พวกเขาเห็นตนเป็นอะไร
ต้นหญ้าอ่อน?
เหยื่อ?
มดที่สามารถเหยียบย่ำได้?
หลินสวินไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่านี่ก็คือความจริง
ในสายตาของเหล่าสำนักโบราณที่เย่อหยิ่ง คนที่ไร้พรรคไร้สำนักและหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเขา แม้จะสะดุดตาบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้น่ากลัวมากนัก
ในอดีตที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่มีคนยอดเยี่ยมเช่นนี้โผล่ออกมา แต่ด้วยภูมิหลังที่ต่ำต้อยจึงถูกเหล่าสำนักโบราณเหยียบย่ำและกดข่มตามอำเภอใจ
บางคนต่อต้าน แต่ส่วนใหญ่ล้วนจบชีวิตลงพร้อมความแค้น
ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจากพลังของตนยากจะต่อสู้กับสำนักโบราณ ยากเกินไป!
ทว่ารู้ก็ส่วนรู้ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าหลินสวินจะก้มหัว!
หากเป็นเช่นนั้น เขาคงไม่ใช่หลินสวินแล้ว
ตอนนี้เขายืนอยู่บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง กวาดสายตาเย็นชาทอดมองไปยังทุกคนบนฝั่ง นึกถึงการถูกไล่ล่าทั้งหมดหลังจากตนเข้ามาในดินแดนรกร้างโบราณ เพลิงโทสะและความเกลียดชังที่สะสมอยู่ในใจราวกับลุกโชนจนแทบจะควบคุมไม่อยู่
จากนั้นหลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ เก็บสายตากลับมา
ทะเลหมากดาราถูกปกคลุมไปด้วยพลังต้องห้าม มองจากโลกภายนอก เห็นเพียงแค่ภาพประกายดวงดาวแผ่ซ่านและหมู่เกาะที่ราวกับตัวหมาก
หลินสวินยืนในนั้นก็เหมือนดั่งยืนอยู่ในค่ายกลใหญ่ ถูกพลังต้องห้ามครอบคลุม โลกภายนอกไม่สามารถมองเห็นเงาร่างของเขาได้
สวบ!
หลินสวินเริ่มลงมืออย่างไม่รีรอ
เขาก้าวย่างตามตำแหน่งดวงดาว เงาร่างวูบไหวราวกับลำแสง โลดแล่นอยู่ระหว่างเกาะต่างๆ
แต่ในมือ กลับทำมุทราวิชาลับอยู่ตลอดเวลา
ฮูม
ภาพที่น่าทึ่งปรากฏขึ้นมา ในทะเลหมากดาราประกายดวงดาวพลิกตลบไปมาราวกับหมอกเคลื่อน จู่ๆ ก็ผันผวนขึ้นมา คลื่นต้องห้ามที่คลุมเครือก็แผ่กระจายพลุ่งพล่านประหนึ่งกระแสน้ำ โดยมีหลินสวินเป็นศูนย์กลาง
ครู่ใหญ่หลินสวินถึงหยุดการกระทำในมือ ยืนอยู่บนเกาะสันโดษ หน้าผากเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ สูญเสียพลังอย่างมาก
‘ค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารานี่น่ากลัวเกินไป ต้องพยายามสุดความสามารถจึงพอจะใช้อานุภาพได้เพียงหนึ่งในพัน แต่ว่า…’
หลินสวินนั่งขัดสมาธิบนพื้น สูดหายใจเข้าลึกๆ สายตาเย็นเยียบ ‘เพียงพอแล้ว!’
ในสมองของเขา ภาพแผนภาพวัฏจักรดาราค่อยๆ โคจร แผ่ระลอกคลื่นประหลาด นี่ก็คือความมั่นใจของหลินสวิน
…
“เอ๊ะ!”
ทันใดนั้นที่ริมชายฝั่งพลันมีคนร้องออกมา “รีบดูเร็ว พลังต้องห้ามบนทะเลหมากดารากำลังหายไปอย่างรวดเร็ว! ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจที่รออยู่ที่นั่นนานแล้วต่างสังเกตเห็นภาพนี้ทันที สายตาเป็นประกาย
พลันเห็นว่าบนทะเลหมากดารา ประกายดวงดาวที่ราวกับภาพฝันเป็นเหมือนกระแสน้ำลง ถดถอยและหายไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ เผยให้เห็นพื้นผิวทะเลสีเงินยวงและเกาะรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย
ไม่มีประกายดวงดาวบดบัง ทะเลหมากดาราอันยิ่งใหญ่ เปลี่ยนเป็นแจ่มชัดกว้างใหญ่และบริสุทธิ์
“แม้แต่พลังต้องห้ามที่น่ากลัวและชวนกดดันนั่นก็จางหายไปด้วย!”
หม่าหยวนชิงตื่นเต้น รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่สุดไปทั่วทั้งตัว
“หายไปแล้วจริงๆ”
“เรื่องดี!”
“แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ปัญหานี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ พลังต้องห้ามของทะเลหมากดารานี่ไม่สามารถข่มขวัญพวกเราได้อีก!”
ซั่งเหวินจิ่นแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะ เหยียนอวิ๋นจื่อแห่งสำนักยุทธ์สมุทรคราม เซียวจิงหงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ โก่วหยางซิวแห่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ…
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าล้วนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของคลื่นพลังต้องห้ามของทะเลหมากดาราในทันที ต่างเผยความดีใจออกมา
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขารออยู่ที่นี่ ไม่กล้าเข้าไปในทะเลหมากดารา ก็เพราะทะเลแห่งนี้น่ากลัวมาก ปกคลุมไปด้วยพลังต้องห้ามไร้เทียมทาน
แม้จะเป็นอริยะบังเอิญเข้าไป ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะหลงทาง ถูกขังอยู่ในนั้นตลอดไป
ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาอยากจะเล่นงานหลินสวิน ก็ทำได้แค่รออยู่นอกทะเลหมากดารา
แต่ตอนนี้…
ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว!
“เช่นนี้ แม้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนหลินสวินอยากหลบอยู่ในทะเลหมากดาราไม่ออกมาก็เป็นไปไม่ได้แล้ว!”
โก่วเหยียนเจินตะโกนอย่างตื่นเต้น
ในเวลาเดียวกันคนอื่นๆ เองก็ตอบสนอง สายตาต่างวับวาวคลุมเครือ
สวบ!
ทันใดนั้นในกองกำลังของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ชายชราชุดคลุมเทาคนหนึ่งโฉบออกไป ทะยานผ่านห้วงอากาศไปยังทะเลหมากดารา
โหวเทียนจง!
นี่คือสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เพิ่งบรรลุอมตะเคราะห์ขั้นหนึ่ง
“อยากชิงสังหารหลินสวินก่อนหรือ เป็นไปไม่ได้!”
ในเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ชายกลางคนเคราโค้งในชุดคลุมเลือดยิ้มเยาะ ตอนที่พูด เงาร่างก็พุ่งออกมา ไปยังทะเลหมากดาราราวกับกระแสน้ำสีเลือด
“ควรลงมือแล้ว!”
“ไป!”
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ครั้งนี้ทะเลหมากดาราเกิดการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ แม้พลังต้องห้ามจางหายไป แต่ยากจะรับประกันว่าจะไม่ปรากฏอันตรายใดๆ”
จากนั้นผู้แข็งแกร่งระดับราชันคนแล้วคนเล่าต่างทะยานเข้าไปในทะเลหมากดารา
อีกทั้งด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ทุกขุมอำนาจล้วนมีระดับราชันอย่างมากก็หนึ่งถึงสองคนเข้าไปภายใน ส่วนคนอื่นๆ รอฟังข่าว
“ครั้งนี้เทพมารหลินตายแน่!”
ไม่ว่าจะเป็นข่งหลิง อวี่หลิงคง หลี่ชิงผิง หรือโก่วเหยียนเจิน ล้วนมั่นใจมาก ในใจต่างคาดหวัง
ราชันออกโจมตี ทั้งยังมีวิธีป้องกันสมบัติอริยะและกระบวนผนึกมรรคราชันตั้งนานแล้ว การฆ่าหลินสวินก็ย่อมง่ายดายราวกับหั่นผักหั่นปลา ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไร
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องรอดูก็คือ ขุมอำนาจใดจะสามารถฆ่าหลินสวินให้ตายได้ก่อน
“ทันทีที่กำจัดเด็กคนนี้ได้ ก็เท่ากับกำจัดภัยแฝงอย่างหนึ่ง นับจากนี้ก็สามารถหลับสบายได้แล้ว”
หม่าหยวนชิงยิ้มน้อยๆ
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยมีใครกล้าต่อสู้กับสำนักโบราณเพียงลำพัง แม้มีก็ล้วนถูกสังหาร เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็เช่นกัน หลินสวินนี่จะต้องตาย”
เหยียนอวิ๋นจื่อสองมือไพล่หลัง สีหน้าเรียบเฉย
“หลินสวินนี่ กลัวว่าจะกลายเป็นคนแรกที่อายุสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ ผู้กล้าขอบเขตมกุฎแล้วอย่างไร สำหรับข้า เพียงพลิกมือก็สามารถกำจัดได้”
ซั่งเหวินจิ่นน้ำเสียงนุ่มนวล ท่าทางเอื่อยเฉื่อย แต่กลับแฝงความสูงส่ง
……
ส่วนลึกของทะเลหมากดารา
หลินสวินยืนอยู่บนเกาะสันโดษแห่งหนึ่ง สีหน้านิ่งสงบ นัยน์ตาดำเย็นเยียบ
วันนี้เขาคนเดียว หมายจะฝังเหล่าศัตรู ณ ทะเลแห่งนี้!
“มาแล้ว”
หลินสวินเงยหน้า บนผิวทะเลไกลโพ้น อานุภาพอันน่ากลัวแพร่กระจายออกมา พัดพาคลื่นทะเลเป็นระลอก
นั่นเป็นชายชราชุดคลุมเทา มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ นามว่าโหวเทียนจง
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้าหลบอยู่ที่นี่ตามคาด!”
เงาร่างของโหวเทียนจงทะยานเข้ามา อานุภาพราชันอันน่ากลัวมืดฟ้ามัวดิน ราวกับนายเหนือหัวมองลงมายังหลินสวินจากระยะไกล
“หลบหรือ เจ้าพูดผิดแล้ว ข้ารอพวกเจ้าอยู่”
หลินสวินพูดเสียงเรียบ เสื้อผ้าของเขาโบกสะบัด ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น เงาร่างเหยียดตรงราวกับต้นสน ไม่เห็นอานุภาพราชันนั่นในสายตา
โหวเทียนจงหมายจะลงมือสังหารหลินสวินในทันที เพื่อไม่ให้คนอื่นๆ มาแย่ง
แต่พอเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกลังเลไม่น้อย
ไม่มีเหตุผลอื่น หลินสวินนิ่งเกินไปแล้ว ไม่เหมือนนั่งรอความตาย แต่กลับเหมือนกำลังรอมากกว่า
“รอพวกข้าหรือ เจ้าหมายความว่าอย่างไร หรือคิดว่าด้วยสมบัติอริยะและกระบวนผนึกในมือเจ้า ก็สามารถกำเริบเสิบสานได้แล้วหรือ”
โหวเทียนจงสายตาเย็นเยียบ ในใจเขามีไอสังหารอย่างที่สุด กำลังหยั่งเชิงหลินสวิน “ข้าจะบอกเจ้าให้ ทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีประโยชน์!”
“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว อีกเดี๋ยวฆ่าเจ้าเป็นคนแรก”
เสียงของหลินสวินนิ่งสงบ เหมือนพูดเรื่องที่ง่ายดายอย่างที่สุด
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
สุดท้ายโหวเทียนจงก็ไม่สามารถข่มกลั้นได้ สะบัดแขนเสื้อ ฟาดแสงศักดิ์สิทธิ์กลางอากาศ โจมตีไปทางหลินสวิน
“หึ! ถ้าเด็กนี่จะตาย ก็ต้องตายในมือข้า!”
แต่ในเวลาเดียวกันเสียงตะโกนหนึ่งดังก้องราวกับฟ้าร้อง พร้อมกันกับเสียงนั่น มือยักษ์สีเลือดข้างหนึ่งกางออกกลางอากาศ ขยี้แสงศักดิ์สิทธิ์นั่นอย่างแรงจนแหลกละเอียด จากนั้นพุ่งปกคลุมไปทางหลินสวินด้วยอานุภาพไม่ลดละ
เพียงแต่ยังอยู่ระหว่างทาง มือยักษ์สีเลือดข้างนั้นก็ถูกเจตกระบี่สะเทือนขวัญเฉือนจนแหลกละเอียด เสียงครืนโครมดังลั่น แปรเป็นละอองแสงระเบิดออก
และตอนนี้เอง บนทิศทางที่แตกต่างกันสองด้าน ต่างมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
ฝั่งตะวันออกคือชายกลางคนหนวดโค้งในชุดคลุมเลือดนามว่าโก่วหยางหยวน มือยักษ์สีเลือดเมื่อครู่นี้มาจากเขา
ฝั่งตะวันตกเป็นชายหนุ่มชุดขาวผมเทาคนหนึ่ง ดูเหมือนอายุน้อย ความจริงเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่ง มาจากสำนักกระบี่เทียมฟ้า นามว่าหลิวเจี้ยนคุน
เป็นกระบี่เดียวของเขา ที่เฉือนมือยักษ์สีเลือดของโก่วหยางหยวนจนแหลก
“ทั้งสองท่าน ให้ข้าเป็นคนจัดการเด็กนี่เถอะ”
หลิวเจี้ยนคุนสีหน้าเย่อหยิ่ง คำพูดสบายๆ แต่กลับไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
“กำเริบ นี่ไม่ใช่สำนักกระบี่เทียมฟ้าของพวกเจ้า!” โหวเทียนจงพูดเสียงเย็น “ข้าว่าเจ้าเก็บอาการหน่อยเถอะ!”
โก่วหยางหยวนสีหน้าเหี้ยมโหดอย่างที่สุด แสยะยิ้มพูด “หลิวเจี้ยนคุนเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าคุยโวเช่นนี้ เด็กนี่วันนี้ต้องถูกข้าโก่วหยางหยวนสังหาร!”
ทั้งสามประชันแก่งแย่งกัน อานุภาพราชันพุ่งปะทะ ทำให้ฟ้าดินทั้งผืนตกอยู่ในบรรยากาศที่น่ากลัวและกดดันอย่างหนึ่ง
ส่วนหลินสวิน กลับถูกพวกเขามองข้าม
เพราะในใจพวกเขา หลินสวินเป็นนกในกรงตะพาบในไห ยากจะหนีตายได้ สิ่งที่แย่งกันจริงๆ คือใครจะฆ่าเด็กหนุ่มคนนี้ได้ก่อน
ไม่ทันไรก็มีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันอีกหลายคนปรากฏตัว เข้าร่วมการแย่งชิง ไม่มีใครยอมใคร ต่างฝ่ายต่างเยื้อแย่งกัน
ภาพตรงหน้าราวกับนักล่ากลุ่มหนึ่งเจอเหยื่อพร้อมกัน กำลังแย่งชิงสิทธิ์ในการสังหารเหยื่อโดยไม่มีใครยอมใคร
ส่วนเหยื่อ ก็ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่สามารถหนีได้
“ทุกท่าน อย่ามัวปกปิดจุดประสงค์ พวกเราล้วนอยากชิงสมบัติอริยะในตัวเด็กนี่เท่านั้น จากที่ข้าดู ฆ่าเด็กนี่ก่อนแล้วค่อยแย่งชิงตามศักยภาพดีหรือไม่”
หลิวเจี้ยนคุนแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าพูดเสียงเย็น
“ได้” ราชันหลายคนพยักหน้า
“หึ ในมือเด็กนี่มีสมบัติอริยะ มีกระบวนผนึกมรรคราชัน ฆ่าเขาไม่ง่ายเลย ข้าว่า เปิดศึกโดยตรงเถอะ ใครฆ่าเด็กนี่ได้ ศุภโชคก็เป็นของคนนั้น!”
โหวเทียนจงพูดพร้อมสายตาอันเยียบเย็น
“พวกเจ้าพูดจบหรือยัง” ตอนนี้เองหลินสวินที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลางพูดขึ้น ดวงตาดำยิ่งเย็นชา กวาดมองเหล่าราชัน
เขาสงบนิ่งมากมาโดยตลอด แม้ถูกมองว่าเป็นเหยื่อ สีหน้าก็ไม่เคยเปลี่ยน
เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่า ความชิงชังที่ไม่สามารถสกัดกั้นได้พรวดพราดขึ้นกลางอกเขา พร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลา
เหล่าราชันต่างขมวดคิ้ว เหยื่อที่ทำได้แค่นั่งรอความตายก็กล้าเถียงซะด้วย นี่ทำให้พวกเขาไม่พอใจอย่างมาก
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้ารีบร้อนรนหาที่ตายหรือ ข้าจะสงเคราะห์เจ้า!”
โหวเทียนจงยื่นมือไปคว้า เมฆสายฟ้าแถบหนึ่งก่อตัวขึ้น แผ่กลิ่นอายทำลายล้างอันน่ากลัว สยบสังหารไปทางหลินสวิน
ว่องไวดุดันและเผด็จการ!
ราชันคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถยอมให้โหวเทียนจงชิงฆ่าหลินสวินก่อนได้ ต่างลงมืออย่างไม่ลังเล
ตูม!
ทันใดนั้นเหล่าราชันต่างงัดวิธีออกมาอย่างไม่ออมมือสักนิด มีทั้งวิชามรรคที่น่ากลัวไร้ขอบเขต มีสมบัติที่พลานุภาพตะลึงโลก ต่างโจมตีสังหารไปทางหลินสวินจากตำแหน่งที่แตกต่างกัน
หนึ่งเคลื่อนไหว สะเทือนไปทั้งกาย
เพราะการลงมือของโหวเทียนจงทำลายสถานการณ์คุมเชิงอันตึงเครียด ทำให้ในที่นั้นระเบิดศึกใหญ่ขึ้นแล้ว