูกโจมตีจนเกือบแตกสลาย ลำแสงสว่างไสวของพลังเทพยังคงเปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง บาดแผลนั้นกลับฟื้นฟูได้ช้าเหลือเกิน。
“เห็นแก่เจ้ากว่าจะฝึกตนเป็นเทพมารอสูรได้ไม่ง่าย หากเจ้ายินยอมให้ข้าเป็นเจ้านาย วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง” หลัวซิวคำราม วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพลอยยู่เหนือศีรษะ ราวกับราชาเทพที่ลงมาเยือนบนโลก
เทพมารอสูรเหยี่ยวทองกระอักเลือดออกมาอึกใหญ่ สีหน้าดุร้ายน่ากลัว แสยะยิ้มพร้อมเอ่ยปาก “ข้าเป็นถึงเทพมารอสูรผู้ยิ่งใหญ่ เจ้ากลับกล้าให้ข้ายิมรับเจ้าเป็นนายงั้นรึ?”
เขาเงยหน้าคำราม รอบกลายแผ่กระจายไปด้วยออร่าอันน่าหวาดกลัว ในมือของเขามีมีดสีทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นสมบัติที่ถูกกลั่นออกมาโดยใช้ขนนกเส้นที่แข็งแกร่งที่สุดบนร่างของเขา
“เจ้าเลือกที่จะต่อต้านข้างั้นหรือ? ผลลัพธ์ของการต่อต้านข้านั้น มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเจ้าอาจจะต้องถึงแก่ชีวิต”
หลัวซิวก้าวเท้าไปด้านหน้า วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพระเบิดออกมา
“ชิ้ง!”
มีดทองฟาดลงบนวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ สะเก็ดดาวสาดกระเซ็นออกมา เทพมารอสูรเหยี่ยวทองถูกแรงกระแทกจนซวนเซถอยหลังไป แต่กลับยังคงเต็มไปด้วยความดุร้าย เดินหน้าต่อไปหมายจะสังหารอีกฝ่าย
เขาเป็นเทพมารอสูร ความเร็วนั้นรวดเร็วมาก การโจมตีราวกับลมพายุที่โหมกระหน่ำ แต่ไม่ว่าจะอาศัยความบ้าคลั่งของเขาในการจู่โจมมากสักเพียงใด ก็ยังไม่มีหนทางที่จะป้องกันการโจมตีของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพและไฟเทวสว่างได้เลย
“ปัง!”
วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ภายใต้การบังคับของหลัวซิว ทันใดนั้นก็ขยายใหญ่จนมีขนาดราว ๆ ภูเขาหนึ่งลูก เสียงปังดังขึ้นหลังจากที่มันร่วงลงมาทับร่างของเทพมารอสูรเหยี่ยวทอง ทำให้ร่างกายของเขาถูกกดอยู่ด้านล่าง
“โฮก!”
เทพมารอสูรเหยี่ยวทองกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกลับกลายมาเป็นร่างดั้งเดิม นั่นคือพญาเหยี่ยวสีทองตัวหนึ่งที่มีขนาดมหึมา แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนมากเพียงใด วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ไม่สามารถหลุดพ้นได้
“ตอนนี้เจ้ายอมหรือยัง?” หลัวซิวเอาสองมือไขว้ไว้ด้านหลัง ยืนตรงอยู่บนวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ เหลือบตามองเทพมารอสูรเหยี่ยวทองที่ถูกกดเอาไว้ด้านล่าง