Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1075 ทำไมถึงเป็นเขาอีกแล้ว!

ตอนที่ 1075 ทำไมถึงเป็นเขาอีกแล้ว!

พรวด!

ในสนามจินมู่อวิ๋นกระอักเลือด ยอมแพ้อย่างเด็ดเดี่ยว

“เหตุใดจึงต้องยอมแพ้” เยี่ยเฉินขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ว่าจินมู่อวิ๋นยังไม่ถึงขีดจำกัด

ทุกคนในที่นั้นก็ผิดคาดเช่นกัน

กลับเห็นจินมู่อวิ๋นยิ้ม หันตัวออกจากสนามประลองไปยังแท่นมรรคบนยอดเขา

เพียงแต่เงาร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศ ปะทุพลังน่ากลัวปานทะลวงฟ้า กระบี่พรหมราชในมือก็ส่งเสียงครวญใสราวกับฮึกเหิมเบิกบาน

เจ้าหมอนี่จะบรรลุแล้วหรือ

ทั่วทั้งลานต่างตกใจ สายตาหันขวับไปมองโดยพร้อมเพรียงกัน

บนฟากฟ้า เจตกระบี่ขมุกขมัวมากมายปรากฏขึ้น ก่อตัวเป็นดอกกระบี่ขนาดราวปากถ้วยดอกแล้วดอกเล่า ร่วงหล่นจากฟ้ากะทันหัน

ในดอกกระบี่ทุกดอกราวกับทวยเทพบัญชาการ แผ่กระจายกลิ่นอายน่ากลัวประหนึ่งสยบโลกา

ดอกกระบี่พันหมื่นดอกตกลงจากฟ้า ภาพมายาแห่งเทพมากมายปรากฏขึ้นภายใน สุดท้ายปกคลุมจินมู่อวิ๋นที่อยู่กลางอากาศเอาไว้ ขับเน้นให้เขาดูมืดครึ้มมัวหม่นไปทั้งตัว มีพลานุภาพที่น่ากลัวสายหนึ่งเพิ่มเข้ามา

“ในที่สุดมหามรรคสถูปของมู่อวิ๋นก็บรรลุถึงขั้นแก่นมรรคแล้ว!”

ตรงเชิงเขา ผู้อาวุโสสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนหนึ่งตะโกนอย่างดีใจ ใกล้จะคลั่งแล้ว

ทั่วทั้งลานต่างสูดหายใจด้วยความตกใจ ตะลึงอย่างควบคุมไม่อยู่

มหามรรคสถูป กับอีกสามมหามรรค ‘วิเวก’ ‘นิลกาฬ’ และ ‘แดนชำระ’ ถูกเรียกรวมกันว่า ‘สี่ยอดมรรคสังหาร’ อยู่ในกระดานมรรคเทียมฟ้า พลังสังหารเรียกได้ว่าน่าสะพรึง

และที่จินมู่อวิ๋นบรรลุในตอนนี้ ก็คือการหยั่งถึงระดับแก่นมรรค นี่น่าตกใจเกินไปแล้ว

“เยี่ยเฉิน ขอบคุณมาก มีหินลับกระบี่อย่างเจ้า จึงทำให้ข้ากำจัดด่านมารจิตมรรคในเวลาอันสั้นเช่นนี้ บรรลุในคราเดียว! ฮ่าๆๆ!”

กลางอากาศจินมู่อวิ๋นหัวเราะลั่น ท่าทางหยิ่งยโส ดอกกระบี่วนเวียนรอบตัวเขา ในดอกไม้มีเทพบัญชา สะดุดตาและไม่ธรรมดามากจริงๆ

เยี่ยเฉินยิ้มเยาะ “หินลับกระบี่หรือ ไม่สู้เรียกว่าข้าช่วยเจ้าบรรลุเป้าหมายถึงจะถูก!”

“ไม่ว่าอย่างไรการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ แม้ข้าจะสู้สามแพ้สาม แต่บรรลุได้ด้วยเรื่องนี้ก็เพียงพอจะทำให้ข้าไม่เสียดายแล้ว” จินมู่อวิ๋นท่าทางผยอง เสียงสะเทือนไปทั่ว

เหล่าผู้กล้าสีหน้าตะลึง ในใจอดสงสัยไม่ได้ว่าหากจินมู่อวิ๋นที่ผ่านการบรรลุแล้วมีโอกาสประลองกับเยี่ยเฉิน เทพมารหลินและเซี่ยวชางเทียน มีความเป็นไปได้ที่จะชนะหรือไม่

“เด็กคนนี้ช่างเป็นอัจฉริยะไม่ด้อยไปกว่าอวิ๋นชิ่งไป๋จริงๆ ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ระดับนี้ เกรงว่าคงสามารถชนะทุกคนในสนามประลองได้ ไม่มีใครเทียบเคียง”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้าถอนหายใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิ

“เจ้าเฒ่า มีใครจะยกยอตัวเองอย่างเจ้ากัน” อาหลู่ที่อยู่ห่างออกไปไม่พอใจ ยิ้มพูดเย้ยหยัน

“ไม่พอใจหรือ เจ้าลองหาดูสิ ทอดสายตามองไปทั่วสนามประลอง ใครทำได้ถึงขั้นนี้บ้าง” ผู้อาวุโสท่าทางเรียบเฉย ภาคภูมิใจและเย่อหยิ่งอย่างมาก

พอคำพูดนี้ออกมา ทั่วทั้งลานต่างเงียบกริบ

เป็นความจริงที่ว่าตั้งแต่การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครบรรลุระหว่างการต่อสู้เหมือนอย่างจินมู่อวิ๋น และยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดอันโอ่อ่าเช่นนี้

อาหลู่พูดไม่ออก แต่เขาไม่มีทางยอมรับแต่เพียงเท่านี้ พลันร้องว่า “เทพมารหลิน สหาย ข้าช่วยเจ้าร้องท้าทายจนถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่รู้สึกรู้สาอีกหรือ”

ทุกคนได้แต่กลอกตา เจ้าคนเถื่อนคนนี้เด็ดจริงๆ แค่คุยโวโอ้อวดก็ต้องหาพวกหรือ ไม่กลัวว่าจะขายหน้าหรือ

“เทพมารหลินหรือ เขามีดีอะไร จะเทียบมู่อวิ๋นได้อย่างไร” ผู้อาวุโสสำนักกระบี่เทียมฟ้าดูถูก ถุยน้ำลายคำหนึ่ง

ตูม!

แต่ตอนนี้เองบนแท่นมรรคยอดเขาที่หลินสวินอยู่ พลังที่ไพศาลจนไม่อาจเปรียบเทียบทะลวงฟ้าขึ้นมา สะเทือนจนชั้นเมฆเหนือฟ้าแหลกละเอียด

ท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนที่ราวกับระเบิดสายฟ้า เสียงมังกรครวญอันเก่าแก่และทรงพลังระลอกแล้วระลอกเล่าก็ดังมาจากส่วนลึกของชั้นเมฆที่แตกกระจาย

ฮูม

ชั่วพริบตาเดียว ลมซัดเมฆกรรโชก อานุภาพมังกรอันน่าสะพรึงไม่มีที่สิ้นสุดแผ่กระจายออกมา ปกคลุมฟ้าดินผืนนี้ไว้

ทุกคนรู้สึกเพียงแข็งทื่อไปทั้งตัว กายใจล้วนถูกกดข่ม จิตวิญญาณสั่นระริก รู้สึกถึงความกลัวที่มาจากจิตใจ

ท่ามกลางความมึนงง ในครรลองสายตาของทุกคนราวกับมีมังกรเจินหลงตัวหนึ่งผุดออกมาจากชั้นเมฆ กลืนเมฆคายหมอก เดี๋ยวเลือนรางเดี๋ยวชัดเจน โลดแล่นอยู่ภายในความว่างเปล่าโดยรอบ ไอคลุมเครือบนตัวเดือดพล่าน

ความยิ่งใหญ่นี้ ไม่อาจประเมิน

อานุภาพนี้ ไม่อาจวัด!

ในลานเสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้นเป็นระลอก ล้วนตะลึงกับเหตุการณ์นี้ หวาดหวั่นอย่างควบคุมไม่อยู่

ไอคลุมเครือแพร่กระจาย เจินหลงปรากฏตัว เสียงมังกรครวญดังก้องไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน!

ปรากฏการณ์ประหลาดระดับนี้เพียงพอจะเรียกได้ว่าตะลึงโลก!

ครืนโครม

บนท้องฟ้าอานุภาพแห่งเจินหลงปกคลุม เมฆลมสั่นไหว สภาพบรรยากาศยิ่งดูยิ่งใหญ่โอ่อ่า

“อ๊าก…!”

จินมู่อวิ๋นที่ยืนอยู่กลางอากาศอย่างเย่อหยิ่ง ตอนนี้จู่ๆ ก็ส่งเสียงกรีดร้องราวกับถูกฟ้าผ่า เงาร่างโซซัดโซเซ ถูกกดข่มจากกลางอากาศจนล้มลงบนยอดเขา สภาพสะบักสะบอม

แม้แต่ ‘ดอกกระบี่’ และ ‘เทพ’ ที่สะท้อนออกมารอบตัวเขาก็จางลงและสลายไปด้วย

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ประหลาดสลายไปเท่านั้น ไม่ได้หมายความถึงอย่างอื่น ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังคงทำให้จินมู่อวิ๋นทั้งโกรธทั้งตกใจ

เขาในก่อนหน้านี้บรรลุแก่นมรรคแห่งสถูป ได้ใจอย่างมาก ภาคภูมิและปิติยินดี เป็นที่สนใจของทุกคน มาดฉายประกายส่อง

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะดื่มด่ำความรู้สึกที่ถูกชื่นชมเช่นนี้ให้พอใจก็ถูกขวางกลางคัน ปรากฏการณ์ประหลาดสลาย นี่จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร

ใครกัน?

เป็นใครกันแน่?

สายตาของเขามองไปยังแหล่งกำเนิดของปรากฏการณ์ประหลาดเจินหลงนั่นทันที…

เทพมารหลินหรือ

ในหัวของจินมู่อวิ๋นราวกับถูกฟาดไปทีหนึ่ง งุนงงไปหมด ในใจเกิดความรู้สึกอัดอั้นอย่างพูดไม่ออก ทำไม… ทำไมถึงเป็นเขาอีกแล้ว!?

และในเวลาเดียวกัน ปรากฏการณ์ประหลาดเจินหลงก็หายไปด้วย ฟ้าดินกลับคืนสู่ปกติ อานุภาพมังกรอันน่าหวาดกลัวที่ปกคลุมอยู่ในลานก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกัน

ตอนนี้เองทุกคนถึงเพิ่งได้สติ จากนั้นสายตาก็แทบจะมองไปยังตำแหน่งเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย

เทพมารหลิน!

ถึงกับเป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเพราะเขา!

สีหน้าของผู้ฝึกปราณทั่วทั้งลานเปลี่ยนเป็นหลากสีสัน

มีทั้งคนตะลึง ผิดคาด อิจฉา และมีที่ขมขื่น รวมทั้งผิดหวัง

โดยเฉพาะคนของสำนักกระบี่เทียมฟ้า สีหน้าของแต่ละคนเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด อัดอั้นจนแทบจะกระอักเลือด เทพมารหลินคนนี้อีกแล้ว!

แม้แต่อาหลู่ยังอึ้ง พลันร้องตะโกนเสียงหลง “แม่งเอ๊ย ช่างเป็นสหายที่ดี บอกให้ช่วยเอาคืนก็เอาคืน ข้าตัดสินแล้ว ต่อไปนี้เจ้าจะเป็นพี่ใหญ่ของข้า!”

จากนั้นเขาก็เอาสองมือเท้าเอว ก่อนจะชี้มือไปที่ผู้อาวุโสสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนนั้นแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าเฒ่า ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรให้คุยอีก อายเขาไหม ยังจะบอกว่าเทพมารหลินมีดีอะไร แล้วเจ้าล่ะมีดีอะไร ถุย!”

พูดถึงตอนท้ายยังถ่มน้ำลายหนักๆ ไปคราหนึ่ง

ท่าทางอวดดีนั่นทำให้ผู้อาวุโสคนนั้นโกรธจนหน้าเขียว โกรธจนเต้นผาง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเทพมารหลินสมควรตายนี่ก็บรรลุตอนนี้ด้วย

นึกถึงคำพูดที่ตนพูดก่อนหน้านี้ แม้แต่เขาเองยังรู้สึกว่าใบหน้าชราร้อนผ่าวจนแสบแปลบ อัดอั้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก

เพียงแต่เรื่องตลกก็ส่วนเรื่องตลก เมื่อเห็นกับตาว่าหลินสวินบรรลุก็น่าทึ่งมากจริงๆ ทำให้บุคคลระดับเซี่ยวชางเทียนและเยี่ยเฉินยังพูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง

แตกต่างกับจินมู่อวิ๋น หลินสวินต่อสู้จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยแพ้เลยสักครั้งเดียว และตอนนี้แม้แต่ปรากฏการณ์ประหลาดยามบรรลุยังเหนือกว่าจินมู่อวิ๋นไประดับหนึ่ง นี่ดูวิปริตเกินไปแล้วจริงๆ

ยามนี้แม้แต่จินมู่อวิ๋นเองในใจยังเกือบจะถูกเงามืดปกคลุมอีกครั้ง

เริ่มจากแพ้อย่างอนาถก่อน ถูกหลินสวินตัดหัว อุตส่าห์เดินออกจากเงามืดแห่งความเป็นตาย หยั่งถึงบรรลุ เดิมนึกว่าสามารถล้างความอับอายได้แล้ว มีหรือจะคิดว่าจะถูกหลินสวินกดหัวเอาไว้อีกครั้ง…

จินมู่อวิ๋นถึงขั้นสงสัยอยู่บ้างว่าหลินสวินนี่เป็นดาวข่มของตนแต่กำเนิดหรือเปล่า มิฉะนั้นจะทำให้ตนซวยขนาดนี้ได้อย่างไร

และในเวลาเดียวกัน หลินสวินตื่นจากสมาธิ ชั่วขณะที่ลืมตาขึ้น ทุกคนต่างมีความรู้สึกหนึ่งอย่างเลือนราง ราวกับมังกรที่จำศีลอยู่ตัวหนึ่งตื่นจากการหลับใหล!

“มหามรรคเจินหลง!” มีคนหัวใจสะท้าน

“เขาหยั่งถึงแล้วจริงๆ แต่ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้…” จ้าวจิ่งเซวียนเหมือนคิดอะไรอยู่ ในสายตาปรากฏสีสันแปลกประหลาดไม่ขาดสาย

คนอื่นๆ ก็สีหน้าแตกต่างกันออกไป

มหามรรคเจินหลง เป็นหนึ่งในมหามรรคของกระดานมรรคเทียมฟ้าเช่นกัน อีกทั้งยังถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ

แต่ที่ทุกคนไม่เข้าใจคือ มรรคนี้เป็นมรรคที่เผ่าเจินหลงเท่านั้นจะครอบครองได้ เป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามของเผ่าหนึ่ง เผ่ามนุษย์คนหนึ่งจะบรรลุได้อย่างไร

หรือเทพมารหลินคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าเจินหลงในตำนาน

เจินหลงก็เหมือนกับหงส์เซียน ล้วนเป็นการดำรงอยู่เกือบจะเป็นตำนาน เลือนรางอย่างที่สุด แม้อยู่ในสมัยบรรพกาลก็น้อยมากที่จะปรากฏสู่โลก

ถึงขั้นมีคนสงสัยว่า เจินหลงกับหงส์เซียนมีจริงหรือไม่!

และบนภูเขาเทพไร้มรณะในตอนนี้ หากจะบอกว่าใครที่คล้ายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าเจินหลง ก็มีเพียงเยี่ยนจั่นชิวแล้ว

บุคคลแห่งยุคของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคนนี้ แม้จะเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเยี่ย แต่เผ่ามารดาของเขากลับเหมือนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าเจินหลง

‘เจ้านี่ไม่ใช่ลูกหลานเผ่าเจินหลงเด็ดขาด แต่เป็นโจรที่น่ารังเกียจ!’ ในใจเยี่ยนจั่นชิวขึ้งโกรธ สีหน้าของเขาในตอนนี้ดูเยียบเย็นและไม่น่าดูผิดปกติ

มีเพียงเขาที่รู้ดีว่าหลินสวินกับเผ่าเจินหลงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กัน นัยเร้นลับแห่งเจินหลงที่อีกฝ่ายครอบครอง หยั่งรู้มาจากมรดกวิชามังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร!

“ขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าเพียงควบคุมตัวเองไม่อยู่…” ตอนนี้เองหลินสวินพลันลุกขึ้นพูดกับจินมู่อวิ๋น

ควบคุมตัวเองไม่อยู่หรือ

ใครจะเชื่อ!

จินมู่อวิ๋นแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบคราหนึ่ง ละสายตาออก เขากลัวว่าขืนมองนานไปกว่านี้ จะโกรธจนสภาวะจิตไม่มั่นคง ในใจปรากฏเงามืดอีกครั้ง…

“ฮ่าๆๆ เช่นนี้ย่อมดีที่สุด หลินสวิน อย่าลืมกำราบเจ้าเซี่ยวชางเทียนให้หนักๆ!” เยี่ยเฉินหัวเราะลั่น

ทำให้ทุกคนเพิ่งตระหนักได้ว่า การประลองรอบที่ห้าได้จบลงแล้ว ต่อไปจะเป็นการประลองรอบที่หกแล้ว

และนี่ก็เป็นการประลองรอบสุดท้ายของการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ในครั้งนี้!

หากเซี่ยวชางเทียนชนะ เขาก็สามารถขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่ง ด้วยผลงานชนะสองเสมอหนึ่งจากการแข่งขันสามรอบ

เช่นเดียวกัน หากหลินสวินชนะ ก็เท่ากับชนะมาตลอดการแข่งขัน และขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยสถิติไร้พ่าย!

“เทพมารหลินนี่ ครั้งนี้เกรงว่าจะกลายเป็นอันดับหนึ่งของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์แล้ว…”

สีหน้าของผู้อาวุโสหลายคนต่างซับซ้อน ตอนนี้หลินสวินบรรลุพลังมหามรรคอีก แม้เป็นเซี่ยวชางเทียนก็ยังยากจะมีโอกาสชนะ

สีหน้าของคนอื่นๆ เองก็เป็นเช่นนี้ ซับซ้อนหลากสีสัน

การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ในครั้งนี้ รวบรวมบุคคลขอบเขตมกุฎแห่งสี่แดนวิภูของดินแดนรกร้างโบราณ มีบุคคลแห่งยุคของสำนักโบราณมากมายเข้าร่วม ศักยภาพโดยรวมมากกว่าการแข่งขันรอบที่ผ่านๆ มา!

แต่สุดท้ายกลับให้คนที่ไร้พรรคไร้สำนักอย่างหลินสวิน คนหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนหนึ่ง เปิดทางจากการปิดล้อมอันหนาแน่น เหยียบร่างมากมายของผู้กล้า กลายเป็นหนึ่งในผู้เข้าประลองครั้งสุดท้ายนี้

นี่…

เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดถึงเลย!

เหมือนปาฏิหาริย์ที่เป็นไปไม่ได้กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า และมีพวกเขาเป็นพยาน!

แต่ไม่ว่าคนอื่นๆ จะคิดอย่างไร ตอนนี้หลินสวินกับเซี่ยวชางเทียนต่างมาถึงในสนามแล้ว และกำลังประชันหน้ากันจากไกลๆ

การประลองครั้งสุดท้าย กำลังจะเริ่มขึ้น!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท