Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1083 การชำระเริ่มต้นขึ้น

ตอนที่ 1083 การชำระเริ่มต้นขึ้น

ระดับราชันแข็งแกร่งเพียงใด

ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาลงมือก็รู้แล้ว ราวกับนายเหนือหัวคนหนึ่ง เพียงโจมตีง่ายๆ ก็มีอานุภาพทำลายล้างจักรวาล บดขยี้ภูผาธารา

และคนที่ลงมือกับหลินสวินตอนนี้ ก็เป็นบุคคลระดับราชันแปดคน อีกทั้งยังมีหลายคนที่ก้าวสู่มรรคาอมตะแล้ว!

ที่น่ากลัวที่สุดคือ ด้วยความระแวงอย่างหนึ่ง ตอนที่พวกเขาลงมือจึงไม่ได้ออมมือเลยสักนิด

เพราะรู้ดีว่าในมือหลินสวินมีสมบัติอริยะและกระบวนผนึกมรรคราชันที่สามารถข่มขวัญระดับราชัน!

ตูม!

รอบๆ เกาะอากาศปั่นป่วน แสงมรรคพวยพุ่ง มีวิชาลับพลิกฟ้าแปรเป็นรัศมีศักดิ์สิทธิ์ เผยปรากฏการณ์ประหลาดน่ากลัวกดข่มออกไป

มีทวนวงเดือน หอกศึก โคมสำริด กระบี่วิญญาณน่าครั่นคร้ามโฉบผ่านอากาศ สังหารลงมา

ตอนนี้ไม่ว่าราชันคนใดพบเจอการโจมตีมืดฟ้ามัวดินเช่นนี้ เกรงว่าคงต้องหมดหวัง

แต่สีหน้าของหลินสวินยังคงนิ่งสงบ

ชุดของเขาโบกสะบัด ยืนตระหง่านอยู่บนโขดหินในเกาะสันโดษ นัยน์ตาดำเยือกเย็น มองดูการโจมตีจากสี่ด้านแปดทิศที่พุ่งเข้ามา

ตั้งแต่ต้นจนจบเงาร่างนิ่งไม่ขยับแม้แต่น้อย ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

เพียงแต่ในน้ำทะเลรอบๆ เกาะกลับปรากฏประกายดวงดาวที่ราวกับเมฆควัน แต่ละเสี้ยวแต่ละสายประหนึ่งภาพฝัน

ในเวลาเดียวกัน ในรัศมีสามพันลี้จากเกาะสันโดษ พื้นผิวทะเลสีเงินยวงใสบริสุทธิ์แต่เดิม ปรากฏระลอกคลื่นต้องห้ามคลุมเครือ แปรเปลี่ยนเป็นแสงดวงดาวทั่วฟ้า ประกอบเป็นกำแพงในระยะทางสามพันลี้

กำแพงแปลงมาจากแสงดารา ด้านบนเชื่อมสวรรค์ ด้านล่างเชื่อมทะเล

มองลงมาจากบนฟากฟ้าราวกับคุกแห่งหนึ่ง กักขังผิวทะเลในระยะสามพันลี้ ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ปัง!

เมฆที่แปรมาจากสายฟ้าสายหนึ่ง ตอนที่กำลังจะเข้าใกล้เกาะสันโดษ กลับถูกประกายดวงดาวที่ผุดจากผิวทะเลขวางไว้ และระเบิดอย่างกะทันหัน

โหวเทียนจงหรี่ตา สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

การโจมตีนี้เขาเตรียมมานานแล้ว เพียงพอที่จะผลาญภูผาต้มมหาสมุทร พลังทำลายล้างไร้ขีดจำกัด

แต่กลับระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อย่างง่ายดายในชั่วพริบตา ไม่สามารถพุ่งไปถึงเกาะสันโดษ!

ปัง!

ในระยะไกล กระบี่วิญญาณสีทองเล่มหนึ่งโอดครวญ ถูกประกายดวงดาวมากมายพันรอบ จิตวิญญาณในตัวกระบี่ถูกกัดเซาะทันที จากนั้นร่วงลงน้ำทะเลราวกับงูตาย

ร่างกายของหลิวเจี้ยนคุนแข็งค้าง เลือดลมเดือดพล่าน แววตาเผยความแปลกใจวูบหนึ่ง

กระบี่นี้เป็นถึงยอดศาสตรามรรคราชันชิ้นหนึ่ง กลับถูกทำลายเช่นนี้ ทำให้เขายากจะเชื่อ

ปังๆๆ!

ในเวลาเดียวกัน วิชามรรคและสมบัติที่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนอื่นๆ สำแดง ล้วนถูกประกายดวงดาวที่ราวกับหมอกควันขวางกั้น พากันสลายไป

เสียงกึกก้องราวกับฟ้าร้องสะเทือนฟ้าดินผืนนี้

มองจากไกลๆ ราวกับมีเปลวเพลิงสว่างไสวมากมายระเบิดออกรอบๆ เกาะสันโดษ ละอองแสงโปรยปรายหายไปในอากาศ

ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ หลินสวินเพียงมองอยู่แบบนี้ นิ่งสงบจนน่ากลัว!

โหวเทียนจง หลิวเจี้ยนคุน โก่วหยางหยวนและเหล่าราชันต่างตะลึง สายตาวูบไหว ตระหนักได้ว่ารอบๆ เกาะนี้มีพลังต้องห้ามปกคลุมไว้นานแล้ว

โชคดีที่ก่อนหน้านี้ พวกเขายังไม่เคยเข้าเกาะนั่นด้วยตัวเอง

และโชคดีที่พวกเขาระวังอยู่ตลอด เดาออกว่าหลินสวินกล้ารออยู่ตรงนี้ คงวางกระบวนผนึกมรรคราชันไว้ตั้งนานแล้ว

“นี่ก็คือกระบวนผนึกมรรคราชันที่เจ้าชิงมาจากเผ่าหงส์เขียวหรือ มิน่าถึงได้กล้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้ แต่ว่า…”

มุมปากของโหวเทียนจงเผยความเย้ยหยันดูถูก “เจ้าคิดว่าครั้งนี้เพื่อเล่นงานเจ้า พวกข้าจะไม่คำนึงถึงจุดนี้เลยหรือ”

ระดับราชันคนอื่นๆ กลับสู่ความสงบ สายตาที่มองหลินสวินแฝงความเย็นเยียบ

พวกเขาเดาออกว่าจะเป็นเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว

หลินสวินเหมือนไม่ได้ยิน สายตากวาดผ่านพวกโหวเทียนจง สุดท้ายก็พูดอย่างนิ่งสงบ “ดูเหมือนว่า กลุ่มแรกที่มาก็คือพวกเจ้า”

จากนั้นเขาชี้ไปยังพื้นผิวทะเลสีเงินยวงที่อยู่ห่างออกไปพร้อมพูดว่า “นี่คือสุสานที่ข้าเตรียมไว้ให้พวกเจ้า ตายที่นี่ เผยแพร่ออกไปก็ไม่ถือว่าทำลายชื่อเสียงของพวกเจ้า”

เหล่าราชันชะงักไปก่อนเป็นอันดับแรก ล้วนไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง เกือบคิดว่าฟังผิดไปแล้ว

จากนั้นใบหน้าของพวกเขาอึมครึทลงโดยพร้อมเพรียง คนรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง ตัวตนราวกับมดตะนอย หากไม่ใช่เพราะหวาดเกรงกลัวสมบัติอริยะและกระบวนผนึกมรรคราชันในมือเขา อีกฝ่ายคงถูกสังหารไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว!

“ทุกท่านก็เห็นแล้ว เด็กนี่คิดว่าแค่วางกระบวนผนึกก็สามารถกวาดล้างพวกเราได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้ข้าลงมือ สลายกระบวนผนึกนี้ก่อน ให้เจ้าหมอนี่ได้ลิ้มรสสักหน่อยเป็นอย่างไร”

โหวเทียนจงพูดอย่างเย็นชา

ราชันคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่มีความคิดเห็นอื่น

โครม!

โหวเทียนจงเรียกคันฉ่องสำริดที่คล้ายกระดองเต่าเปล่งรัศมีแสงออกมา ทันทีที่ทะยานอากาศ สัญลักษณ์วิญญาณแน่นขนัดก้พวยพุ่ง มหัศจรรย์อย่างที่สุด

จานวิญญาณทำนาย!

สมบัติโบราณวิเศษอัศจรรย์สำหรับสลายกระบวนผนึกชิ้นหนึ่ง ด้วยหลอมจากกระดองเต่าโบราณ ภายในสั่งสมนัยเร้นลับ เพียงแค่โคจรก็สามารถมองทะลุความลี้ลับใดๆ ที่ซ่อนอยู่ในกระบวนผนึกมรรคราชัน

ราชันคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ในใจมั่นใจอย่างมาก เพราะต่างรู้ดีว่าอานุภาพอัศจรรย์ของจานวิญญาณทำนาย สามารถควบคุมทุกกระบวนผนึกมรรคราชันได้

“ทลาย!”

โหวเทียนจงตะโกน ท่าทางดุดัน พลานุภาพมรรคราชันพลุ่งพล่าน

ทันใดนั้นจานวิญญาณทำนายส่งเสียงกู่ก้อง จู่ๆ ก็ระเบิดสัญลักษณ์วิญญาณนับหมื่นพันออกมา ซัดไปทางเกาะนั้นประหนึ่งกระแสน้ำ

ฮูม

และเวลาเดียวกันนั้น ในน้ำทะเลหน้าเกาะปลดปล่อยหมอกแสงดาราแน่นขนัด ขวางอยู่ตรงนั้น

ราชันคนอื่นๆ เตรียมพร้อมโจมตี รอเพียงสลายกระบวนผนึกนี้ได้ก็จะพุ่งสังหารหลินสวินทันที

พร้อมกันนี้โหวเทียนจงเองก็เตรียมพร้อมลงมืออย่างเต็มที่แล้ว

แต่ที่ทำให้ทุกคนต่างผิดคาดก็คือ ท่ามกลางเสียงปะทะ จานวิญญาณทำนายกลับพ่ายแพ้ ไม่เพียงไม่สามารถสลายได้ กลับยังถูกแสงดารามากมายปกคลุม

จากนั้นเสียงปังดังลั่น สมบัติโบราณที่วิเศษอัศจรรย์ชิ้นนี้ระเบิดตัวอย่างกะทันหัน!

นี่…

เหล่าราชันไม่ทันตั้งตัว ต่างตกใจ นี่เป็นไปได้อย่างไร

พวกเขารู้ชัดมานานแล้วว่า กระบวนผนึกมรรคราชันในมือหลินสวินมาจากเผ่าหงส์เขียว ชื่อว่าจตุลักษณ์ราชัน

ตามหลักแล้วด้วยอานุภาพของจานวิญญาณทำนายเพียงพอสลายมันได้ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้!

“นี่ไม่ใช่กระบวนผนึกจตุลักษณ์ราชัน”

โหวเทียนจงตะโกน ราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน

และตอนนี้เอง หลินสวินที่นิ่งสงบมาโดยตลอดรอบตัวพลันปลดปล่อยไอสังหารน่ากลัวไร้ขอบเขตออกมา ประหนึ่งภูเขาไฟที่กดข่มกาลเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุดระเบิดออกในตอนนี้

นัยน์ตาดำของเขาแผ่ประกาย ไม่ปกปิดอีกต่อไป ร่างกายลอยขึ้นกลางอากาศเหนือโขดหินบนเกาะ แววตาดุจดั่งสายฟ้า จับจ้องโหวเทียนจงพร้อมพูดอย่างเรียบเฉย “ข้าบอกแล้วว่า จะส่งเจ้าลงนรกเป็นคนแรก”

เพิ่งจะสิ้นเสียง…

ตูมโครมๆ!

ท้องฟ้ายุบทลาย สะท้อนดวงดาวสว่างไสวแน่นขนัด สาดประกายสีใสไร้จำกัด

พื้นผิวน้ำทะเลอันเงียบสงบเดือดพล่านขึ้นในตอนนี้ ประกายดาราซึ่งไม่มีที่สิ้นสุดราวกับหมอกหนาที่ระเหยขึ้นมา แปรเปลี่ยนเป็นพลังต้องห้ามที่คลุมเครือ

ภาพนั้นน่ากลัวมาก ทันใดนั้นที่แห่งนี้ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นนรก แสงดาราปกคลุม ทะเลท้องฟ้าพลิกตลบ ปลดปล่อยผนึกต้องห้ามไร้ขอบเขต

“เฉือน!” หลินสวินรวบนิ้วกวาดออกมา

กลางฟ้าดินนั่น คลื่นประกายดาราแปรเป็นดาบเล่มหนึ่ง ราวกับดาบแหลมมหามรรค เจิดจ้าสะท้อนท้องฟ้า ฟาดฟันลงมา

“นี่… นี่เป็นพลังต้องห้ามไร้เทียมทานของทะเลหมากดารา!”

โหวเทียนจงจิตวิญญาณหลุดลอย ในใจเขาเต้นระทึกตั้งแต่ตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตะลึงแล้ว เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น

และเมื่อเห็นการโจมตีที่ราวกับดาบแหลมหามรรคพุ่งลงมาหาตน เขาก็ตกใจจนต่อต้านสุดชีวิตตามจิตใต้สำนึก ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้!

ทว่าเสียงฟุ่บดังขึ้น ท่ามกลางการโจมตีที่ราวกับสิ่งต้องห้ามไร้เทียมทาน เขาโดนฆ่าโดยตรง ไม่มีแรงจะโต้ตอบ ร่างกายถูกแปรสภาพทันที

ก่อนตายโหวเทียนจงยังยากจะเชื่อ พลังที่น่ากลัวเช่นนี้ จะถูกมดตะนอยระดับกระบวนแปรจุติตัวหนึ่งควบคุมได้อย่างไร

เขารับไม่ได้ และคิดไม่ตก!

น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาคิด ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านโดยพลัน แม้แต่พลังจิตยังถูกประกายแสงม้วนกลืน หายไปอย่างสิ้นเชิง!

การโจมตีเดียว สังหารราชัน!

เฮือก!

พวกโก่วหยางหยวนสูดหายใจด้วยความตกใจ จิตใจสะเทือนอย่างรุนแรง

การโจมตีนี้ควบรวมพลังผนึกต้องห้ามไร้จำกัด ราวกับดาบแห่งสวรรค์ ทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญหนี ขนลุกไปทั้งกาย

ตอนนี้หลินสวินเปล่งแสงไปทั้งตัว ประกายดวงดาวไม่มีที่สิ้นสุดที่ร่วงลงจากท้องฟ้าเหนือศีรษะปกคลุมร่างกายของเขา สว่างไสวผิดปกติ กดข่มฟ้าดินผืนนี้ราวกับนายเหนือหัว ทำให้ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้

“เขา… เขาสามารถควบคุมพลังต้องห้ามของทะเลหมากดารา! นี่… นี่เป็นหลุมพราง!” โก่วหยางหยวนเข้าใจทันที

มิน่าเด้กนี่ถึงกล้ากำเริบเสิบสาน แม้ถูกเหล่าราชันปิดล้อมก็ยังใจเย็น ที่แท้เขาก็ขุดหลุมพรางไว้แล้ว!

โก่วหยางหยวนหมุนตัวหนี โกรธจนหน้าเขียว ในใจกระวนกระวาย คิดจนหัวแตกก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องที่เหลือเชื่อเช่นนี้

ทะเลหมากดาราดำรงอยู่มาตั้งแต่บรรพกาลจนถึงปัจจุบัน แม้แต่อริยะบังเอิญเข้ามายังหลงทาง เป็นเขตต้องห้ามมาโดยตลอด

แต่ใครจะคิดว่าพลังต้องห้ามของทะเลหมากดาราแห่งนี้ ตอนนี้กลับถูกคนรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งควบคุม

ยิ่งคิดโก่วหยางหยวนก็ยิ่งขนลุก

“สุสานได้เตรียมไว้ให้พวกเจ้าแล้ว ทำไมต้องไป อยู่ต่อเถอะ!”

เสียงราบเรียบเย็นชาของหลินสวินดังขึ้นข้างหู โก่วหยางหยวนทั้งโกรธทั้งตกใจ เขาเป็นถึงราชันที่บรรลุระดับอมตะ กลับถูกคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งดูหมิ่นเช่นนี้ นี่น่าอับอายเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

เขาอดหันกลับไปไม่ได้ เตรียมจะพูดจารุนแรง แต่ดวงตาพลันเบิกโพลง ในครรลองสายตา ดาบยักษ์สว่างไสวเล่มหนึ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว!

ฟุ่บ!

จากนั้นโก่วหยางหยวนยังไม่ทันต่อสู้ก็ถูกสังหารภายใต้คมดาบ ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านโปรยลงผิวทะเล

ระดับราชันถูกฆ่าอีกคนแล้ว!

บุคคลระดับราชันอย่างพวกหลิวเจี้ยนคุนต่างงุนงง ขาสั่นระริก แม้แต่ริมฝีปากยังสั่น จิตใจแทบจะทรุดทลายแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นโก่วหยางหยวนหรือโหวเทียนจง ล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว แต่ตอนนี้กลับเหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาที่ต้านทานไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว ถูกสังหารในชั่วพริบตา

ภาพอันนองเลือดนี้สยดสยองเกินไปแล้ว!

“หนี!”

พวกหลิวเจี้ยนคุนต่างหนีอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป หนีไวกว่าตอนมา ราวกับสุนัขแตกฝูง หวาดกลัวอย่างที่สุด

น่าตกใจเกินไปแล้ว!

แม้แต่ระดับราชันยังถูกกำจัด ใครจะกล้าชักช้า

ก่อนหน้านี้พวกเขาเย่อหยิ่งสูงส่ง เผด็จการอย่างที่สุด เห็นหลินสวินเป็นเหยื่อไร้ค่า แต่ตอนนี้แต่ละคนกลับอยากจะมีขาเพิ่มมาอีกสักคู่เสียเหลือเกิน ท่าทางนั่นไม่ต้องพูดถึงว่าตื่นตระหนกและย่ำแย่แค่ไหน

หากเหล่าผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจบนชายฝั่งเห็นสถานการณ์เช่นนี้ คงตกใจจนลูกตาหลุดออกมา

หลินสวินไม่ได้ตามไป เพราะในรัศมีสามพันลี้ถูกปิดกั้นไปนานแล้ว ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีทางหนีใดๆ

ส่วนในระยะสามพันลี้ เขาก็คือนายเหนือหัว!

แม้อริยะมาเยือนก็ไม่เกรงกลัว!

“เฉือน!”

ประกายดวงดาวทั่วฟ้าพลุ่งพล่าน แปรเป็นดาบสวรรค์สังหารลงมา เต็มไปด้วยไอน่าสะพรึงถึงขีดสุด

ห่างออกไปนอกพันลี้ หลิวเจี้ยนคุนเรียกกระถางสมบัติออกมาสู้ ผลลัพธ์คือกระถางสมบัติถูกผ่าเป็นสองท่อน ส่วนตัวเขาส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะแปรสภาพโปรยปรายลงกลางทะเล

การชำระแค้นของหลินสวิน เริ่มต้นขึ้น ณ ทะเลผืนนี้!

ตอนที่ 1083 การชำระเริ่มต้นขึ้น

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท