ต่อจากนั้น เทพมารต่างๆ ก็ได้พากันทยอยเดินทางจากไป แต่หลัวซิวกลับรู้ดีว่าส่วนมากของพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้เดินทางจากไปจริงๆ พวกเขาหยุดอยู่ที่อนัตตานอกแดนปริศนาตำหนักจื่อเพื่อรอให้เวลาสามเดือนผ่านพ้นไป
……
ในระยะเวลาอันสั้น เมื่อทุกคนจากไป ที่นั่นก็เงียบสงบลง ทว่าแต่ละขั้นตอนนั้นช่างเหมือนการเดินไต่ไปบนเชือกที่หน้าผาความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจทำให้พบจุดจบกับกระดูกต้องหักแตกร้าว
หลัวซิวรู้สึกขอบคุณเทวทูตจื่อเยียนมาก หากไม่ใช่เพราะนาง เทพมารทั้งหมดมารวมตัวกัน แม้ว่าเขาจะทำลายม้วนหยก ก็ยังเกรงว่ายากที่จะจบลงด้วยดี
เดิมทีเขาได้วางแผนไว้แล้วสำหรับผลลัพธ์อันแย่ที่สุด แต่การปรากฏตัวและการกระทำของเทวทูตจื่อ ทำให้สถานการณ์พลิกผันอย่างไม่คาดคิด
“ไม่ว่าจุดประสงค์ของเจ้าที่ทำดีต่อข้าคือสิ่งใด หากในอนาคตข้าแข็งแกร่งขึ้นมา แน่นอนว่าข้าจะตอบแทนบุญคุณของท่านอย่างแน่นอน” หลัวซิวจำบุญคุณนี้ไว้ในใจนาง
“บูม!”
ประตูหินของห้องลับสั่นคลอนและเคลื่อนตัวเปิดออก เหยียนซีโรว่ซึ่งสวมชุดยาวสีขาวราวกับนางฟ้าเดินตรงเข้ามา
“ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย แม้ว่าเจ้าจะสามารถช่วยตนเองให้รอดพ้นจากอันตรายได้ แต่ข้าก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงเดินทางมาดูด้วยตนเอง” นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าหลัวซิวที่อยู่ในห้องลับนั้นสบายดี
บัดนี้หลัวซิวได้รู้แล้วว่าวิธีการล่วงรู้โชคชะตาล่วงหน้า แท้จริงเป็นทักษะในการขโมยความลับของวัฏจักร
ซึ่งทักษะนี้ขัดกับสรวงสวรรค์ ดังนั้นธิดาเทพหยุนไห่แต่ละรุ่นจึงสามารถทำนายได้เพียงเก้าครั้งเท่านั้น มิเช่นนั้นจะพบกับความพินาศจนสิ้นใจ
ด้วยประสบการณ์การกลับชาติมาเกิดอีกครั้งของนาง หลัวซิวแน่ใจได้ว่าเหยียนซีโรว่คือหยุนซีในชาติที่แล้ว แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของทั้งสองจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่อารมณ์และความรู้สึกที่มีให้เขามันช่างเหมือนกันเสียเหลือเกิน
“ซีโร่ว จงอย่าได้ใช้ทักษะทำนายดวงชะตาอีกในอนาคต” เขากล่าวช้าๆ ชาติที่แล้ว หยุนซีตายเพราะช่วยหลี่ยู่ เขาไม่ต้องการให้เรื่องราวน่าเศร้าเกิดขึ้นซ้ำอีกในชาตินี้ และเขาไม่อยากให้นางต้องมาพบจุดจบเพียงเพื่อดูดวงชะตาของเขา
สีหน้าที่แสดงออกมาของเขาทำให้ร่างกายบอบบางของเหยียนซีโร่วสั่นคลอน “พี่ยู่?……”
หลัวซิวไม่รู้ไม่รู้ว่านางสามารถมองเห็นชาติที่แล้วในอดีตของตนได้ เป็นไปตามที่หลัวซิวคาดคิดเอาไว้ เมื่อชาติที่แล้วนางคือหยุนซี แต่เนื่องจากข้อจำกัดในการฝึกตนของนาง นางจึงไม่อาจฟื้นความทรงจำทั้งหมดของหยุนซีได้ บัดนี้ความทรงจำนางยังคงอยู่ในช่วงเวลาที่ได้พบกับหลัวซิวเป็นครั้งแรก
สีหน้าท่าทางของหลัวซิวในบัดนี้ และหลี่ยู่ในความทรงจำของนางในชาติก่อน เหตุใดจึงช่างเหมือนกันเหลือเกิน?
ทฤษฎีการกลับชาติมาเกิดนั้นเป็นดั่งภาพลวงตา พรหมลิขิตเชื่อมโยงกันไปมา มีการเวียนว่ายตายเกิด ในโลกนี้มักมีดอกไม้สองดอกที่คล้ายคลึงกันเพราะชะตาที่ถูกลิขิต ชวนให้ผู้คนสับสนว่าคือชาติก่อนหรือชาตินี้?
หลัวซิวตัดสินใจอย่างแน่วแน่ แม้ว่าเขาจะรวมชีวิตของหลี่ยู่ไว้ในร่างนี้ แต่บัดนี้เขาก็ยังเชื่อว่าเขาคือหลัวซิวเท่านั้น หลี่ยู่เป็นเพียงอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่อาจมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ได้อีก
แต่เหยียนซีโร่วไม่มีความมุ่งมั่นเท่าเขา บางครั้งนางยังคงสับสนว่าตนคือเหยียนซีโร่วหรือหยุนซี?
เหยียนซีโร่วชื่นชอบหลัวซิว ส่วนหยุนซีชื่อชอบหลี่ยู่ หากว่าหลี่ยู่และหลัวซิวคือคนคนเดียวกันจะดีเพียงไร?
นางสัมผัสได้ว่าจิตใจยุ่งเหยิง จึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางได้แต่หันหลังเดินจากไป
นางเดินทางจากไปได้ไม่นาน เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็ได้เดินทางมาที่นี่อีกครั้ง เพราะทุกคนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเทพมารที่น่าสะพรึงกลัว
“ซีโร่วดูแปลกไปเล็กน้อย ดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน……”
หลายวันมานี้ เหยียนเยว่เอ๋อร์ได้ติดต่อพบปะกับเหยียนซีโร่วบ่อยครั้ง นางจึงสังเกตได้ถึงความผิดปกติ เนื่องจากเป็นสตรีด้วยกัน นางจึงสัมผัสได้ว่าเหยียนซีโร่วชื่นชอบหลัวซิว ส่วนหลัวซิวนั้นก็ดูจะมีความรู้สึกอันพิเศษต่อเหยียนซีโร่วเล็กน้อย
เรื่องของความรู้สึกนั้นนางไม่ได้กล่าวให้มากความก็จริง แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะคัดค้านหากหลัวซิวจะมีความสัมพันธ์กับเหยียนซีโร่ว สิ่งที่นางต้องการนั้นเพียงเพียงแค่ได้อยู่ข้างกายชายผู้นี้ก็พอแล้ว