Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1084 สมบัติอริยะแต่ละอย่าง

ตอนที่ 1084 สมบัติอริยะแต่ละอย่าง

เฉือน!

คำเดียวราวกับคำสั่งจากสวรรค์ ทันทีที่เอ่ยปากคำสั่งก็เป็นจริง!

โหวเทียนจงถูกเฉือน โก่วหยางหยวนถูกเฉือน หลิวเจี้ยนคุนก็ถูกเฉือน…

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันสามคน หนึ่งในนั้นโก่วหยางหยวนยังเป็นถึงราชันที่บรรลุอมตะเคราะห์แล้ว แต่ทุกคนล้วนถูกสังหารอย่างไม่มีข้อยกเว้น!

ดาบเล่มนั้น ราวกับดาบตัดมหามรรค ภายใต้คมดาบ แม้พลังปราณของเจ้าเทียมฟ้า ก็จะสลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา

นี่ก็คือพลังของค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา!

ค่ายกลนี้มีวัฏจักรดาราเป็นพื้นฐาน ประกอบจากแผนภาพวัฏจักรดาราสามร้อยหกสิบห้าภาพ และแผนภาพอนุจักรวาลดาราอีกหนึ่งหมื่นสี่พันแปดร้อยภาพ

ทั้งค่ายกลใหญ่วิวัฒน์เป็นทะเลหมากดาราที่อยู่ตรงหน้า ราวกับจักรวาลที่เต็มไปด้วยดารา ดวงดาวที่อยู่ภายในสว่างไสว มากมายนับไม่ถ้วน โคจรไปตามวงวิถีที่แตกต่างกัน คลุมเครือหนาแน่นถึงขีดสุด

ค่ายกลนี้ ยังเป็นค่ายกลศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่ง!

พูดอย่างเคร่งครัด อานุภาพที่สามารถถูกหลินสวินใช้ ถึงขั้นไม่ถึงหนึ่งในพันของอานุภาพทั้งหมดของค่ายกลนี้

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ การฆ่าระดับราชันก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าไก่เชือดสุนัข

“เฉือน!”

หลินสวินยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศเหนือเกาะ ในระยะสามพันลี้ล้วนถูกจิตรับรู้ของเขาปกคลุม เพียงตวัดปลายนิ้วก็กลายเป็นดาบสวรรค์เล่มหนึ่งวาดออกมา

ราชันคนหนึ่งของแดนพิสุทธิ์อมตะเพิ่งพุ่งไปถึงสุดขอบระยะสามพันลี้ก็พลันพบอย่างตกใจว่า ทางข้างหน้าถูก ‘กำแพง’ ที่ก่อตัวจากประกายดวงดาวขวางกั้น ด้านบนเชื่อมสวรรค์ ด้านล่างเชื่อมทะเล ไม่สามารถผ่านไปได้!

เขาเพิ่งหมุนตัวหมายจะเปลี่ยนทิศ แสงดาบสว่างไสวก็เฉือนสังหารมาแล้ว

เหมือนบนลงโทษจากสวรรค์ ทำให้ร่างกายของเขาระเบิดสลายกลายเป็นเถ้าถ่านและหายไปในพริบตา

“หลินสวินข้ายอมแล้ว เจ้าไว้ชีวิตข้าสักครั้งเถอะ ข้าสาบานว่าต่อไปจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก!”

ผู้หญิงคนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณกรีดร้องออกมา นางกลัวแล้วจริงๆ ร่างกายสั่นเทิ้ม ก้มหัวร้องขอชีวิตกับหลินสวิน

“เฉือน!”

หลินสวินทำเหมือนไม่ได้ยิน คำพูดหนึ่งออกจากปาก ดาบสวรรค์ผ่าฟันลงมา เสียงฟุ่บดังขึ้นพร้อมร่างของหญิงผู้นั้นที่สลายลง แม้แรงจะดิ้นรนยังไม่มี

ก่อนตาย สีหน้าของนางดูผิดคาด ราวกับยากจะเชื่อ

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน! เจ้าสังหารเช่นนี้จะต้องประสบมหาเคราะห์แน่!”

อีกด้าน ชายชราผมขาวคนหนึ่งตะโกนอย่างเดือดดาล เบ้าตาแทบถลน

ก่อนหน้านี้เขาสู้สุดกำลัง หมายจะทำลายกำแพงประกายดวงดาวนั่นหนีออกไป แต่สิ่งที่ทำให้เขาหมดหวังคือ กำแพงนั่นแปลงมาจากคลื่นผนึกต้องห้ามไร้เทียมทาน ไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่เสี้ยวเดียว!

“เฉือน!”

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย ตอบกลับเพียงคำเดียว

ฟุ่บ!

ชายชราถูกสังหารภายใต้ความหวาดกลัวและเสียงตะโกนร้อง

ในที่นั้นเหลือระดับราชันอีกเพียงสองคน

เพียงแต่ตอนนี้สีหน้าของพวกเขากลับซีดขาวอย่างที่สุด สั่นไปทั้งตัว ในใจถูกความหวาดกลัวไร้สิ้นสุดครอบงำ

ก่อนหน้านี้พวกเขาทะยานเขามาอย่างทรงอำนาจ สีหน้าเย่อหยิ่ง เต็มไปด้วยอานุภาพแห่งราชัน มองหลินสวินเป็นเหมือนมด ล้วนอยากสังหารเขาเป็นคนแรกแล้วชิงศุภโชคในตัวเขา

เดิมคิดว่านี่เป็นการลงมือที่เหมือนกับจับตะพาบในไห ต้องประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย

ใครจะคิดว่ากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงเช่นนี้!

พลังต้องห้ามของทะเลหมากดารา กลับถูกคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งควบคุม เปิดฉากสังหารกลางฟ้าดินผืนนี้

ภาพการตายอันนองเลือดแต่ละภาพ เป็นความสยดสยองที่สุดในโลกแล้ว!

ตอนนี้ราชันเพียงสองคนที่เหลืออยู่ลนลานและหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงแล้ว สีหน้าหวาดหวั่นและตื่นตระหนก ยังจะเหลือความเย่อหยิ่งผงาดผยองเหมือนก่อนหน้านี้เสียที่ไหน

จู่ๆ มดที่สามารถบี้ให้ตายได้ง่ายๆ ก็มีพลังสังหารยิ่งใหญ่ นี่เป็นเรื่องน่าสะพรึงที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

“หลินสวิน มีอะไรพูดกันดีๆ ข้าเชื่อว่าการสังหารเช่นนี้ไม่ใช่ความต้องการของเจ้า เช่นนั้นพวกเรามาคุยกันดีๆ ดีไหม”

ชายกลางคนชุดขาวสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดเนิบช้า

“ใช่ เจ้ายังเด็ก ต่อไปจะต้องกลายเป็นราชันเป็นราชันอย่างแน่นอน ต้องจำไว้ว่าทุกอย่างห้ามทำเกินไป มิฉะนั้นแม้ดินแดนรกร้างโบราณจะกว้างใหญ่ ก็คงไม่มีที่ยืนสำหรับเจ้า”

ชายชราชุดคลุมทองอีกคนรีบพูดขึ้น

ตอนนี้พวกเขาไม่เหมือนราชันสองคนที่เรียกลมเรียกฝนได้อีกต่อไปแล้ว ตรงกันข้ามกลับเหมือนนักโทษที่ร้องขอชีวิต ท่าทางเคารพนบนอบ ไม่หลงเหลือฤทธิ์เดชอีกต่อไป

“ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเจ้ามาฆ่าข้า เคยพูดถึงโอกาสกับข้าหรือไม่”

มุมปากของหลินสวินเผยรัศมีโค้งเย็นเยียบ “พอความตายจะมาเยือน กลับมาขอโอกาสจากข้า พวกเจ้าคิดว่าข้าต่อรองง่ายมากหรือ”

“ไม่ใช่แบบนั้น!” ชายกลางคนชุดคลุมขาวกับชายชราชุดทองรีบส่ายหน้า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดข้าต้องเสียเวลาพูดไร้สาระกับพวกเจ้า”

หลินสวินยังพูดไม่ทันจบ ทางเดินสวรรค์สว่างไสวสายหนึ่งตกลงจากท้องฟ้า ราวกับสายฟ้าวูบกะพริบ

ฟุ่บ!

ชายกลางคนชุดคลุมขาวถูกฆ่า

“เจ้าๆๆ… คิดจะทำจนถึงืที่สุด ไม่เหลือทางหนีทีไล่จริงๆ หรือ นี่เจ้ากำลังเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกอยู่นะ! ออกจากทะเลหมากดาราจะต้องประสบมเคราะห์ใหญ่แน่!”

ชายชราชุดทองคำรามอย่างเดือดดาล

“เป็นศัตรูกับคนทั้งโลก…”

หลินสวินพึมพำคำหนึ่ง จากนั้นนัยน์ตาดำทั้งคู่ยิ่งเย็นเยียบขึ้นมา “พวกเจ้าคิดว่าตัวเองสามารถเป็นตัวแทนของทั้งดินแดนรกร้างโบราณได้จริงๆ หรือ ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกแล้วอย่างไร ข้าหลินสวินไม่เคยกลัวการต่อสู้อยู่แล้ว!”

พูดจบเขาก็รวบนิ้วกรีดวาดลงมา

บนฟากฟ้า คมดาบเจิดจ้าลงมาเยือน ราวกับสวรรค์ลงโทษ ไม่ว่าชายชราชุดทองจะหลบอย่างไร สุดท้ายก็ถูกฆ่า!

ผู้แข็งแกร่งระดับราชันแปดคนที่มาจากขุมอำนาจต่างกัน ล้วนถูกฆ่าทั้งหมดในตอนนี้

ชั่วขณะนั้นทะเลในระยะสามพันลี้นี้ได้คืนความสงบอีกครั้ง มีเพียงประกายดวงดาวเจิดจ้าพที่ม้วนแผ่อยู่กลางฟ้าดิน

หลินสวินลอยตัวลงบนเกาะสันโดษนั่น นั่งขัดสมาธิบนพื้น

สังหารราชันแปดคน แต่จิตใจเขาไร้ซึ่งความรู้สึก เพราะตั้งแต่ตอนที่พวกเขาใกล้เกาะแห่งนี้ ก็ถูกกำหนดความตายไว้แล้ว

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบแกนวิญญาณออกมา เริ่มนั่งสมาธิ

การควบคุมค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราต้องเสียพลังงานในตัวมากเช่นกัน ก็เหมือนการสังหารราชันแปดคนนี้ ก็ใช้พลังวิญญาณของเขาไปกว่าครึ่งในชั่วขณะ

“นี่คือกลุ่มที่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่ากลุ่มที่สองจะมาตอนไหน…”

หลินสวินนั่งสมาธิพลางรอคอย

……

บนชายฝั่งทะเลหมากดารา

เวลาผ่านไปทีละนิด ผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจที่รอข่าวดีอยู่ในตอนแรก ค่อยๆ รู้สึกหมดความอดทนแล้ว

เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ราชันมากมายขนาดนี้เคลื่อนไหวพร้อมกัน หรือแค่เทพมารหลินคนเดียวยังหาไม่เจอ

หรือจนตอนนี้เจ้าหมอนั่นยังไม่ออกจากเขตหวงห้ามไร้มรณะ

เป็นไปไม่ได้!

ทุกคนล้วนรู้ดีว่าที่เขตหวงห้ามไร้มรณะเป็นหนึ่งในห้าเขตหวงห้ามของแดนชัยบูรพา ก็เพราะมันเป็นสถานที่ที่ห้ามเข้าใกล้!

นอกเสียจากกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่จัดขึ้นห้าปีครั้งจะเปิดฉากขึ้น จึงจะมีโอกาสก้าวเข้าไป มิฉะนั้นไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าไปได้

นี่เป็นข้อสรุปอันเป็นเอกฉันท์ที่ผู้ฝึกปราณมากมายคาดเดาออกมา หลังจากผ่านการสำรวจมานับครั้งไม่ถ้วนในอดีต

เวลาค่อยๆ ล่วงเลย บนทะเลหมากดาราที่กระจ่างชัดบริสุทธิ์และกว้างใหญ่ไพศาลยังคงคลื่นสงัดลมสงบ ไม่มีความเคลื่อนไหวสักนิด

แม้เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็ค่อยๆ ขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกหมดความอดทน

เพียงแค่ล่าคนรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งเท่านั้น เหตุใดต้องเสียเวลาขนาดนี้

ไม่มีใครรู้ว่าในส่วนลึกของทะเลหมากดารานั่นเคยถูกปิดกั้น และในพื้นที่ที่ถูกปิดกั้นนั้น สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันแปดคนนั้นได้ดวงจิตสลาย ถูกฝังในทะเลแล้ว

และไม่มีใครกล้าจินตนาการว่า หลินสวินคนเดียวจะมีความสามารถในการสังหารราชันแปดคนได้

ในจิตใต้สำนึกของพวกเขาต่างคิดว่า ที่ยังไม่มีข่าวส่งมาเสียที หากไม่ใช่เพราะหาหลินสวินไม่เจอ ก็คงเพราะพบเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันบางอย่างระหว่างทาง!

แน่นอนว่าแม้เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็ไม่มีใครคิดว่าเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เคลื่อนกำลังไปจะประสบเคราะห์หมดแล้ว

“ข้าไปดูสักหน่อย!”

ทันใดนั้นในเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ โก่วเหยียนเจินสูดหายใจเข้าลึกๆ ร้องเสียงดังออกมา

เขาทนรอไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถทนได้แล้ว

ในฐานะลูกหลานของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ความฉับไวในการรับกลิ่นย่อมชนะขาด ในทะเลหมากดาราอันเวิ้งว้าง แม้จะกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่เขาไม่เชื่อว่าจะหาร่องรอยของหลินสวินไม่เจอ!

“ไม่ได้!”

โก่วหยางซิวขวางโก่วเหยียนเจินไว้อีกครั้ง เอ่ยเสียงเย็น “เจ้าเป็นผู้กล้าขอบเขตมกุฎระดับบั่นหมื่นเศียรที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์เผ่าเรา ไม่เคยได้ยินหลักการที่ว่าคนสำคัญของบ้านไม่ควรนั่งเสี่ยงบนหลังคาหรือ”

“แต่ข้า…”

“ไม่มีแต่” โก่วหยางซิวพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “หยางเจี่ย เจ้าไป!”

สายตาของเขามองไปยังชายกลางคนสีผิวคล้ำ สีหน้าเย็นเยียบราวกับโขดหิน

ชายกลางคนนามว่าโก่วหยางเจี่ย คือบุคคลที่ก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์คนหนึ่ง ได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงพยักหน้าเท่านั้น

“พกประทับนรกโลหิตไปด้วย!”

โก่วหยางซิวลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็กัดฟัน ยื่นตราประทับที่ปลดปล่อยประกายเลือดน่ากลัวอันหนึ่งให้โก่วหยางเจี่ย

ทันใดนั้นอานุภาพกดข่มอริยะมรรคที่น่ากลัวไร้ที่เปรียบแผ่กระจายออกจากประทับสีเลือด ทำให้ผู้ฝึกปราณบริเวณรอบๆ ฮือฮาขึ้นมา

ประทับนรกโลหิต สมบัติอริยะของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เคยเปื้อนเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนตั้งแต่สมัยบรรพกาลแล้ว อานุภาพน่ากลัวคับฟ้า

“จำเป็นหรือ” โก่วหยางเจี่ยพูด รู้สึกเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

‘ฆ่าเด็กเมื่อวานซืนคนนั้นง่าย แต่อย่าลืมว่ามีสหายยุทธ์คนอื่นๆ อยู่ในนั้นด้วย มีสมบัติอริยะเพิ่มมาชิ้นหนึ่ง ก็สามารถข่มขวัญและสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น’

โก่วหยางซิวสื่อจิต ความหมายในคำพูดลึกซึ้ง

โก่วหยางเจี่ยพยักหน้า พุ่งออกไปโดยไม่ลังเลอีกต่อไป

……

“ดูเหมือนว่าพวกเราก็ควรเอากระบี่เทียมฟ้ามาทดสอบความแหลมคมสักหน่อยแล้ว”

อีกด้านหม่าหยวนชิงถอนหายใจเบาๆ หยิบกล่องกระบี่ที่เก่าคร่ำสีดำสนิทออกมา ยื่นให้ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ

“ศิษย์น้องเหวินหย่วน อย่าให้สำนักกระบี่เทียมฟ้าเสียชื่อ” สีหน้าของเขาเคร่งขรึม

ชายชราในชุดผ้าหยาบ หนวดเคราเผ้าผมเป็นสีดอกเลา ใบหน้าผอมซูบคนนี้ นามว่าจงเหวินหย่วน

ได้ยินเช่นนี้จึงรับกล่องกระบี่ไป แล้วเอ่ยว่า “ไม่ให้เสียชื่อแน่!”

สวบ!

เขาแบกกล่องกระบี่ไว้กลางหลัง เงาร่างราวกับสายรุ้งทะลวงออกไป

……

“หึ เจ้าเฒ่าพวกนั้นอดไม่ไหวใช้สมบัติอริยะแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจะรั้งท้ายไม่ได้”

ฝั่งแดนพิสุทธิ์อมตะ ซั่งเหวินจิ่นพลิกฝ่ามือ ตำหนักสำริดขนาดราวกำปั้นหลังหนึ่งปรากฏขึ้นมา ดูเหมือนเล็กมาก แต่กลับปลดปล่อยกลิ่นอายน่ากลัวที่สามารถกดข่มฟ้าดินภูผาธารา

ตำหนักอมตะ!

“ศิษย์น้องโม่เจิน ครั้งนี้ให้เจ้าไป จำไว้ว่าเป้าหมายของเราคือฆ่าหลินสวิน แต่ถ้ามีคนขวาง ก็อย่าไม่จำเป็นต้องกังวล!”

ซั่งเหวินจิ่นพูดพร้อมยื่นตำหนักอมตะให้ผู้หญิงที่งดงามไร้ที่ติในชุดสีเขียว ท่าทางราวกับเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ

ในขณะที่พูดสายตาของซั่งเหวินจิ่นก็กวาดมองขุมอำนาจอื่นๆ มุมปากแฝงยิ้มเยาะ

แน่นอนว่านางดูออก ว่าเป้าหมายของสมบัติอริยะที่แต่ละฝ่ายเรียกออกมา บางทีอาจเพื่อให้มั่นใจว่าจะฆ่าหลินสวินได้แน่นอน

แต่เหตุผลที่สำคัญกว่า เกรงว่าคงเพื่อสกัดขุมอำนาจอื่นๆ ที่เข้ามาแย่งชิง!

……

“หึ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาได้ชื่นชม ‘ร่มรุ้งสมบัติม่วง’ ของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณสักหน่อย!”

“เอา ‘บรรทัดสยบฟ้า’ ของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ออกมา!”

ในเวลาเดียวกัน ขุมอำนาจอื่นๆ ต่างเคลื่อนไหว

การกระทำนี้มีนัยแข่งขันกันอ้อมๆ พร้อมๆ กับที่ขัดขวางคู่ต่อสู้ ไม่ให้ถูกคนอื่นใช้อานุภาพสมบัติอริยะชิงลงมือก่อนตอนฆ่าหลินสวิน

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท